Put the test tube where it will sta

Put the test tube where it will stand upright securely, or have a partner hold it. Fill it halfway with vinegar.
Give the balloon a good stretching, like you would if you were about to blow it up.
Use the funnel to put the baking soda inside the balloon. Gently shake the balloon until all the baking soda goes to the bottom.
Making sure none of the baking soda gets into the test tube, carefully stretch the opening of the balloon until it’s completely over the opening of the test tube. If it’s not a tight fit, your balloon is probably too big and you should use a smaller one instead.
Once the balloon is attached to the test tube, lift the rest of the balloon so that the baking soda falls into the vinegar. You might have to give it a gentle shake to make sure it all goes in.
Watch the balloon inflate! What’s happening here is the vinegar, an acid, is creating a chemical reaction with the baking soda, a base. When the two substances mix, you get carbonic acid, which is unstable and decomposes (falls apart) to become carbon dioxide (the gas that’s filling the balloon!) and water. Since the carbon dioxide is much less dense than the stuff you used to create it, it wants to expand, and the balloon is stretchy enough to allow it to do just that!

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใส่หลอดทดลองซึ่งจะเด่นตรงอย่างปลอดภัย หรือมีพันธมิตรไว้ เติมลงครึ่งหนึ่ง ด้วยน้ำส้มสายชูให้บอลลูนดียืด คุณเหมือนถ้าคุณจะระเบิดขึ้นใช้กรวยใส่โซดาภายในบอลลูน ค่อย ๆ เขย่าบอลลูนจนเบกกิ้งโซดาไปด้านล่างให้แน่ใจว่าไม่มีเบกกิ้งโซดาได้รับลงในหลอดทดสอบ ยืดเวลาเปิดของบอลลูนอย่างระมัดระวังจนกว่าจะสมบูรณ์เปิดของหลอดทดสอบ ถ้ามันไม่ใช่แบบแน่น บอลลูนของคุณจะใหญ่เกินไป และคุณควรใช้การหนึ่งขนาดเล็กแทนเมื่อบอลลูนกับหลอดทดลอง ยกส่วนเหลือของบอลลูนเพื่อให้โซดาตกอยู่ในน้ำส้มสายชู คุณอาจต้องเขย่ามันเบา ๆ เพื่อให้แน่ใจได้ทั้งหมดดู inflate บอลลูน สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คือน้ำส้ม กรด มีการสร้างปฏิกิริยาทางเคมี ด้วยโซดา ฐาน เมื่อผสมสารสอง คุณได้กรดคาร์บอ ซึ่งไม่เสถียร และสลายตัวไป (กันตก) จะกลายเป็น น้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ (ก๊าซที่จะบรรจุบอลลูน) เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หนาแน่นน้อยกว่าสิ่งคุณใช้สร้างมัน มันอยากจะขยาย และบอลลูนเป็นยืดให้มันทำเช่นนั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ใส่หลอดทดลองที่มันจะยืนตรงอย่างปลอดภัยหรือมีหุ้นส่วนถือไว้ กรอกข้อมูลลงครึ่งหนึ่งด้วยน้ำส้มสายชู.
ให้บอลลูนดียืดเช่นคุณจะถ้าคุณกำลังจะระเบิดขึ้น.
ใช้ช่องทางที่จะนำโซดาภายในบอลลูน เขย่าเบา ๆ บอลลูนจนกกิ้งโซดาไปที่ด้านล่าง.
ให้แน่ใจว่าไม่มีของกกิ้งโซดาลงในหลอดได้รับการทดสอบอย่างรอบคอบยืดเปิดบอลลูนจนกว่าจะสมบูรณ์กว่าการเปิดตัวของหลอดทดลอง ถ้ามันไม่ได้เป็นแบบแน่นบอลลูนของคุณอาจจะมีขนาดใหญ่เกินไปและคุณควรจะใช้อย่างใดอย่างหนึ่งที่มีขนาดเล็กแทน.
เมื่อบอลลูนที่แนบมากับหลอดทดลองยกที่เหลือของบอลลูนเพื่อให้กกิ้งโซดาตกอยู่ในน้ำส้มสายชู คุณอาจจะต้องให้มันสั่นอ่อนโยนเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปใน.
ชมบอลลูนพอง! สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่เป็นน้ำส้มสายชูกรดคือการสร้างปฏิกิริยาทางเคมีกับกกิ้งโซดา, ฐาน เมื่อทั้งสองผสมสารคุณจะได้รับกรดคาร์บอซึ่งไม่เสถียรและสลาย (สลาย) จะกลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ก๊าซที่กรอกบอลลูน!) และน้ำ เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากความหนาแน่นน้อยกว่าสิ่งที่คุณใช้ในการสร้างมันต้องการที่จะขยายและบอลลูนคือยืดพอที่จะอนุญาตให้ทำแค่นั้น!

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใส่หลอดทดลองที่จะยืนตรงได้อย่างปลอดภัยหรือมีหุ้นส่วนที่ถือไว้ เติมมันครึ่งๆ กลางๆ กับน้ำส้มสายชูให้บอลลูนยืดดี เหมือนว่าคุณกำลังจะระเบิดขึ้นใช้กรวยใส่โซดาภายในบอลลูน เขย่าเบา ๆลูกโป่งจนโซดาไปด้านล่างให้แน่ใจว่าไม่มีของโซดาเข้าไปในหลอดทดลอง ค่อยๆยืดเปิดบอลลูนจนมันสมบูรณ์กว่าการเปิดตัวของหลอดทดสอบ ถ้ามันไม่แน่น พอดี , บอลลูนของคุณอาจจะใหญ่เกินไป และคุณควรใช้หนึ่งที่มีขนาดเล็กแทนเมื่อบอลลูนถูกแนบกับหลอดทดลอง ยกส่วนที่เหลือของลูกโป่งที่โซดาลงในน้ำส้มสายชู คุณอาจจะต้องลองเขย่าเบาๆ เพื่อให้แน่ใจว่า ทั้งหมดไปดูบอลลูนพอง ! เกิดอะไรขึ้นที่นี่เป็นน้ำส้มสายชูเป็นกรด คือการสร้างปฏิกิริยาทางเคมีกับโซดา , ฐาน เมื่อทั้งสองสารผสม คุณจะได้ลาภที่ไม่เสถียรและสลายตัว ( พัง ) ให้กลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( ก๊าซที่บรรจุลูกโป่ง ! และน้ำ เนื่องจากคาร์บอนไดออกไซด์มากหนาแน่นน้อยกว่าสิ่งที่คุณใช้ในการสร้างมัน มันต้องการที่จะขยายและลูกโป่งยืดพอที่จะอนุญาตให้ทำเช่นนั้น