Mao was born in Chaochan in Hunan p

Mao was born in Chaochan in Hunan province. He came from a peasant family. As with all peasants living in Nineteenth Century China, his upbringing was hard and he experienced no luxuries.

He first encountered Marxism while he worked as a library assistant at Peking University. In 1921, he co-founded the Chinese Communist Party. Mao gave a geographic slant to Marxism as he felt that within an Asiatic society, communists had to concentrate on the countryside rather than the industrial towns. In reality, this was a logical belief as China had very little industry but many millions involved with agriculture. Mao believed that a revolutionary elite would only be found in the peasantry and not among those who worked in towns.

With Zhou Enlai, Mao established a revolutionary base on the border of Hunan. In 1931, Mao set up a Chinese Soviet republic in Kiangsi. This lasted until 1934 when Mao and his followers were forced to leave Kiangsi and head for Shensi in the legendary Long March which lasted to 1935. Here they were relatively safe from the Kuomintang lead by Chiang Kai-shek but far removed from the real seat of power in China – Peking (Beijing).

From 1937 to 1945, the enmity between the KMT and the Communists was put to one side as both concentrated their resources on the Japanese who had launched a full-scale invasion of China in 1937. It was during this time that Mao developed his knowledge about guerrilla warfare that he was to use with great effect in the civil war against the KMT once the war with Japan had ended in 1945.

By the spring of 1948, Mao switched from guerrilla attacks to full-scale battles. The KMT had been effectively broken by the skill of Mao’s guerrilla tactics and defeat was not long in coming. In October 1949, Mao was appointed Chairman of the People’s Republic of China.

He governed a country that was many years behind the world’s post-war powers. China’s problems were huge and Mao decided to introduce radical solutions for China’s domestic weaknesses rather than rely on conservative ones.

From 1950 on Mao introduced land reforms and the first Five Year Plan started in 1953. Peasant co-operatives were set up. In 1958, the Great Leap Forward was introduced as were the first land communes. Though he used the term "Five Year Plan", Mao did not accept the theory that all ideas had to start with Russia and China would have to follow. In fact, Mao remained very independent of Russia and publicly criticised the rule of Khrushchev when he became leader of Russia.

In 1959, Mao gave up the position of head of state. This went to Liu Shao-chi. He did remain party chairman and concentrated his efforts on ideological changes. From 1960 to 1965, a struggle took place between Liu and Mao over who were the more important - the industrial workers or the peasants. Mao still placed his faith in the peasants. Liu favoured the urban workers.

This clash formed the background to the Cultural Revolution of 1966 when Mao openly and successfully sided with the peasants. Mao had sheer numbers on his side as China was still an agricultural nation despite exploding an atomic bomb in 1964. From 1966 on, some essays by Mao entitled "Thoughts" became all but compulsory reading for Chinese people – especially the young who Mao actively courted. This was to become Mao’s famous "Little Red Book".

Mao continually proved to the Chinese that he was fit to lead them by swimming miles down the Yangste River each year. He remained leader of China in the later years of his life though Zhou Enlai did much of the foreign policy work.

Mao’s death in 1976, plunged China into national grief

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมาเกิดใน Chaochan จังหวัดหูหนาน เขามาจากครอบครัวชาวนา เช่นเดียวกับชาวนาทั้งหมดอาศัยอยู่ในศตวรรษที่ 19 ศตวรรษจีน upbringing ของเขาเป็นเรื่องยาก และเขามีประสบการณ์ไม่หรูหราเขาแรกพบลัทธิมากซ์ขณะเขาทำงานเป็นผู้ช่วยห้องสมุดในมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในปี 1921 ร่วมก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมาให้เอียงทางภูมิศาสตร์กับลัทธิมากซ์กับเขารู้สึกว่า ภายในสังคมอินเดีย คอมมิวนิสต์มีสมาธิในชนบทมากกว่าเมืองอุตสาหกรรม ในความเป็นจริง นี้เป็นความเชื่อตรรกะเป็นจีนมีอุตสาหกรรมน้อยมาก แต่หลายล้านเกี่ยวข้องกับการเกษตร เหมาเชื่อว่า อีไลท์ปฏิวัติจะเท่าพบ ในตัวกัน และไม่ อยู่ที่ทำงานในเมืองกับโจวเอินไหล เมาสร้างการปฏิวัติฐานบนเส้นขอบของมณฑลหูหนาน ในปี 1931 เหมาตั้งสาธารณรัฐจีนโซเวียตใน Kiangsi ซึ่งกินเวลาจนเมื่อเมาและลูกศิษย์ของเขาถูกบังคับให้ปล่อย Kiangsi และหัวสำหรับ Shensi ในเดือนมีนาคมยาวตำนานซึ่งกินเวลาถึงปี 1935 1934 ที่นี่พวกเขาได้เอาไกลจากนั่งจริงของพลังงานในประเทศจีนปักกิ่ง (ปักกิ่ง) แต่ค่อนข้างปลอดภัยจากพรรคก๊กมินตั๋งนำโดยเจียงไคเชกจากปีค.ศ. 1937 1945 ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างนตั๋งและคอมมิวนิสต์ย้ายข้างใดข้างหนึ่งเป็นทั้งเข้มข้นทรัพยากรของพวกเขาในญี่ปุ่นที่ได้เปิดตัวบุกรุกเต็มรูปแบบของจีนในปีค.ศ. 1937 มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาพัฒนาความรู้เกี่ยวกับสงครามจรยุทธ์ที่จะใช้ มีผลมากในสงครามกลางเมืองกับนตั๋งครั้งสงครามกับญี่ปุ่น สิ้นสุดลงในปีค.ศ. 1945โดยฤดูใบไม้ผลิค.ศ. 1948 เมาสลับจากการโจมตีของกองโจรการต่อสู้เต็มรูปแบบ นตั๋งมีถูกเสียอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทักษะยุทธวิธีกองโจรของเหมา และพ่ายแพ้ไม่ได้อยู่ในมานาน ในเดือน 1949 ตุลาคม เหมาถูกแต่งตั้งประธานสาธารณรัฐประชาชนจีนเขาปกครองประเทศที่หลายปีหลังอำนาจหลังสงครามโลก ปัญหาของจีนถูกมาก และเมาตัดสินใจที่จะแนะนำโซลูชั่นที่รุนแรงความอ่อนแอภายในประเทศของจีน แทนที่พึ่งคนหัวเก่าจากปี 1950 ในเมา นำที่ดินปฏิรูปและแรก 5 ปีแผนการเริ่มในปีค.ศ. 1953 สหกรณ์ชาวนาถูกตั้งค่า ใน 1958 ดีกระโดดไปข้างหน้าถูกนำมาใช้ขณะเทศบาลในที่ดินครั้งแรก ว่าเขาใช้คำว่า "5 ปีวางแผน" เมาไม่ยอมรับทฤษฎีที่ว่าความคิดทั้งหมดได้เริ่มต้นกับรัสเซีย และจีนจะต้องทำตาม ในความเป็นจริง เหมายังคงอิสระมากของรัสเซีย และ criticised กฎของกิตาครุสชอฟเผยเมื่อเขากลายเป็นผู้นำของรัสเซียใน 1959 เหมาให้ค่าตำแหน่งของประมุข นี้ไปหลิว Shao-chi เขาไม่ได้อยู่ พรรคประธาน และเข้มข้นความพยายามของเขาในการเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ จาก 1960 ถึง 1965 การดิ้นรนต่อสู้เอาสถานที่ระหว่างหลิวและเหมาเหนือคนสำคัญ - แรงงานอุตสาหกรรมหรือชาวนา เมายังทำความเชื่อในชาวนา หลิว favoured คนเมืองปะทะนี้เกิดขึ้นอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติวัฒนธรรม พ.ศ.2509 เมื่อเมาอย่างเปิดเผย และสำเร็จหน้ากับชาวนา เหมามีตัวเลขที่แท้จริงด้านของเขาเป็นจีนยังคง เป็นประเทศเกษตรกรรมแม้ มีการขยายการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ในปี 1964 จาก 1966 ใน บางเรียงตามเหมาได้รับ "ความคิด" ได้กลายเป็นภาคบังคับแต่การอ่านสำหรับคนจีน – โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่กำลังเมา courted นี้ที่เป็น ของเมามีชื่อเสียง "Little Red Book"เมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับจีนที่เขาได้พอดีจะนำพวกเขา ด้วยการว่ายน้ำไมล์แม่น้ำ Yangste ในแต่ละปี เขายังคงเป็นผู้นำของจีนในปีต่อมาของชีวิตว่าโจวเอินไหลได้มากการทำงานนโยบายต่างประเทศความตายของเหมาใน 1976 จีนลดลงเป็นความเศร้าโศกแห่งชาติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เหมา เกิดเจ้าจันทร์ในมณฑลหูหนานจังหวัด เขามาจากครอบครัวชาวนา เช่นเดียวกับชาวนาที่อาศัยอยู่ในศตวรรษที่สิบเก้า จีน ครอบครัวของเขาก็ยาก และเขามีประสบการณ์ไม่ฟุ่มเฟือย

เขาพบครั้งแรก ทฤษฎีการเมือง ในขณะที่เขาทำงานเป็นผู้ช่วยที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ในปี 1921 เขาร่วมก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเหมาให้เอียงทางภูมิศาสตร์มาร์กซิสต์ที่เขารู้สึกว่าภายในสังคมเอเซีย , คอมมิวนิสต์ต้องมีสมาธิในชนบทมากกว่าในเมืองอุตสาหกรรม ในความเป็นจริงนี้เป็นความเชื่อทางตรรกะเช่นจีนมีอุตสาหกรรมน้อยมากแต่หลายล้าน ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรเหมา เชื่อว่า จะปฏิวัติชนชั้นชาวนา และไม่พบในกลุ่มผู้ทำงานในเมือง

กับ โจว เอินไหล เหมาสร้างฐานปฏิวัติบนเส้นขอบของมณฑลหูหนาน . ในปี 1931 , เหมาตั้งจีนสาธารณรัฐโซเวียตใน kiangsi .นี้ lasted จนกว่า 1934 เมื่อเมาและผู้ติดตามของเขาถูกบังคับให้ออกจาก kiangsi และหัวสำหรับ shensi ในตำนานซึ่งกินเวลายาวถึงเดือนมีนาคม 1935 . ที่นี่มันค่อนข้างปลอดภัยจากนำพรรคก๊กมินตั๋ง โดยเจียงไคเช็ก แต่ห่างไกลจากที่นั่งที่แท้จริงของพลังงานในจีน - ปักกิ่ง ( Beijing ) .

จาก 2480 ถึงปี 1945ความเกลียดระหว่าง KMT และคอมมิวนิสต์คือใส่ไปข้างหนึ่ง เช่น ทรัพยากรของพวกเขาในญี่ปุ่น ทั้งเข้มข้น ที่ได้เปิดตัวเต็มรูปแบบของการรุกรานจีนในมลรัฐ มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาพัฒนาความรู้ของเขาเกี่ยวกับสงครามกองโจรที่เขาจะใช้กับผลที่ดีในสงครามกลางเมืองกับ KMT เมื่อสงครามกับญี่ปุ่นสิ้นสุดลงในปี 1945 .

โดยฤดูใบไม้ผลิของ 1948 ,เปลี่ยนจากการโจมตีแบบกองโจรเต็มรูปแบบ เหมากับการต่อสู้ ซึ่งกมธ. ได้ประสิทธิภาพเสียโดยฝีมือของเหมาและยุทธวิธีกองโจรเอาชนะไม่ได้นานมา ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2492 เหมา ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานของสาธารณรัฐประชาชนจีน

เขาปกครองประเทศที่หลายปีหลัง พลังหลังสงครามของโลกปัญหาของจีนมีขนาดใหญ่ และ เหมา ตัดสินใจที่จะแนะนำโซลูชั่นที่รุนแรงสำหรับจุดอ่อนในประเทศจีนมากกว่าพึ่งพาอนุลักษณ์ . .

จาก 1950 ในเหมา แนะนำการปฏิรูปที่ดิน และแผนห้าปีแรกที่เริ่มต้นใน 1953 สหกรณ์ชาวนา ถูกสร้างขึ้น ในปี 1958 กระโดดที่ดีข้างหน้าเป็นที่รู้จักในฐานะเป็นเมืองในที่ดินก่อน แม้ว่าเขาจะใช้คำว่า " แผนห้าปีเหมาไม่ยอมรับทฤษฎีความคิดทั้งหมดต้องเริ่มจากรัสเซียและจีนจะต้องปฏิบัติตาม ในความเป็นจริง , เหมายังคงอิสระมากของรัสเซีย และสาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์การปกครองของ Khrushchev เมื่อเขากลายเป็นผู้นำของรัสเซีย

ในปี 1959 เหมาให้ขึ้นตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ นี้ไปหลิว เชา ชิ เขาเป็นประธานพรรค และเน้นความพยายามของเขาในการเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ .จาก 1960 ถึง 1965 การต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างเล่าปี่และ เหมาไปที่สําคัญ - แรงงานอุตสาหกรรม หรือประชาชน มาโอะยังวางความเชื่อของเขาในชาวบ้าน หลิวชอบคนงานเมือง

ปะทะนี้เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติทางวัฒนธรรมของ 1966 เมื่อเหมาอย่างเปิดเผย และประสบความสำเร็จด้านกับชาวบ้านเหมาอิดตัวเลขบนด้านข้างของเขา เช่น จีนยังเป็นประเทศเกษตร แม้จะระเบิดระเบิดปรมาณูใน 1964 . ในปี 1966 ในบางบทความ โดย เหมา เรื่อง " ความคิด " เป็นคนจีนแต่บังคับอ่าน ) โดยเฉพาะหนุ่มที่เมาอย่างจีบ . นี้ได้กลายเป็นที่มีชื่อเสียง " ของเหมาเล่มแดงเล็กน้อย

"เหมาอย่างต่อเนื่องพิสูจน์จีนว่าเขาเหมาะที่จะนำพวกเขาโดยการว่ายไมล์ลง yangste แม่น้ำในแต่ละปี เขายังคงผู้นำของประเทศจีนในปีต่อมาของชีวิตของเขาแม้ว่าโจว เอินไหลได้มากของนโยบายต่างประเทศทำงาน

เหมาตายในปี 1976 ) ในความเศร้าโศกแห่งชาติจีน