Rice stripe virus (RSV) causes rice

Rice stripe virus (RSV) causes rice stripe disease and is transmitted by the small brown planthopper (Laodelphax striatellus, SBPH) in a persistent, circulative, and propagative manner. The alimentary canal and salivary gland of SBPH play important roles in viral replication and transmission. However, little is known about the underlying molecular functions of these two organs in the interaction between RSV and SBPH. In this study, organ-specific transcriptomes of the alimentary canal and salivary gland were analyzed in viruliferous and naïve SBPH. The number of differentially expressed unigenes in the alimentary canal was considerably greater than that in the salivary gland after RSV infection, and only 23 unigenes were co-regulated in the two organs. In the alimentary canal, genes involved in lysosome, digestion and detoxification were activated upon RSV infection, whereas the genes related to DNA replication and repair were suppressed. RSV activated RNA transport and repressed the MAPK, mTOR, Wnt, and TGF-beta signaling pathways in the salivary gland. The overall immune reaction toward RSV was much stronger in the salivary gland than in the alimentary canal. RSV activated the pattern recognition molecules and Toll pathway in the salivary gland but inhibited these two reactions in the alimentary canal. The responses from reactive oxygen and the immune-responsive effectors were stronger in the salivary gland than in the alimentary canal after RSV infection. These findings provide clues on the roles of the two organs in confronting RSV infection and aid in the understanding of the interaction between RSV and SBPHs.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ข้าวลายไวรัส (RSV) สาเหตุของโรคข้าวลาย และส่ง โดยเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลขนาดเล็ก (Laodelphax striatellus, SBPH) ในลักษณะถาวร circulative และ propagative ทางเดินอาหารและต่อมน้ำลายของ SBPH เล่นบทบาทสำคัญในการจำลองไวรัสและส่ง อย่างไรก็ตาม น้อยเป็นที่รู้จักเกี่ยวกับการทำงานโมเลกุลพื้นฐานของอวัยวะเหล่านี้สองในการโต้ตอบระหว่าง RSV และ SBPH ในการศึกษานี้ transcriptomes เฉพาะอวัยวะของทางเดินอาหารและต่อมน้ำลายถูกวิเคราะห์ใน viruliferous สุพรรณ SBPH จำนวน unigenes differentially แสดงในทางเดินอาหารมากมากกว่าที่ในต่อมน้ำลายหลังจากการติดเชื้อ RSV และ 23 เท่านั้น unigenes ควบคุมร่วมในอวัยวะสอง ในทางเดินอาหารคลอง ยีนที่เกี่ยวข้องในไลโซโซม ย่อยอาหารและล้างพิษถูกเปิดใช้งานเมื่อติดเชื้อ RSV ในขณะยับยั้งยีนที่เกี่ยวข้องกับการจำลองดีเอ็นเอและซ่อมแซม RSV งานขนส่ง RNA และอัดอั้น MAPK, mTOR, Wnt และ เบต้า TGF สัญญาณทางเดินในต่อมน้ำลาย ปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันโดยรวมต่อ RSV ได้แข็งแกร่งมากในต่อมน้ำลายมากกว่าในทางเดินอาหาร RSV เรียกใช้รูปแบบการรับรู้โมเลกุลและเดินโทรในต่อมน้ำลาย แต่ยับยั้งปฏิกิริยาเหล่านี้สองในทางเดินอาหาร การตอบสนองจากปฏิกิริยาออกซิเจนและเบสภูมิคุ้มกันตอบสนองได้ในต่อมน้ำลายมากกว่าในทางเดินอาหารหลังจากการติดเชื้อ RSV ประเด็นเหล่านี้ให้เบาะแสเกี่ยวกับบทบาทของอวัยวะสองในการเผชิญหน้ากับการติดเชื้อ RSV และช่วยในการทำความเข้าใจของการโต้ตอบระหว่าง RSV และ SBPHs

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไวรัสแถบข้าว (RSV) ทำให้เกิดโรคแถบสีข้าวและจะถูกส่งจากเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลขนาดเล็ก (Laodelphax striatellus, SBPH) ในถาวร circulative และลักษณะ propagative คลองทางเดินอาหารและต่อมน้ำลายของ SBPH บทบาทสำคัญในการจำลองแบบของไวรัสและการส่งผ่าน แต่ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับฟังก์ชั่นพื้นฐานของโมเลกุลทั้งสองอวัยวะในการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง RSV และ SBPH ในการศึกษานี้รานอวัยวะเฉพาะของทางเดินอาหารและต่อมน้ำลายถูกวิเคราะห์ใน SBPH viruliferous และไร้เดียงสา จำนวนแสดงออกแตกต่างกัน unigenes ในทางเดินอาหารได้มากขึ้นกว่าที่ในต่อมน้ำลายหลังจากการติดเชื้อ RSV และมีเพียง 23 unigenes ถูกควบคุมร่วมในสองอวัยวะ ในทางเดินอาหารของยีนที่เกี่ยวข้องกับ lysosome ย่อยอาหารและการล้างพิษที่ถูกเปิดใช้งานเมื่อติดเชื้อ RSV ขณะที่ยีนที่เกี่ยวข้องกับการจำลองดีเอ็นเอและการซ่อมแซมที่ถูกระงับ การขนส่งอาร์เอ็นเอและเปิดใช้งาน RSV อัดอั้น MAPK ที่ mTOR, Wnt, และเส้นทางการส่งสัญญาณทีจีเบต้าในต่อมน้ำลาย ปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันโดยรวมที่มีต่อการ RSV เป็นความเข้มแข็งมากขึ้นในต่อมน้ำลายกว่าในทางเดินอาหาร RSV เปิดใช้งานรูปแบบโมเลกุลของการรับรู้และทางเดินค่าผ่านทางในต่อมน้ำลาย แต่ทั้งสองยับยั้งปฏิกิริยาในทางเดินอาหาร การตอบสนองจากออกซิเจนและเอฟเฟคภูมิคุ้มกันตอบสนองได้มากขึ้นในต่อมน้ำลายกว่าในทางเดินอาหารหลังจากการติดเชื้อ RSV การค้นพบนี้ให้เบาะแสเกี่ยวกับบทบาทของทั้งสองอวัยวะในการเผชิญหน้ากับการติดเชื้อ RSV และช่วยในการทำความเข้าใจของการปฏิสัมพันธ์ระหว่าง RSV และ SBPHs ที่