Studies have previously shown that

Studies have previously shown that the inclusion of ascorbic acid with starches, which are then gelatinised in excess water, causes differences in the amount of starch conversion. Also, incorporation of ascorbic acid in dilute pastes has been shown to decrease the viscosity of the paste when stored at a range of temperatures. In this study the pasting behaviour of cassava starch in the presence of ascorbic acid has been followed using a Rapid Visco Analyser. Decreases in peak and final viscosity were apparent, with the largest reductions being with the highest amounts of ascorbic acid addition (0.1%). In contrast with other published work the effects of ascorbic acid on heating pastes made with a high starch content were studied. The amount of conversion of cassava starch was estimated by assessing the volume occupied by the swollen granules and the amount of soluble material released. Viscosity measurements of the starch polysaccharides after solubilisation in alkali were also established. Pasting behaviour of the samples that had previously been heated in the presence of ascorbic acid and buffer was also assessed. Ascorbic acid inclusion seemed to affect starch conversion with the results for peak and final viscosity correlating with the alkaline viscosity estimates. The inclusion of ascorbic acid also alters the appearances of the starch sample. Ascorbic acid inclusion made the samples lighter in colour and they did not hold their shape after processing.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

งานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงว่า รวมของวิตามินซีกับแป้ง ซึ่งเป็นแล้ว gelatinised ในน้ำส่วนเกิน ทำให้เกิดความแตกต่างจำนวนแปลงแป้งกัน นอกจากนี้ รวมตัวกันของกรดแอสคอร์บิคในการเจือจางยาได้รับการแสดงเพื่อลดความหนืดของวางเก็บในช่วงอุณหภูมิที่ ในการศึกษานี้ พฤติกรรมวางของแป้งมันสำปะหลังในกรดแอสคอร์บิได้ถูกตามโดยใช้การวิเคราะห์วิสโกอย่างรวดเร็ว ลดสูงสุดและความหนืดสุดท้ายได้ชัดเจน มีการลดที่ใหญ่ที่สุดที่ มีจำนวนสูงสุดของกรดแอสคอร์บิค (0.1%) สีงานพิมพ์อื่นๆ มีศึกษาผลกระทบของกรดแอสคอร์บิร้อนวางทำ ด้วยมีปริมาณแป้งสูง จำนวนของการแปลงของแป้งมันสำปะหลังประมาณ โดยประเมินปริมาณเม็ดบวมและปริมาณของวัสดุละลายออก นอกจากนี้ยังมีการก่อตั้งวัดความหนืดของสารแป้งหลังจาก solubilisation ในด่าง วางพฤติกรรมตัวอย่างที่ก่อนหน้านี้มีร้อนในกรดแอสคอร์บิคและบัฟเฟอร์ ถูกยังประเมินว่า วิตามินรวมดูเหมือนจะ มีผลต่อการแปลงแป้ง มีผลสูงสุดและความหนืดสุดท้ายกำลังรวบรวมสำหรับกับการประเมินความหนืดอัลคาไลน์ รวมของวิตามินซียังเปลี่ยนลักษณะของตัวอย่างแป้ง วิตามินรวมทำตัวอย่างเบาสี และพวกเขาไม่ได้ถือรูปร่างหลังจากการประมวลผล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาได้แสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ว่าการรวมของวิตามินซีที่มีแป้งซึ่งจะ gelatinised แล้วในน้ำส่วนเกินที่ทำให้เกิดความแตกต่างในจำนวนของการแปลงแป้ง นอกจากนี้ยังรวมตัวกันของวิตามินซีในน้ำพริกเจือจางได้รับการแสดงเพื่อลดความหนืดของการวางเมื่อเก็บไว้ที่ช่วงของอุณหภูมิ ในการศึกษานี้พฤติกรรมความหนืดของแป้งมันสำปะหลังในการปรากฏตัวของวิตามินซีได้รับการปฏิบัติตามอย่างรวดเร็วโดยใช้ Visco Analyser ลดลงในจุดสูงสุดและความหนืดสุดท้ายเห็นได้ชัดกับการลดลงที่ใหญ่ที่สุดอยู่กับจำนวนเงินที่สูงที่สุดของการเติมวิตามินซี (0.1%) ในทางตรงกันข้ามกับผลงานตีพิมพ์อื่น ๆ ผลกระทบของวิตามินซีในน้ำพริกร้อนทำให้มีปริมาณแป้งสูงได้รับการศึกษา ปริมาณของการแปลงของแป้งมันสำปะหลังที่ได้รับการประเมินโดยการประเมินปริมาณการครอบครองโดยเม็ดบวมและปริมาณของวัสดุที่ละลายน้ำที่ปล่อยออกมา การวัดความหนืดของแป้ง polysaccharides หลังจาก solubilisation ในด่างยังถูกจัดตั้งขึ้น พฤติกรรมการวางของกลุ่มตัวอย่างที่เคยถูกความร้อนในการปรากฏตัวของวิตามินซีและบัฟเฟอร์ยังได้รับการประเมิน วิตามินซีรวมดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อการแปลงแป้งกับผลลัพธ์ที่ได้สำหรับจุดสูงสุดและความหนืดสุดท้ายมีความสัมพันธ์กับการประมาณการความหนืดอัลคาไลน์ รวมของวิตามินซียัง alters ปรากฏตัวของกลุ่มตัวอย่างแป้ง วิตามินซีรวมทำตัวอย่างสีอ่อนและพวกเขาไม่ได้ถือรูปร่างของพวกเขาหลังจากการประมวลผล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการรวมของกรดแอสคอร์บิก กับแป้ง ซึ่งก็ gelatinised น้ำส่วนเกิน สาเหตุความแตกต่างในปริมาณของการแปลงแป้ง นอกจากนี้ การรวมตัวกันของกรดแอสคอร์บิคในเจือจางวางได้รับการแสดงเพื่อลดความหนืดของแป้งเมื่อเก็บไว้ในช่วงอุณหภูมิ ในการศึกษาการวางพฤติกรรมของแป้งมันสำปะหลังในการปรากฏตัวของกรดแอสคอร์บิกได้รับการติดตามโดยใช้เครื่อง Rapid Visco Analyser . ลดสูงสุดและความหนืดสุดท้ายอยู่ทนโท่ กับที่ใหญ่ที่สุดซึ่งถูกด้วยปริมาณสูงสุดของ นอกจากนี้ กรดแอสคอร์บิก ( 0.1% ) ในทางตรงกันข้ามกับผลงานตีพิมพ์ผลของกรดแอสคอร์บิกบนความร้อน วางทำจากแป้งสูงเนื้อหาที่แตกต่างกัน ปริมาณการเปลี่ยนแปลงของแป้งมันสำปะหลังประมาณโดยประเมินปริมาณครอบครองโดยเม็ดบวมและปริมาณของวัสดุที่ละลายออกมา การวัดความหนืดของแป้ง โดยหลังจาก solubilisation ในด่างยังตั้งขึ้น การวางพฤติกรรมของกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับก่อนหน้านี้อุ่นในการแสดงตนของ กรดแอสคอร์บิกบัฟเฟอร์ยังประเมิน กรดแอสคอร์บิครวมดูเหมือนจะมีผลต่อการแปลงแป้งที่มีผลสูงสุดและความหนืดสุดท้าย รวมทั้งประเมินความหนืดด่าง รวมของกรดแอสคอร์บิกยังได้เปลี่ยนแปลงลักษณะของแป้งตัวอย่าง กรดแอสคอร์บิครวมทำอย่างเบาสีและพวกเขาไม่ได้ถือรูปร่างของพวกเขาหลังจากการประมวลผล