พื้นแผ่นดินสยามอันงดงามของเราต่างก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศประกอบอาชีพเกษตรกรรม พื้นนากว่าหกสิบล้านไร่คือแผ่นดินอันล้ำค่าที่บรรพบุรุษของเราใช้เป็นที่ปลูกข้าวหล่อเลี้ยงชีวิตลูกหลานไทยมาจนถึงทุกวันนี้ คนไทยมีความผูกพันกับอาชีพชาวนา ไม่ว่าเวลาจะเลยผ่านมาเนิ่นนานสักเพียงใด พื้นแผ่นดินไทยก็ยังมีการปลูกข้าวมีการทำนาอยู่เสมอ หลายคนเคยบอกว่า ชาวนาจะทำนาไปทำไมกัน ทำไปก็ไม่รวยยังคงยากจนเช่นเดิม แม้ว่าข้าวจะมีราคาสูงขึ้นสักเพียงใด แต่ชาวนาไทยก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเลย แต่จะมีใครคิดเล่าว่า ถ้าหากพวกเขาไม่ทำนาแล้ว แล้วเราจะเอาข้าวที่ไหนกิน แม้รายได้จากการขายข้าวจะมีเพียงน้อยนิด แต่คุณค่าของข้าวที่พวกเขาปลูกมันมีค่ามากมายมหาศาล ผู้ใหญ่มักจะบอกให้เด็กๆเห็นคุณค่าของข้าวที่มี ไม่กินทิ้งกินขว้าง และมีคำพูดที่ติดปากบอกกันมาอย่างที่ได้ยินบ่อยๆว่า “ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า ผู้คนอดอยาก มีมากหนักหนา สงสารชาวนา เด็กตาดำๆ”ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดย่อมเข้าใจได้ดีว่า วิถีชีวิตการเป็นชาวนานั้นเป็นอย่างไร เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันเคยช่วยยายทำนา ตอนนั้นยังไม่รู้อะไรมากนัก แต่จำได้ว่าฉันมีความสุขมากกับการได้ทำนาและเห็นข้าวที่ฉันปลูกเองกับมือนั้นโตขึ้นมาเป็นรวงข้าวสีทองอร่ามตา ในช่วงหน้าหนาวที่ลมหนาวพัดมาก็เป็นการส่งสัญญาณว่าได้เวลาเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ข้าวในนาจะสุกเป็นสีเหลืองทองอร่ามทั่วท้องทุ่ง มองดูแล้วมันทำให้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ฉันเองแม้ไม่ใช่ชาวนายังมีความสุขได้เพียงนี้ แต่คนที่เขาเป็นชาวนาเขาคงมีความสุขมากกว่าฉันหลายร้อยเท่า นอกจากนี้ฉันยังจำได้ว่า ยายของฉันเคยนำตอซังข้าวมาทำเป็นเครื่องดนตรีเล็กๆ ยายเรียกมันว่า “ปี่ซังข้าว” ซึ่งมันทำให้ฉันมีความสุขและสนุกมาก