ล้วนสร้างด้วยเครื่องก่อประกอบกับไม้

ล้วนสร้างด้วยเครื่องก่อประกอบกับไม้แก่นอย่างมั่นคง ประสงค์จะถวายเป็นราชพลีสนองพระเดชพระคุณซึ่งได้ทรงชุบเลี้ยงสกุลวงศ์มา และทรงประทับแรม ณ พระที่นั่งรัตนรังสรรค์ เป็นเวลา 3ราตรี ระหว่าง 23-25 เมษายน พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไปทอดพระเนตรเห็นดำรัสว่า“...ทำงดงามมั่นคงสมควรจะเป็นวัง ยิ่งกว่าจะเป็นพลับพลา...” จึงพระราชทานนามว่า “พระราชวังรัตนรังสรรค์” ให้เป็นเกียรติยศแก่เมืองระนอง และสกุลของพระยารัตนเศรษฐีด้วย แต่ทรงพระราชดำริว่า ที่เมืองระนองนานๆ จะเสด็จประพาสครั้งหนึ่ง วังทิ้งไว้เปล่าก็จะชำรุดทรุดโทรมเสีย จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า โดยปกติให้ใช้พระราชวังนั้นเป็นศาลารัฐบาล และทำพิธีสำหรับบ้านเมือง ต่อเมื่อมีการเสด็จประพาสเมื่อใดจึงให้จัดเป็นที่ประทับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

และทรงประทับแรม ณ พระที่นั่งรัตนรังสรรค์เป็นเวลา 3 ราตรีระหว่างวันที่ 23-25​​ เมษายน พ.ศ. 2433 ยิ่งกว่าจะเป็นพลับพลา ... "จึงพระราชทานนามว่า" พระราชวังรัตนรังสรรค์ "ให้เป็นเกียรติยศแก่เมืองระนองและสกุลของพระยารัตนเศรษฐีด้วย แต่ทรงพระราชดำริว่าที่เมืองระนองนาน ๆ จะเสด็จประพาสครั้งหนึ่ง จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า และทำพิธีสำหรับบ้านเมือง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ล้วนสร้างด้วยเครื่องก่อประกอบกับไม้แก่นอย่างมั่นคงประสงค์จะถวายเป็นราชพลีสนองพระเดชพระคุณซึ่งได้ทรงชุบเลี้ยงสกุลวงศ์มาและทรงประทับแรมณพระที่นั่งรัตนรังสรรค์เป็นเวลา 3 ราตรีระหว่าง 23-25 เมษายนพ . ศ . พ.ศ. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดพระเนตรเห็นดำรัสว่า " . . . . . . . ทำงดงามมั่นคงสมควรจะเป็นวังยิ่งกว่าจะเป็นพลับพลา . . . . . . . " จึงพระราชทานนามว่า " พระราชวังรัตนรังสรรค์ " ให้เป็นเกียรติยศแก่เมืองระนองและสกุลของพระยารัตนเศรษฐีด้วยแต่ทรงพระราชดำริว่าที่เมืองร ะนองนานๆจะเสด็จประพาสครั้งหนึ่งวังทิ้งไว้เปล่าก็จะชำรุดทรุดโทรมเสียจึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตว่าโดยปกติให้ใช้พระราชวังนั้นเป็นศาลารัฐบาลและทำพิธีสำหรับบ้านเมืองต่อเมื่อมีการเสด็จประพาสเมื่อใดจึงให้จัดเป็นที่ประทับ