Considering its importance,there is

Considering its importance,
there is a requirement for development of transgenic barley
with new properties (Wan and Lemaux, 1994). Existence of
high potent in vitro regeneration system is a prerequisite for
efficient genetic transformation (Havrlentova´ et al., 2001).
The regeneration system is supposed to be fast growing with
stable plantlets suitable for hardening (Sood et al., 2011). Barley
is one of the most difficult crops for in vitro tissue culture
as it is a well known recalcitrant species like other monocots.
Several explants of barley have been considered for their
regeneration and transformation capacity and successful attempts
have been reported including immature embryos
(Wan and Lemaux, 1994), microspores (Jahne et al., 1994),
protoplasts (Funatsuki et al., 1995), shoot meristematic cultures
(Zhang et al., 1999), ovules (Holme et al., 2006). Other
explants which were used for in vitro regeneration of cereal
plants include: young leaves and leaf tissues (Saalbach and Koblitz,
1978) and (Lu et al., 1983), anthers (Haydu and Vasil,
1981), immature inflorescences (Havrlentova´ et al., 2001) and
(Desai et al., 2004), nodal explants (Sharma et al., 2007), leaf
base and apical meristems (Ganeshan et al., 2003) and (Ramesh
et al., 2009).
Most regeneration protocols for barley are based on immature

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พิจารณาความสำคัญมีความต้องการของข้าวบาร์เลย์จำลองด้วยคุณสมบัติใหม่ (Wan และ Lemaux, 1994) การดำรงอยู่ของระบบฟื้นฟูในหลอดทดลองที่มีศักยภาพสูงมีสำหรับมีประสิทธิภาพพันธุ (Havrlentova´ et al. 2001)ฟื้นฟูระบบควรจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วplantlets มั่นคงเหมาะสำหรับการชุบแข็ง (ข้าพเจ้า et al. 2011) ข้าวบาร์เลย์เป็นพืชผลที่ยากที่สุดสำหรับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในหลอดทดลองอย่างใดอย่างหนึ่งมันเป็นสายพันธุ์อ้างรู้จักเช่น monocots อื่น ๆExplants หลายของข้าวบาร์เลย์มาเป็นสำหรับพวกเขาฟื้นฟูและเปลี่ยนแปลงความสามารถและความพยายามที่ประสบความสำเร็จมีการรายงานรวมทั้ง embryos อ่อน(Wan และ Lemaux, 1994), microspores (Jahne et al. 1994),พลาสต์ (Funatsuki et al. 1995), ยิง meristematic วัฒนธรรม(Zhang et al. 1999), ovules (Holme et al. 2006) อื่น ๆexplants ซึ่งใช้สำหรับการฟื้นฟูในหลอดทดลองของธัญพืชรวมพืช: ใบอ่อนและใบเนื้อเยื่อ (ซัลบาชและ Koblitz1978) และ (Lu et al. 1983), อับละอองเกสร (Haydu และ Vasil1981), ช่อเขียวอ่อน (Havrlentova´ et al. 2001) และ(Desai et al. 2004), ใบดัง explants (Sharma และ al. 2007),ฐานและ apical meristems (Ganeshan et al. 2003) และ (Rameshet al. 2009)โพรโทคอการฟื้นฟูส่วนใหญ่สำหรับข้าวบาร์เลย์อิงอ่อน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พิจารณาความสำคัญของตน
มีความต้องการในการพัฒนาข้าวบาร์เลย์ดัดแปรพันธุกรรม
กับคุณสมบัติใหม่ (WAN และ Lemaux, 1994) การดำรงอยู่ของ
ที่มีศักยภาพในหลอดทดลองฟื้นฟูระบบสูงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับ
การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีประสิทธิภาพ (Havrlentova' et al., 2001).
ระบบการฟื้นฟูควรจะเติบโตอย่างรวดเร็วด้วย
ต้นกล้าที่มีเสถียรภาพที่เหมาะสมสำหรับการชุบแข็ง (สุด et al. 2011) ข้าวบาร์เลย์
เป็นหนึ่งในพืชที่ยากที่สุดสำหรับในหลอดทดลองเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
มันเป็นที่รู้จักกันดีชนิดที่ดื้อรั้นเหมือนพืชใบเลี้ยงเดี่ยวอื่น ๆ .
หลายชิ้นของข้าวบาร์เลย์ได้รับการพิจารณาสำหรับพวกเขา
การฟื้นฟูและการเปลี่ยนแปลงความสามารถและความพยายามในการที่ประสบความสำเร็จ
ได้รับการรายงานรวมทั้งตัวอ่อนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
(WAN และ Lemaux, 1994) microspores (Jahne et al., 1994),
โปรโตพลา (Funatsuki et al., 1995) ยิงวัฒนธรรมเจริญ
(Zhang et al., 1999) ออวุล (Holme et al., 2006) อื่น ๆ
ชิ้นที่ถูกนำมาใช้สำหรับการฟื้นฟูในหลอดทดลองของธัญพืช
พืชรวมถึง: ใบอ่อนและเนื้อเยื่อใบ (Saalbach และ Koblitz,
1978) และอับเรณู (Haydu และวาชิ (Lu et al, 1983).
1981) ช่อดอกอ่อน (Havrlentova' et al., 2001) และ
(Desai et al., 2004), ชิ้นส่วนสำคัญ (Sharma et al., 2007), ใบ
ฐานและปลาย meristems (Ganeshan et al., 2003) และ (Ramesh
et al., 2009)
ส่วนใหญ่โปรโตคอลการฟื้นฟูข้าวบาร์เลย์จะขึ้นอยู่กับที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ