โครงร่างการเขียนรายงานวิชาการ1. ความหมายของการเขียนรายงานทางวิชาการในก การแปล - โครงร่างการเขียนรายงานวิชาการ1. ความหมายของการเขียนรายงานทางวิชาการในก ไทย วิธีการพูด

โครงร่างการเขียนรายงานวิชาการ1. ควา

โครงร่างการเขียนรายงานวิชาการ

1. ความหมายของการเขียนรายงานทางวิชาการ
ในการเขียนรายงานนั้น มีความหมายของคำบางคำ ใกล้เคียงกัน ที่ควรทราบ เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง และนำไปใช้ในการวางแผนการเขียน ให้สอดคล้องกับลักษณะของงาน ดังนี้
• รายงาน (Report) หมายถึง ผลงานของการศึกษาค้นคว้า หรือการปฏิบัติงานเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างละเอียด แล้วนำมาเรียบเรียงขึ้นใหม่ อย่างมีระเบียบ แบบแผน ที่กำหนดไว้ เพื่อให้ผู้สั่งงาน หรือผู้รับรายงาน และผู้สนใจทั่วไป พิจารณา
• บทนิพนธ์ หมายถึง ผลงานการเรียบเรียง อันเนื่องมาจากการศึกษาค้นคว้า ของผู้ศึกษา จำแนกเป็น รายงาน ภาคนิพนธ์ และปริญญานิพนธ์
• ภาคนิพนธ์ (Term Paper) หมายถึง ผลงานที่รวบรวมและเรียบเรียงจากการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่ผู้สอนมอบหมายให้ทำ ใช้เป็นส่วนประกอบของการศึกษาวิชาใดวิชาหนึ่ง มีลักษณะเป็นการศึกษาเอกสาร ไม่ใช่วิจัยสนาม (Field Research) ซึ่งมักมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในสถานการณ์จริง
• วิทยานิพนธ์ (Thesis Dissertations) เป็นรายงาน ที่เรียบเรียงจากการศึกษาค้นคว้าวิจัย ข้อเท็จจริง อย่างละเอียดลึกซึ้งรอบคอบ ตามลำดับขั้นของการวิจัย เป็นรายงานที่จัดทำเพื่อการศึกษา ระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก มีปริมาณและคุณภาพสูงกว่า ภาคนิพนธ์
รายงานโดยทั่วไป มีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ การแสดงความคิด ความรู้ และความรู้สึก มีรายละเอียดการเขียนแตกต่างกันบ้าง อาจแบ่งรายงานเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือรายงานทั่วไป กับ รายงานทางวิชาการ
• รายงานทั่วไป ได้แก่รายงานข้อเท็จจริง หรือ ข้อคิดเห็น ของบุคคลหรือหน่วยงานหรือสถานการณ์ เหตุการณ์ ซึ่งได้ดำเนินไปแล้ว หรือกำลังดำเนินอยู่ หรือจะดำเนินต่อไป ได้แก่ รายงานแสดงผลงาน หรือรายงานเสนอผลงาน ซึ่งผู้รับผิดชอบรายงานผลการปฏิบัติงาน ต่อผู้บังคับบัญชาหรือผู้เกี่ยวข้อง ว่ามีผลงานเป็นอย่างไร หรือมีแนวโน้มไปทางใด รายงานเหตุการณ์ บอกให้ทราบเรื่องราวต่าง ๆ เป็นระยะ ถ้ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที
• รายงานทางวิชาการ ได้แก่ รายงานที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้า ของนักวิชาการหรือสถาบันทางวิชาการ มักได้จากการศึกษา ค้นคว้า วิจัย โดยมีระเบียบวิธีการศึกษาค้นคว้าที่เป็นระบบ และมีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นข้อเท็จจริง ปราศจากการต่อเติมเสริมแต่งใช้สำนวนภาษาที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ไม่ใช้พรรณนาโวหารไพเราะ เน้นความรู้ ความถูกต้อง มีระบบการอ้างอิง ที่มาของข้อมูล เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาค้นคว้า อ้างอิงได้ใช้ชื่อต่าง ๆ เช่น รายงานการค้นคว้าทดลอง รายงานการวิจัย รวมถึง รายงานภาคนิพนธ์ และวิทยานิพนธ์ ก็เป็นรายงานทางวิชาการแบบหนึ่ง
2. แนวคิดพื้นฐานในการเขียนรายงาน
การเขียนรายงาน โดยเฉพาะรายงานทางวิชาการที่มีประโยชน์ จำเป็นจะต้องอิงหลักวิชาการ เป็นการนำเสนอความคิด ความรู้ ที่ถูกต้อง เกิดประโยชน์ในการอ่าน ตอบสนองความต้องการของผู้อ่านได้ เพราะความมุ่งหมายที่แท้จริงของการเขียน ก็คือ เขียนเพื่อให้ผู้อื่นอ่านการที่จะเขียนให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์จากการอ่านตามจุดมุ่งหมาย ผู้เขียนควรจะได้เขียนอย่างประณีตในการใช้รูปแบบถ้อยคำภาษา จัดลำดับการนำเสนอเนื้อหา เป็นขั้นตอน ต่อเนื่องสัมพันธ์กัน นักเขียนมืออาชีพ จะพิจารณาตอบคำถาม 3 ข้อต่อไปนี้ ก่อนลงมือเขียนผลงาน
1. คุณลักษณะของผู้อ่านเป็นอย่างไร
2. ผู้เขียนมีจุดประสงค์ในการเขียนอย่างไร
3. ควรจะเรียบเรียงนำเสนอเนื้อหาอย่างไร
หลักการ แนวคิดพื้นฐานสำคัญของนักเขียนมืออาชีพ ได้แก่
• 1. คำนึงถึงผู้อ่าน ถ้าได้ทราบล่วงหน้า ว่าผู้อ่านรายงานคือใคร พื้นฐานความรู้ความคิดเป็นอย่างไร จะทำให้ทราบความรู้ ความสามารถ และความคาดหวัง ที่ผู้อ่านต้องการจากรายงานได้ ทำให้การเขียนรายงานทำได้ตรงความต้องการของผู้อ่าน รายงานจะมีประโยชน์มากกว่าเขียนครอบคลุมผู้อ่านหลายระดับ ซึ่งตอบสนองได้ยากกว่าเขียนโดยคำนึงถึงผู้อ่าน ยึดความต้องการของผู้อ่านเป็นสำคัญ ผู้อ่านต้องการทราบอะไรเขียนให้ตรง ไม่ควรเขียน หรือรายงานทุกอย่างที่ผู้เขียนทราบ แต่รายงานเฉพาะที่ผู้รับรายงานต้องการหรือควรทราบเท่านั้น ประหยัดเวลาของผู้อ่าน เพื่อให้ผู้อ่านทราบถึงสิ่งที่ต้องการโดยเร็ว เขียนเนื้อหาสั้น ๆ ให้ได้ความชัดเจนเขียน สาระสำคัญ บทสรุปและข้อเสนอแนะ ให้มีจุดสังเกต เห็นได้ง่าย เช่น ตัวใหญ่ ตัวหนา แยกห่างจากข้อความอื่น หรือมีเครื่องหมายพิเศษกำกับเขียนให้สอดคล้องกับ พฤติกรรมการอ่านของผู้อ่าน (พอกซัน. 2537 : 26) มีการวิจัยพบว่า แนวคิด ข้อความ ที่กล่าวถึงก่อน จะทำให้ผู้อ่านจำได้มากกว่า แนวคิดข้อความที่กล่าวภายหลัง เอกสารยิ่งยาว ความน่าอ่านก็ยิ่งลดลง ผู้อ่านสนใจที่จะอ่าน ปัญหาและข้อสรุป ตลอดจนคำแนะนำต่าง ๆ มากกว่าจะอ่าน คำบรรยาย เรื่อง วิธีการ เนื้อหาทั่วไปหรือข้อมูล รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ และผู้อ่านรายงานมักจะคิดว่าตนเองถูกเสมอ
• 2. กำหนดจุดประสงค์ในการเขียน ถ้าผู้เขียนมีจุดประสงค์ของการเขียนชัดเจนผู้เขียนจะได้แนวทางในการเขียน และผู้อ่านจะได้รับรู้แนวทางชัดเจนตามไปด้วย ไม่ควรเขียนเพราะจำเป็นต้องเขียน ก่อนเขียน ควรจะตอบคำถามให้ได้ว่า ต้องการให้รายงานนี้ มีผลต่อผู้อ่านและต่อผู้เขียนเองอย่างไรบ้าง จุดประสงค์ของการเขียนทั่วไป 4 ข้อ มีดังนี้
1. เพื่อบอกเล่าข้อเท็จจริง ให้ความรู้ ให้ข้อมูล
2. เพื่อแนะนำ ชักจูงให้เชื่อถือ ปฏิบัติตาม
3. เพื่อแสดงตัวของผู้เขียน เพราะการเขียนจะบ่งบอกคุณลักษณะของผู้เขียน
4. เพื่อสนับสนุนหลักการ ให้ความบันเทิง อารมณ์ขัน
การเขียนที่มีจุดประสงค์แตกต่างกัน ต้องเลือกเนื้อหา วิธีเขียน รูปแบบการเขียน และเลือกใช้ภาษาที่ต่างกัน จึงจะเกิดผลตามความมุ่งหมาย
จุดประสงค์ของการเขียนรายงาน ควรจะมีหลายข้อ เรียงตามลำดับความสำคัญ คือ ควรมุ่งแสดงข้อเท็จจริง ให้ข้อมูล แนวปฏิบัติ ความคิด ความรู้
• 3. กำหนดรูปแบบการเรียบเรียงนำเสนอเนื้อหา การเสนอเนื้อหา หรือแนวในการเขียน หมายถึง วิธีเรียบเรียงข้อความให้สอดคล้องกับเนื้อหา จุดมุ่งหมายในการเขียน จนผู้อ่านสามารถรับ และเข้าใจได้ดีถึงสาระ ที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อสาร แนวการเขียนมีหลายแบบตามประเภทของงานเขียน ผู้เขียนจะต้องกำหนดแนวการเขียนไว้ล่วงหน้า เพื่อจะได้
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
โครงร่างการเขียนรายงานวิชาการ1. ความหมายของการเขียนรายงานทางวิชาการในการเขียนรายงานนั้นมีความหมายของคำบางคำใกล้เคียงกันที่ควรทราบเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างและนำไปใช้ในการวางแผนการเขียนให้สอดคล้องกับลักษณะของงานดังนี้•รายงาน (รายงาน) หมายถึงผลงานของการศึกษาค้นคว้าหรือการปฏิบัติงานเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างละเอียดแล้วนำมาเรียบเรียงขึ้นใหม่อย่างมีระเบียบแบบแผนที่กำหนดไว้เพื่อให้ผู้สั่งงานหรือผู้รับรายงานและผู้สนใจทั่วไปพิจารณา•บทนิพนธ์หมายถึงผลงานการเรียบเรียงอันเนื่องมาจากการศึกษาค้นคว้าของผู้ศึกษาจำแนกเป็นรายงานภาคนิพนธ์และปริญญานิพนธ์•ภาคนิพนธ์ (ระยะกระดาษ) หมายถึงผลงานที่รวบรวมและเรียบเรียงจากการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ผู้สอนมอบหมายให้ทำใช้เป็นส่วนประกอบของการศึกษาวิชาใดวิชาหนึ่งมีลักษณะเป็นการศึกษาเอกสารไม่ใช่วิจัยสนาม (วิจัย) ซึ่งมักมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในสถานการณ์จริง•วิทยานิพนธ์ (วิทยานิพนธ์แก้) เป็นรายงานที่เรียบเรียงจากการศึกษาค้นคว้าวิจัยข้อเท็จจริงอย่างละเอียดลึกซึ้งรอบคอบตามลำดับขั้นของการวิจัยเป็นรายงานที่จัดทำเพื่อการศึกษาระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอกมีปริมาณและคุณภาพสูงกว่าภาคนิพนธ์รายงานโดยทั่วไปมีลักษณะคล้ายคลึงกันคือการแสดงความคิดความรู้และความรู้สึกมีรายละเอียดการเขียนแตกต่างกันบ้างอาจแบ่งรายงานเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภทคือรายงานทั่วไปดื่มด่ำรายงานทางวิชาการ•รายงานทั่วไปได้แก่รายงานข้อเท็จจริงหรือข้อคิดเห็นของบุคคลหรือหน่วยงานหรือสถานการณ์เหตุการณ์ซึ่งได้ดำเนินไปแล้วหรือกำลังดำเนินอยู่หรือจะดำเนินต่อไปได้แก่รายงานแสดงผลงานหรือรายงานเสนอผลงานซึ่งผู้รับผิดชอบรายงานผลการปฏิบัติงานต่อผู้บังคับบัญชาหรือผู้เกี่ยวข้องว่ามีผลงานเป็นอย่างไรหรือมีแนวโน้มไปทางใดรายงานเหตุการณ์บอกให้ทราบเรื่องราวต่างๆ เป็นระยะถ้ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นจะได้แก้ไขได้ทันท่วงที•รายงานทางวิชาการได้แก่รายงานที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าของนักวิชาการหรือสถาบันทางวิชาการมักได้จากการศึกษาค้นคว้าวิจัยโดยมีระเบียบวิธีการศึกษาค้นคว้าที่เป็นระบบและมีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์เป็นข้อเท็จจริงปราศจากการต่อเติมเสริมแต่งใช้สำนวนภาษาที่เรียบง่ายตรงไปตรงมาไม่ใช้พรรณนาโวหารไพเราะเน้นความรู้ความถูกต้องมีระบบการอ้างอิงที่มาของข้อมูลเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาค้นคว้าอ้างอิงได้ใช้ชื่อต่างๆ เช่นรายงานการค้นคว้าทดลองรายงานการวิจัยรวมถึงรายงานภาคนิพนธ์และวิทยานิพนธ์ก็เป็นรายงานทางวิชาการแบบหนึ่ง2. แนวคิดพื้นฐานในการเขียนรายงานการเขียนรายงานโดยเฉพาะรายงานทางวิชาการที่มีประโยชน์จำเป็นจะต้องอิงหลักวิชาการเป็นการนำเสนอความคิดความรู้ที่ถูกต้องเกิดประโยชน์ในการอ่านตอบสนองความต้องการของผู้อ่านได้เพราะความมุ่งหมายที่แท้จริงของการเขียนก็คือเขียนเพื่อให้ผู้อื่นอ่านการที่จะเขียนให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์จากการอ่านตามจุดมุ่งหมายผู้เขียนควรจะได้เขียนอย่างประณีตในการใช้รูปแบบถ้อยคำภาษาจัดลำดับการนำเสนอเนื้อหาเป็นขั้นตอนต่อเนื่องสัมพันธ์กันนักเขียนมืออาชีพจะพิจารณาตอบคำถาม 3 ข้อต่อไปนี้ก่อนลงมือเขียนผลงาน 1. คุณลักษณะของผู้อ่านเป็นอย่างไร 2. ผู้เขียนมีจุดประสงค์ในการเขียนอย่างไร 3. ควรจะเรียบเรียงนำเสนอเนื้อหาอย่างไร หลักการแนวคิดพื้นฐานสำคัญของนักเขียนมืออาชีพได้แก่• 1 คำนึงถึงผู้อ่านถ้าได้ทราบล่วงหน้าว่าผู้อ่านรายงานคือใครพื้นฐานความรู้ความคิดเป็นอย่างไรจะทำให้ทราบความรู้ความสามารถและความคาดหวังที่ผู้อ่านต้องการจากรายงานได้ทำให้การเขียนรายงานทำได้ตรงความต้องการของผู้อ่านรายงานจะมีประโยชน์มากกว่าเขียนครอบคลุมผู้อ่านหลายระดับซึ่งตอบสนองได้ยากกว่าเขียนโดยคำนึงถึงผู้อ่านยึดความต้องการของผู้อ่านเป็นสำคัญผู้อ่านต้องการทราบอะไรเขียนให้ตรงไม่ควรเขียนหรือรายงานทุกอย่างที่ผู้เขียนทราบแต่รายงานเฉพาะที่ผู้รับรายงานต้องการหรือควรทราบเท่านั้นประหยัดเวลาของผู้อ่านเพื่อให้ผู้อ่านทราบถึงสิ่งที่ต้องการโดยเร็วเขียนเนื้อหาสั้นๆ ให้ได้ความชัดเจนเขียนสาระสำคัญบทสรุปและข้อเสนอแนะให้มีจุดสังเกตเห็นได้ง่ายเช่นตัวใหญ่ตัวหนาแยกห่างจากข้อความอื่นหรือมีเครื่องหมายพิเศษกำกับเขียนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการอ่านของผู้อ่าน (พอกซัน. 2537:26) มีการวิจัยพบว่าแนวคิดข้อความที่กล่าวถึงก่อนจะทำให้ผู้อ่านจำได้มากกว่าแนวคิดข้อความที่กล่าวภายหลังเอกสารยิ่งยาวความน่าอ่านก็ยิ่งลดลงผู้อ่านสนใจที่จะอ่านปัญหาและข้อสรุปตลอดจนคำแนะนำต่างๆ มากกว่าจะอ่านคำบรรยายเรื่องวิธีการเนื้อหาทั่วไปหรือข้อมูลรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ และผู้อ่านรายงานมักจะคิดว่าตนเองถูกเสมอ• 2 กำหนดจุดประสงค์ในการเขียนถ้าผู้เขียนมีจุดประสงค์ของการเขียนชัดเจนผู้เขียนจะได้แนวทางในการเขียนและผู้อ่านจะได้รับรู้แนวทางชัดเจนตามไปด้วยไม่ควรเขียนเพราะจำเป็นต้องเขียนก่อนเขียนควรจะตอบคำถามให้ได้ว่าต้องการให้รายงานนี้มีผลต่อผู้อ่านและต่อผู้เขียนเองอย่างไรบ้างจุดประสงค์ของการเขียนทั่วไป 4 ข้อมีดังนี้ 1. เพื่อบอกเล่าข้อเท็จจริงให้ความรู้ให้ข้อมูล2. เพื่อแนะนำชักจูงให้เชื่อถือปฏิบัติตาม3. เพื่อแสดงตัวของผู้เขียนเพราะการเขียนจะบ่งบอกคุณลักษณะของผู้เขียน4. เพื่อสนับสนุนหลักการให้ความบันเทิงอารมณ์ขันการเขียนที่มีจุดประสงค์แตกต่างกันต้องเลือกเนื้อหาวิธีเขียนรูปแบบการเขียนและเลือกใช้ภาษาที่ต่างกันจึงจะเกิดผลตามความมุ่งหมายจุดประสงค์ของการเขียนรายงานควรจะมีหลายข้อเรียงตามลำดับความสำคัญคือควรมุ่งแสดงข้อเท็จจริงให้ข้อมูลแนวปฏิบัติความคิดความรู้• 3 กำหนดรูปแบบการเรียบเรียงนำเสนอเนื้อหาการเสนอเนื้อหาหรือแนวในการเขียนหมายถึงวิธีเรียบเรียงข้อความให้สอดคล้องกับเนื้อหาจุดมุ่งหมายในการเขียนจนผู้อ่านสามารถรับและเข้าใจได้ดีถึงสาระที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อสารแนวการเขียนมีหลายแบบตามประเภทของงานเขียนผู้เขียนจะต้องกำหนดแนวการเขียนไว้ล่วงหน้าเพื่อจะได้
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
โครงร่างการเขียนรายงานวิชาการ

1
ความสามารถหมายมีของคำบางคำใกล้เคียงกันที่ควรทราบเพื่อเปรียบเทียบความสามารถแตกต่างและนำไปใช้ในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การวางแผนหัวเรื่อง: การเขียนให้สอดคล้องกับลักษณะของงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดังนี้
•รายงาน (Report) หมายถึงผลงานของการศึกษาค้นคว้า แล้วนำมาเรียบเรียงขึ้นใหม่อย่างมีระเบียบแบบแผนที่กำหนดไว้เพื่อให้คุณผู้สั่งงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายหรือผู้รับรายงานและคุณผู้สนใจทั่วไปการพิจารณา
•บทนิพนธ์หมายถึงผลงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายหัวเรื่อง: การเรียบเรียงอันเนื่องมาจากเนชั่หัวเรื่อง: การศึกษาเป็นค้นคว้าของคุณผู้ศึกษาเป็นจำแนกเป็นรายงานภาคนิพนธ์และ นิพนธ์สูงสุดปริญญา
•ภาคนิพนธ์ (ภาคนิพนธ์) หมายถึง ที่ผู้สอนมอบหมายให้ทำ มีลักษณะเป็นการศึกษาเอกสารไม่ใช่วิจัยสนาม (การวิจัยภาคสนาม)
วิทยานิพนธ์ (วิทยานิพนธ์วิทยานิพนธ์) เป็นรายงาน อย่างละเอียดข้อเท็จจริงลึกซึ้งรอบคอบตามลำดับขั้นของหัวเรื่อง: การวิจัยเป็นรายงานที่จัดทำเพื่อหัวเรื่อง: การศึกษาเป็นระดับสูงสุดปริญญาโทหรือสูงสุดปริญญาคุณเอกมีปริมาณและคุณภาพสูงสุดสูงกว่าภาคนิพนธ์
รายงานโดยทั่วไปการมีลักษณะคล้ายคลึงกันคือหัวเรื่อง: การสำคัญแสดงความสามารถคิดความสามารถรู้และความสามารถรู้สึก อาจแบ่งรายงานเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ออกประเภทคือรายงานทั่วไปการกับรายงานทางวิชาการ
•รายงานทั่วไปการ ได้แก่ รายงานข้อเท็จจริงหรือข้อคิดเห็นของบุคคลหรือหน่วยงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายหรือสถานการณ์เหตุการณ์ซึ่งได้ดำเนินไปแล้วหรือกำลังดำเนินขณะนี้หรือจะดำเนินต่อไป ได้แก่ รายงานสำคัญแสดง ผลงานหรือรายงานเสนอผลงาน ว่ามีผลงานเป็นอย่างไรหรือมี แนวโน้มไปทางใดรายงานเหตุการณ์บอกให้ทราบเรื่องราวต่าง ๆ เป็นระยะ
รายงานทางวิชาการ ได้แก่ รายงานที่ได้จาก การศึกษาค้นคว้าของนักวิชาการหรือสถาบันทางวิชาการมักได้จากการศึกษาค้นคว้าวิจัย และมีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์เป็นข้อเท็จจริง ตรงไปตรงมาไม่ใช้พรรณนาโวหาร ไพเราะเน้นความรู้ความถูกต้องมีระบบการอ้างอิงที่มาของข้อมูล อ้างอิงได้ใช้ชื่อต่าง ๆ เช่นรายงาน การค้นคว้าทดลองรายงานการวิจัยรวมถึงรายงานภาคนิพนธ์และวิทยานิพนธ์ก็เป็นรายงานทางวิชาการแบบหนึ่ง
2
จำเป็นจะต้องอิงหลักวิชาการเป็นการนำ เสนอความคิดความรู้ที่ถูกต้องเกิดประโยชน์ในการอ่านตอบสนองความต้องการของผู้อ่านได้ ก็คือ จัดลำดับการนำเสนอเนื้อหาเป็นขั้นตอน ต่อเนื่องสัมพันธ์กันนักเขียนมืออาชีพจะพิจารณาตอบคำถาม 3 ข้อต่อไปนี้ก่อนลงมือเขียนผล งาน
1 คุณลักษณะของผู้อ่านเป็นอย่างไร
2 ได้แก่• 1. คำนึงถึงผู้อ่านถ้าได้ทราบล่วงหน้า ว่าผู้อ่านรายงานคือใครพื้นฐานความรู้ความคิดเป็นอย่างไรจะทำให้ทราบความรู้ความสามารถและความคาดหวังที่ผู้อ่านต้องการจากรายงานได้ ยึดความต้องการของผู้อ่านเป็นสำคัญ ผู้อ่านต้องการทราบอะไรเขียนให้ตรงไม่ควรเขียนหรือรายงานทุกอย่างที่ผู้เขียนทราบ ประหยัดเวลาของผู้อ่าน เขียนเนื้อหาสั้น ๆ ให้ได้ความชัดเจน เขียนสาระสำคัญบทสรุปและข้อเสนอแนะให้มีจุดสังเกตเห็นได้ง่ายเช่นตัวใหญ่ตัวหนาแยกห่างจากข้อความอื่น พฤติกรรมการอ่านของผู้อ่าน (พอกซัน 2537:. 26) มีการวิจัยพบว่าแนวคิดข้อความที่ กล่าวถึงก่อนจะทำให้ผู้อ่านจำได้มากกว่าแนวคิดข้อความที่กล่าวภายหลังเอกสารยิ่งยาวความน่าอ่านก็ยิ่งลดลงผู้อ่านสนใจ ที่จะอ่านปัญหาและข้อสรุปตลอด จนคำแนะนำต่าง ๆ มากกว่าจะอ่านคำบรรยายเรื่องวิธีการเนื้อหาทั่วไปหรือข้อมูลรายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ 2. กำหนดจุดประสงค์ในการเขียน ไม่ควรเขียนเพราะจำเป็นต้องเขียนก่อน เขียนควรจะตอบคำถามให้ได้ว่าต้องการให้รายงานนี้ จุดประสงค์ของการเขียนทั่วไป 4 ข้อมีดังนี้1 เพื่อบอกเล่าข้อเท็จจริงให้ความรู้ให้ ข้อมูล 2 เพื่อแนะนำชักจูงให้เชื่อถือปฏิบัติตาม3 เพื่อแสดงตัวของผู้เขียน เพื่อสนับสนุนหลักการให้ความบันเทิง ต้องเลือกเนื้อหาวิธีเขียนรูปแบบการ เขียนและเลือกใช้ภาษาที่ต่างกัน จะมีควรหลายข้อเรียงตามลำดับความสามารถสำคัญคือควรมุ่งสำคัญแสดงข้อเท็จจริงให้ Thailand ข้อมูลแนวปฏิบัติความสามารถคิดความสามารถรู้• 3 การเสนอเนื้อหาหรือแนวในการเขียน หมายถึง จุดมุ่งหมายในการเขียนจนผู้อ่าน สามารถรับและเข้าใจได้ดีถึงสาระที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อสาร เพื่อจะได้










การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: