A drought is a period of below-aver

A drought is a period of below-average precipitation in a given region, resulting in prolonged shortages in its waters supply, whether atmospheric, surface or ground water. A drought can last for months or years, or may be declared after as few as 15 days.[1] It can have a substantial impact on the ecosystem and agriculture of the affected region. Although droughts can persist for several years, even a short, intense drought can cause significant damage[2] and harm to the local economy.[3] Annual dry seasons in the tropics significantly increase the chances of a drought developing and subsequent bush fires. Periods of heat can significantly worsen drought conditions by hastening evaporation of water vapor.

Many plant species, such as those in the family Cactaceae (or cacti), have adaptations like reduced leaf area and waxy cuticles to enhance their ability to tolerate drought. Some others survive dry periods as buried seeds. Semi-permanent drought produces arid biomes such as deserts and grasslands.[4] Prolonged droughts have caused mass migrations and humanitarian crises. Most arid ecosystems have inherently low productivity. The most prolonged drought ever in the world in recorded history occurred in the Atacama desert in Chile (400 Years).

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ภัยแล้งเป็นช่วงเวลาของฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาคที่ได้รับผลในการขาดแคลนเป็นเวลานานในการจัดหาน้ำไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศที่พื้นผิวหรือพื้นน้ำ ภัยแล้งสามารถสุดท้ายสำหรับเดือนหรือปีหรืออาจจะประกาศหลังจากที่ไม่กี่เท่า 15 วัน. [1] มันจะมีผลกระทบต่อระบบนิเวศและการเกษตรของพื้นที่ได้รับผลกระทบ แม้ว่าภัยแล้งสามารถคงอยู่เป็นเวลาหลายปีที่ผ่านมาแม้จะสั้นภัยแล้งที่รุนแรงสามารถทำให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญ [2] และเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น. [3] ประจำปีฤดูแล้งในเขตร้อนอย่างมีนัยสำคัญเพิ่มโอกาสในการพัฒนาภัยแล้งและไฟพุ่มไม้ที่ตามมา ระยะเวลาของความร้อนอย่างมีนัยสำคัญสามารถเลวลงจากภาวะภัยแล้งเร่งการระเหยของไอน้ำ. พันธุ์พืชเป็นจำนวนมากเช่นผู้ที่อยู่ในครอบครัว Cactaceae (หรือ cacti) มีการปรับตัวเช่นพื้นที่ใบลดลงและผิวมันเพื่อเพิ่มความสามารถในการทนต่อความแห้งแล้ง บางคนอยู่รอดระยะเวลาแห้งเมล็ดฝังอยู่ ความแห้งแล้งกึ่งถาวรผลิต biomes แห้งแล้งเช่นทะเลทรายและทุ่งหญ้า. [4] ภัยแล้งเป็นเวลานานจะทำให้เกิดการโยกย้ายมวลและวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรม ระบบนิเวศแห้งแล้งส่วนใหญ่มีผลผลิตต่ำโดยเนื้อแท้ ภัยแล้งเป็นเวลานานที่สุดในโลกเท่าที่เคยบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในทะเลทรายอาตากาในชิลี (400 ปี)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ภัยแล้งคือระยะเวลาโดยเฉลี่ยในภูมิภาคที่กำหนดด้านล่าง ส่งผลให้ขาดแคลนน้ำนาน ในการจัดหา ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศหรือน้ำผิวดิน ภัยแล้งอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี หรืออาจจะถูกประกาศหลังจากไม่กี่วันที่ 15 . [ 1 ] มันสามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อระบบนิเวศและการเกษตรในภูมิภาคได้รับผลกระทบ แม้ว่าภัยแล้งสามารถคงอยู่ได้หลายปีแม้สั้นเข้มภัยแล้งสามารถก่อให้เกิดความเสียหาย [ 2 ] และเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น [ 3 ] ปีฤดูแล้งในเขตร้อนอย่างมีนัยสำคัญเพิ่มโอกาสของการพัฒนาและเกิดภัยแล้ง บุช ที่ตามมา ช่วงเวลาของความร้อนอย่างมากสามารถเสื่อมโทรมความแห้งแล้งโดยการเร่งการระเหยของไอน้ำ .

หลายชนิดพืช เช่น ในแคคตาซี้ ้ครอบครัว ( หรือ cacti )มีการปรับตัว เช่น ลดพื้นที่ใบ และข้าวเหนียว cuticles เพื่อเพิ่มความสามารถในการทนต่อความแห้งแล้ง บางคนอื่น ๆอยู่รอดระยะเวลาแห้งที่ฝังเมล็ด แห้งแล้งกึ่งถาวร ผลิตบิมสเทคแห้งแล้งเช่นทะเลทรายและทุ่งหญ้า [ 4 ] จากภัยแล้งทำให้การย้ายถิ่นมวลและมนุษยธรรม crises . ระบบนิเวศแห้งแล้งที่สุดมีเนื้อแท้ต่ำ ผลผลิตภัยแล้งเป็นเวลานานที่สุดในโลกในบันทึกประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นใน Atacama ทะเลทรายในชิลี ( 400 ปี )