Proper soil preparation is the key

Proper soil preparation is the key to successful organic gardening. The goal is to feed the soil, which in turn will feed your plants. Begin by testing your soil to find out precisely what you've got to work with. Contact your local Cooperative Extension Service. Most counties and some universities have one; look in the phone book under "Cooperative," "Extension" or your county name to find out what is required for a soil test. Home test kits are available at garden-supply stores, but their results are not as accurate or complete.
A soil test will measure pH, the soil's acidity or alkalinity. The recommended pH for a vegetable garden is 6.8. The test results should include guidelines for adjusting the pH, for example, how much lime to add to acid soils or how much sulfur to add to alkaline soils. Both are available at gardening centers.
The test also should analyze the amounts of nitrogen, phosphorous, potassium, calcium and other elements in the soil that are critical for healthy plants. The testing agency may suggest nutriments to balance these elements; when you mail off your sample, be sure to enclose a note stating that you intend to garden organically so the tester does not suggest chemicals.
Some of the nitrogen sources the tester may suggest can be problematic, especially for vegetarians: Bone meal is a slaughterhouse byproduct, fish emulsion is a fish-processing byproduct, cottonseed meal is subject to heavy pesticide use and urea, or crystallized animal urine, is so processed it can no longer be considered even remotely natural. If nitrogen is a problem for your soil, and you are opposed to using animal byproducts, your best bet may be to plant a nitrogen-fixing cover crop this first year and start your vegetables the next.
When gardeners speak of a soil, they are referring to earth that looks, feels and smells pleasant. That means fertile soil, with good structure depending on the extent to which the inorganic soil particles; sand, silt, clay, and humus are bound together. No matter what kind of miserable soil you begin with, it can be transformed into the stuff great gardens are made of.
You also should test the soil's percentage of organic matter, or decomposed plant material. There are different levels of consideration according to your area that will determine if a soil is organic. The best organic matter to fertilize your garden with is compost. As a new gardener, you may not have compost of your own yet, but we’ll help you out with that a little later in the book.
Composting involves recycling of natural matter like vegetable peels, coffee grounds, and egg shells. All of these will provide nutrients to the soil that a successful organic gardener knows are of paramount importance!
When you till up your plot, work in some loose topsoil along with natural organic matter into the existing soil. Horse or cow manure will work the best here. Find a local farmer and ask if you can buy some dung from him. If you don’t have any of these available to you, most local garden centers will have some natural additives that you can till into the soil. You can also use leaves or grass clippings.
By tilling this organic matter into the soil, the organic material will form moisture-holding humus in the soil and the loose structure will permit good drainage. Plus, it can provide needed nutrients to your plants and help them thrive as they grow.
You can make your own organic fertilizer as well. We’ll give you a couple of great “recipes” in later sections.
Be careful that you don’t dig up your plot too soon in the season. Cool spring soil holds moisture, and disturbing wet soil will damage its structure. We found one tip online that can help you determine whether or not your soil is ready for tilling.
Jim Crockett, former Public Broadcasting System gardener extraordinaire, suggests that before digging you take "the chocolate cake test": If the soil has the consistency of moist chocolate cake, it's safe to dig. If it's more like fudge, wait until the soil has dried out to cake consistency.
Soil is structured in layers, and it's best not to disturb those layers. Dig down just far enough to remove clods of grass, weeds and root masses, shaking and pounding out as much dirt as possible back into your garden. Save the grass for composting.
After the dirt is prepared, let the garden rest for a couple of days before planting.

It’s almost time to plant!

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การเตรียมดินที่เหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำสวนอินทรีย์ที่ประสบความสำเร็จ เป้าหมายคือให้ อาหารดิน ที่จะเลี้ยงในพืชของคุณ เริ่มต้น ด้วยการทดสอบดินของคุณการค้นหาแม่นยำที่ได้ทำงานกับ ติดต่อบริการของคุณต่อสหกรณ์ภายใน เขตส่วนใหญ่และบางมหาวิทยาลัยมีหนึ่ง ค้นหาในสมุดโทรศัพท์ภายใต้ "สหกรณ์ "นามสกุล"หรือชื่อประเทศของคุณเพื่อค้นหาสิ่งจำเป็นสำหรับการทดสอบดิน ที่สวนจัดร้านมีชุดทดสอบบ้าน ได้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง หรือสมบูรณ์การทดสอบดินจะวัดค่า pH ดินมี หรือน้ำยา PH แนะนำสำหรับสวนผักเป็น 6.8 ผลการทดสอบควรมีแนวทางในการปรับ pH ตัวอย่าง จำนวนมะนาวเพื่อเพิ่มกรดดินเนื้อปูน หรือปริมาณกำมะถันเพิ่มด่างดินเนื้อปูน ทั้งสองมีที่ศูนย์สวน การทดสอบยังควรวิเคราะห์จำนวน phosphorous ไนโตรเจน โพแทสเซียม แคลเซียม และองค์ประกอบอื่น ๆ ในดินที่มีความสำคัญสำหรับสุขภาพพืช หน่วยทดสอบอาจแนะนำ nutriments สมดุลองค์ประกอบเหล่านี้ เมื่อจดหมายคุณออกตัวอย่างของคุณ ให้แน่ใจว่าได้ใส่หมายเหตุที่ระบุว่า คุณต้องการสวน organically เพื่อทดสอบที่ไม่แนะนำสารเคมีบางแหล่งไนโตรเจนที่ทดสอบอาจแนะนำได้ มีปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมังสวิรัติ: อาหารกระดูกเป็นบิดาพลอย ปลาอิมัลชันคือ พลอยปลาแปรรูป อาหารส่วนเกินจะต้องใช้ยาฆ่าแมลงหนัก และยูเรีย หรือตกผลึกปัสสาวะสัตว์ คือประมวลผลดังนั้นจึงไม่ถือได้ว่าธรรมชาติได้จากระยะไกลได้ ถ้าไนโตรเจนปัญหาสำหรับดินของคุณ และคุณมีการใช้สารสัตว์ เดิมพันดีที่สุดอาจเป็นพืชครอบคลุมพืชแก้ไขไนโตรเจนในปีแรกนี้ และเริ่มต้นของผักต่อไป เมื่อคนพูดของดินแบบ พวกเขากำลังอ้างถึงแผ่นดินที่มีลักษณะ ความรู้สึก และกลิ่นดี นั่นหมายความว่า ดินอุดมสมบูรณ์ มีโครงสร้างดีตามขอบเขตที่อนุภาคดินอนินทรีย์ ทราย ตะกอน ดินเหนียว และเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นผูกเข้าด้วยกัน ไม่ว่าชนิดของดินเองที่คุณเริ่มต้นด้วย มันสามารถถูกแปลงเป็นสิ่งจะทำสวนดีคุณควรทดสอบเปอร์เซ็นต์ของดินอินทรีย์ หรือวัสดุพืชย่อยสลายไป พิจารณาตามพื้นที่ของคุณที่จะพิจารณาว่าดินมีอินทรีย์ระดับต่าง ๆ ได้ ส่วนอินทรีย์เรื่องการ fertilize สวนของคุณปุ๋ยนั้น เป็นคนสวนใหม่ คุณอาจยังไม่มีปุ๋ยของตัวเอง แต่เราจะช่วยให้คุณออก ด้วยที่เหมือนในหนังสือหมักเกี่ยวข้องกับการรีไซเคิลของเรื่องธรรมชาติเช่นผัก peels กาแฟเนส และเปลือกไข่ ทั้งหมดนี้จะให้สารอาหารในดินที่สวนอินทรีย์ที่ประสบความสำเร็จรู้ว่ามีความสำคัญสูงสุดเมื่อคุณจนถึงค่าพล็อตของคุณ ทำงานในบาง topsoil หลวมกับอินทรีย์ธรรมชาติเป็นดินที่มีอยู่ มูลม้าหรือวัวจะทำงานที่นี่ดีที่สุด พบชาวนาในท้องถิ่น และขอถ้า คุณสามารถซื้อมูลบางอย่างจากเขา ถ้าคุณไม่มีของเหล่านี้พร้อมให้คุณ ศูนย์สวนท้องถิ่นส่วนใหญ่จะมีสารบางอย่างธรรมชาติที่คุณสามารถจนถึงเป็นดิน นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ใบไม้ หรือหญ้าคลิปหน้าโดย tilling นี้อินทรีย์ในดิน วัสดุอินทรีย์จะฟอร์มเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายถือความชื้นในดิน และโครงสร้างหลวมจะอนุญาตให้ระบายน้ำได้ดี พลัส สามารถให้สารอาหารให้พืชของคุณที่จำเป็น และช่วยในการเจริญเติบโต ตามที่พวกเขาเติบโตคุณสามารถทำปุ๋ยอินทรีย์ของคุณเองเช่น เราจะให้ของดี "เค้ก" ในภายหลัง ต้องระวังว่า คุณไม่ขุดค่าพล็อตของคุณเร็วเกินไปในฤดูกาล น้ำพุเย็นดินเก็บความชื้น และรบกวนดินเปียกจะเกิดความเสียหายของโครงสร้าง เราพบหนึ่งคำแนะนำออนไลน์ที่สามารถช่วยให้คุณทราบว่า พร้อมสำหรับ tilling ของดินJim มคร็อก สวนสาธารณะเผยแพร่ระบบเดิม extraordinaire แนะนำว่า ก่อนที่จะขุด คุณใช้ "การทดสอบเค้กช็อคโกแลต": ถ้าดินมีความสอดคล้องของเค้กชุ่มชื่น จึงปลอดภัยที่จะขุด ถ้าเป็นเหมือนฟัดจ์ รอจนกว่าดินมีแห้งออกเพื่อความสอดคล้องของเค้กดินมีโครงสร้างในชั้น และดีที่สุดคือไม่รบกวนชั้นเหล่านั้น ขุดลงเพียงไกลพอเอา clods ของหญ้า วัชพืช และรากฝูง สั่น และห้ำหั่นออกสกปรกมากเป็นไปได้กลับเข้าไปในสวนของคุณ บันทึกหญ้าสำหรับหมักหลังจากเตรียมสิ่งสกปรก ให้เหลือสวนสำหรับสองสามวันก่อนปลูก ถึงเวลาปลูกเกือบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเตรียมดินที่เหมาะสมคือ คีย์เพื่อความสำเร็จอินทรีย์สวน เป้าหมายคือการให้อาหารในดิน ซึ่งจะกินพืชของคุณ เริ่มโดยการทดสอบดินของคุณเพื่อดูสิ่งที่คุณต้องทำงานกับ ติดต่อ สหกรณ์บริการท้องถิ่นของคุณ มณฑลมากที่สุดและมหาวิทยาลัยบางแห่งมีหนึ่ง ดูในสมุดโทรศัพท์ภายใต้ " สหกรณ์" ส่วนขยาย " หรือมณฑลชื่อเพื่อหาสิ่งที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับดินทดสอบ ชุดทดสอบที่บ้านมีอยู่ที่ร้านค้าจัดหาสวน แต่ผลลัพธ์ไม่ถูกต้องหรือสมบูรณ์
ดินการทดสอบจะวัด pH ของดิน ความเป็นกรดหรือเป็นด่าง แนะนำสำหรับสวนผักคือ pH 6.8 . ผลการทดสอบควรมีแนวทางในการปรับ pH , ตัวอย่างเช่นมะนาวเท่าใดเพื่อเพิ่มกรดหรือดินกำมะถันเท่าไหร่ที่จะเพิ่มดินด่าง ทั้งสองมีอยู่ในศูนย์สวน
ทดสอบควรวิเคราะห์ปริมาณไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม และองค์ประกอบอื่น ๆ ในดินที่สำคัญสำหรับพืชเพื่อสุขภาพ หน่วยงานทดสอบอาจแนะนำให้ nutriments เพื่อความสมดุลขององค์ประกอบเหล่านี้ เมื่อคุณปิดตัวอย่างของคุณให้แน่ใจว่าได้ใส่ข้อความที่ระบุว่า คุณต้องการสวนอินทรีย์ดังนั้นไม่มี tester ให้สารเคมี
บางส่วนของไนโตรเจน tester ที่อาจทำให้เป็นปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมังสวิรัติ : กระดูกป่นเป็นโรงฆ่าสัตว์ byproduct อิมัลชันปลาเป็นปลาแปรรูป byproduct กากเมล็ดฝ้าย อาจมีการใช้สารเคมีอย่างหนัก และยูเรีย หรือตกผลึกปัสสาวะสัตว์เพื่อประมวลผล มันไม่สามารถพิจารณาได้จากธรรมชาติ ถ้าไนโตรเจนเป็นปัญหาสำหรับดินของคุณ และคุณจะไม่เห็นด้วยกับการใช้ผลพลอยได้จากสัตว์ , ทางออกที่ดีที่สุดของคุณอาจจะเป็นพืชตรึงไนโตรเจนพืชคลุมดิน ปีแรกนี้ และเริ่มผักของคุณต่อไป
เมื่อชาวสวน พูดเกี่ยวกับ ดิน พวกเขาจะหมายถึงโลกที่ดู รู้สึก และมีกลิ่นที่น่ารื่นรมย์ นั่นหมายความว่า ดินอุดมสมบูรณ์ที่มีโครงสร้างที่ดีขึ้นอยู่กับขอบเขตที่อนุภาคดินอนินทรีย์ ; ตะกอนทรายดินและฮิวมัสถูกผูกไว้ด้วยกัน ไม่ว่าชนิดของดินที่คุณเริ่มต้นกับทุกข์ มันสามารถเปลี่ยนในสิ่งที่สวนใหญ่จะทำ .
คุณควรทดสอบค่าดิน อินทรีย์วัตถุ หรือย่อยสลายวัสดุพืชมีหลายระดับของการพิจารณาตามพื้นที่ของคุณจะตรวจสอบว่าเป็นดินอินทรีย์ ที่ดีที่สุดอินทรีย์กับปุ๋ยสวนของคุณด้วยปุ๋ยหมัก เป็นคนสวนใหม่ คุณอาจจะไม่ได้มีปุ๋ยหมักของคุณเอง แต่เราก็จะช่วยคุณเรื่องนั้นทีหลังในหนังสือ ที่เกี่ยวข้องกับการรีไซเคิลของเรื่อง
ปุ๋ยหมักธรรมชาติ เช่น เปลือกผัก , กากกาแฟ ,และเปลือกไข่ ทั้งหมดนี้จะให้สารอาหารในดินที่ประสบความสำเร็จอินทรีย์สวนรู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด !
เมื่อคุณจนถึงพล็อตของคุณทำงานในบางหลวมดินพร้อมกับสารอินทรีย์ธรรมชาติในดินที่มีอยู่ ม้าหรือวัวปุ๋ยคอกจะทำงานที่นี่ดีที่สุด พบเกษตรกรในท้องถิ่นและถามว่าคุณสามารถซื้อบางมูลจากเขา