Now that you are looked at the arti

Now that you are looked at the article as a whole ,start reading. Try for a level of engagement between reading and skimming.
You should be able to find the author’s statement of purpose, or THESIS statement, before the end of the introduction. You should also be able to tell what evidence the author is going to use to support the position she or he taken. The author may also explain what limits have been placed on the article : for example, the length of time or period, the geographic location, the extent of the information that’s going to be used, and the theories that are going to be applied.
You should also be able to tell the author’s point of view. Remember that research is not value-free, nor culturally neutral. You may be able to tell what values the author embodies or promotes.
Also look at the conclusion. If it’s not clearly labeled, it will probably be the last two or three paragraphs. The conclusion generally doesn’t have any quoted material (i.e. ,no references or note numbers ) and should contain only the author’s remark to the reader.
It is often useful to look at the conclusion before you read the whole paper because it contains the author’s summary of what has been said. If you can’t quite identify the thesis (they are often not clearly stated), read the conclusion. Knowing where the author ended up is often a clue to where he or she started from. In many instances, too, the conclusion summarizes the whole paper, as should the thesis statement.
Some questions to guide you in determining the purpose, structure and direction of the article:
What is the author’s main point, or thesis ?
Sometimes you can find this easily ; the author says something like “the point of this article is to” or “in this paper I intend to show / argue that. “Sometimes you have to look for a simple statement that contain some echo of the title, the same phrase or words, and some statements of the argument that supports the assertion: “despite what other scholars have said, I think this [whatever it is] is actually the case, because I have found this [supporting point #1], this[supporting point #2], and this [supporting point#3].”
If the paper is well-crafted,the section headings of paper (when there are any) will contain some allusion to the supporting points.
What evidence has author used?
This question is often answered in step one, but you should also use what the author tells you in the introduction to expand on your grasp of the evidence.

Academic papers are often “argued”, that is, constructed like an argument with a statement of what the author has figured out or thought about a particular situation or event (or whatever). Then, to persuade the reader, the author present facts or evidence that support that position. In some ways it’s much like the presentation of a case in a courtroom trial.

A particular collection of sources (or witnesses) present information to the author (or lawyers) and the author comes to some understanding. Then the author explains how she or he came to that conclusion and points to or presents the bits of evidence that made it possible. Consider what information is not included. Was the trial fair even though a key witness was not called to testify? Has your author only let those facts that support the thesis testify in the article? How might you find out?

Is the evidence “PRIMARY”, “SECONDARY” “TRADITIONAL”, or “NON-TRADITIONAL”?
What limits did the author place on the study?
Writers of article rarely tackle big topics. There isn’t enough room in an article to write a history of the world or discuss big issues. Articles are generally written to advance understanding only a little bit. It may be because the subject has never been looked at before or because no one would be able to read a larger work easily (like a student’s thesis). An article usually focuses on a particular period, event, change, person, or idea and even then may be limited even more.

This may be significant if the author is trying to make generalizations about what he or she has discovered. Knowing something about education in the 1940s in Yellowknife may not tell you anything about education anywhere else or at any other time. A more general discussion of subsistence strategies over a longer period may have more general relevance.

A CRITIQUE of the literature in a specific field may replace having to read a number of books. With assigned readings, an article will most often be assigned as an example of a type of research, as a source of quality information on a specific topic or because it summarizes a lot of other writing on a given subject.
What is the author’s point of view?
This can sometimes be easily seen, especially in “polemical” essays, where the author bashes a number of point, truisms or arguments and then presents her or his own. Or it could be more difficult to tell. Sometimes you have to “feel” it out, by assessing the tone or by watching for negative or positive adjective: “as so-and-so said in their excellent essay, ‘Nuke’ em Now!’” or “who shows a wrongheaded insistence.” Cues like those words can help you figure out where the author is coming from.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตอนนี้ที่คุณกำลังมองไปที่บทความที่เป็นทั้งที่เริ่มต้นการอ่าน ลองสำหรับระดับของการมีส่วนร่วมระหว่างการอ่านและ skimming.
คุณควรจะสามารถที่จะหาคำสั่งของผู้เขียนของวัตถุประสงค์หรือคำสั่งวิทยานิพนธ์ก่อนสิ้นการแนะนำ คุณควรจะสามารถที่จะบอกได้ว่าหลักฐานที่ผู้เขียนจะไปใช้ในการสนับสนุนในฐานะที่เธอหรือเขาถ่าย ผู้เขียนอาจจะอธิบายสิ่งที่ข้อ จำกัด ได้ถูกวางไว้ในบทความนี้: ยกตัวอย่างเช่นระยะเวลาหรือระยะเวลาที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ขอบเขตของข้อมูลที่จะนำมาใช้และทฤษฎีที่จะนำมาใช้.
คุณ ยังจะสามารถที่จะบอกจุดของผู้เขียนในมุมมองของ โปรดจำไว้ว่าการวิจัยที่ไม่คุ้มค่าฟรีและไม่เป็นกลางทางวัฒนธรรม คุณอาจจะสามารถที่จะบอกสิ่งที่ผู้เขียนคาดเดาค่าหรือส่งเสริม.
ยังมองที่สรุป หากยังไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนก็อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่สองหรือสามย่อหน้า สรุปโดยทั่วไปไม่ได้มีวัสดุใด ๆ ที่ยกมา (เช่นการอ้างอิงหรือไม่มีตัวเลขโน้ต) และควรมีเพียงคำพูดของผู้เขียนให้ผู้อ่าน.
มันมักจะเป็นประโยชน์ที่จะมองไปที่ข้อสรุปก่อนที่คุณจะอ่านกระดาษทั้งหมดเพราะมันมีของผู้เขียน บทสรุปของสิ่งที่ได้รับการกล่าว ถ้าคุณไม่สามารถระบุค่อนข้างวิทยานิพนธ์ (พวกเขามักจะไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน) อ่านสรุป รู้ที่ผู้เขียนมักจะจบลงด้วยการเป็นเบาะแสที่เขาหรือเธอเริ่มต้นจาก ในหลายกรณีเหมือนกันสรุปสรุปกระดาษทั้งเป็นควรคำสั่งวิทยานิพนธ์.
บางคำถามที่จะแนะนำคุณในการกำหนดวัตถุประสงค์โครงสร้างและทิศทางของบทความ:? เป็นจุดหลักของผู้เขียนอะไรหรือวิทยานิพนธ์บางครั้งคุณสามารถหานี้ได้อย่างง่ายดาย; ผู้เขียนกล่าวว่าสิ่งที่ชอบ "จุดของบทความนี้คือการ" หรือ "ในบทความนี้ผมตั้งใจที่จะแสดงให้เห็น / ยืนยันว่า "บางครั้งคุณต้องมองหาคำสั่งที่เรียบง่ายที่มีการสะท้อนบางส่วนของชื่อวลีเดียวกันหรือคำและงบบางส่วนของข้อโต้แย้งที่สนับสนุนยืนยันว่า" แม้สิ่งที่นักวิชาการอื่น ๆ ได้กล่าวว่าผมคิดว่านี่ [สิ่งที่เป็น ] เป็นจริงกรณีนี้เพราะผมได้พบนี้ [1 จุด # สนับสนุน] นี้ [จุดที่ 2 การสนับสนุน] และนี่ [จุดสนับสนุน # 3]. "หากกระดาษดีcrafted ที่ส่วนหัวกระดาษ ( เมื่อมี) จะมีการพาดพิงบางจุดที่สนับสนุน. หลักฐานอะไรได้ผู้เขียนใช้งานอย่างไรคำถามนี้เป็นคำตอบมักจะอยู่ในขั้นตอนเดียว แต่คุณยังควรใช้สิ่งที่ผู้เขียนจะบอกคุณในการแนะนำที่จะขยายตัวในความเข้าใจของคุณของหลักฐาน . เอกสารวิชาการมักจะ "แย้ง" ซึ่งก็คือการสร้างเช่นทะเลาะกับคำสั่งของสิ่งที่ผู้เขียนได้คิดออกหรือคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงหรือเหตุการณ์ (หรืออะไรก็ตาม) จากนั้นจะชักชวนให้ผู้อ่านที่ผู้เขียนนำเสนอข้อเท็จจริงหรือหลักฐานที่สนับสนุนว่าตำแหน่ง ในบางวิธีก็เหมือนการนำเสนอในการพิจารณาคดีกรณีที่ห้องพิจารณาคดีที่. คอลเลกชันของแหล่งที่มาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง (หรือพยาน) นำเสนอข้อมูลที่ผู้เขียน (หรือทนายความ) และผู้เขียนมาถึงความเข้าใจบางอย่าง แล้วเขียนอธิบายว่าเธอหรือเขามาถึงว่าข้อสรุปและจุดที่จะนำเสนอบิตหรือหลักฐานที่ทำให้มันเป็นไปได้ พิจารณาข้อมูลที่จะไม่รวม เป็นทดลองใช้งานแม้ว่าพยานสำคัญไม่ได้ถูกเรียกตัวไปเป็นพยาน? ได้เขียนของคุณเท่านั้นที่ให้ข้อเท็จจริงเหล่านั้นที่สนับสนุนวิทยานิพนธ์พยานในบทความ? วิธีที่คุณอาจพบว่าออกมา? เป็นหลักฐาน "หลัก", "มัธยมศึกษา" "แผน" หรือ "ไม่ใช่แบบดั้งเดิม"? สิ่งที่ทำข้อ จำกัด ที่ผู้เขียนเกี่ยวกับการศึกษาหรือไม่นักเขียนของบทความไม่ค่อยรับมือกับหัวข้อใหญ่ ไม่มีที่ว่างพอในบทความที่จะเขียนประวัติศาสตร์ของโลกหรือหารือเกี่ยวกับประเด็นใหญ่ บทความที่เขียนโดยทั่วไปจะก้าวไปสู่ความเข้าใจเพียงเล็กน้อย มันอาจจะเป็นเพราะเรื่องที่ไม่เคยได้รับมองที่ก่อนหรือเพราะไม่มีใครจะสามารถที่จะอ่านงานที่มีขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย (เช่นวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา) บทความที่มักจะมุ่งเน้นไปที่ช่วงเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงบุคคลหรือความคิดและแม้กระทั่งอาจจะถูก จำกัด มากยิ่งขึ้น. นี้อาจมีความสำคัญถ้าผู้เขียนจะพยายามที่จะทำให้ภาพรวมเกี่ยวกับสิ่งที่เขาหรือเธอได้ค้นพบ รู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับการศึกษาในปี 1940 ในเยลโลว์ไนฟ์อาจจะไม่บอกอะไรเกี่ยวกับการศึกษาที่ใดหรือในเวลาอื่น ๆ การอภิปรายทั่วไปมากขึ้นของกลยุทธ์การดำรงชีวิตในระยะเวลานานอาจจะมีความเกี่ยวข้องทั่วไปมากขึ้น. วิจารณ์วรรณกรรมในสาขาที่เฉพาะเจาะจงอาจแทนที่ต้องอ่านจำนวนของหนังสือ กับการอ่านที่ได้รับมอบหมายบทความส่วนใหญ่มักจะได้รับการมอบหมายให้เป็นตัวอย่างของประเภทของการวิจัยที่เป็นแหล่งที่มาของข้อมูลที่มีคุณภาพในหัวข้อที่เฉพาะเจาะจงหรือเพราะมันสรุปจำนวนมากของการเขียนอื่น ๆ ในเรื่องที่กำหนด. อะไรคือสิ่งที่จุดของผู้เขียนของ ดู? นี้บางครั้งอาจมองเห็นได้ง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน "ทะเลาะ" บทความที่เขียน bashes จำนวนจุด truisms หรือข้อโต้แย้งแล้วนำเสนอเธอหรือของเขาเอง หรือมันอาจเป็นเรื่องยากที่จะบอก บางครั้งคุณต้อง "รู้สึก" มันออกโดยการประเมินเสียงหรือโดยการเฝ้าดูคำคุณศัพท์ลบหรือบวก "เป็นเช่นนั้นและเพื่อให้กล่าวว่าในการเขียนเรียงความที่ดีเยี่ยมของพวกเขา 'Nuke' em ตอนนี้!" หรือ "ที่แสดงให้เห็นถึง wrongheaded การเรียกร้อง. "คิวเช่นคำพูดเหล่านั้นสามารถช่วยให้คุณคิดออกว่าผู้เขียนจะมาจาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตอนนี้คุณจะดูที่บทความที่เป็นทั้ง เริ่มอ่าน พยายามที่ระดับของความผูกพันระหว่างการอ่านและการอ่าน .
คุณควรจะสามารถค้นหาข้อความของผู้เขียนมีจุดประสงค์หรือมีงบก่อนจบเบื้องต้น คุณควรจะสามารถที่จะบอกหลักฐานที่ผู้เขียนจะใช้เพื่อสนับสนุนตำแหน่งเธอหรือเขาถ่ายผู้เขียนอาจจะอธิบายสิ่งที่ จำกัด ได้รับการวางอยู่บนบทความ : ตัวอย่างเช่น ความยาวของเวลาหรือระยะเวลา ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ขอบเขตของข้อมูลที่ต้องใช้ และทฤษฎีต่างๆ ที่จะใช้ .
คุณควรจะสามารถที่จะบอกจุดของผู้เขียนดู . จำได้ว่า การวิจัยไม่ใช่ค่าว่าง หรือวัฒนธรรมที่เป็นกลางคุณอาจจะสามารถบอกค่าอะไรผู้เขียนคาดเดาหรือส่งเสริม .
ดูบทสรุป ถ้ามันไม่ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน มันคงจะเป็นครั้งสุดท้าย สอง หรือ สามย่อหน้า สรุปโดยทั่วไปไม่มียกมาวัสดุ ( เช่น ไม่มีอ้างอิง หรือตัวเลขที่บันทึก ) และควรมีเฉพาะของผู้เขียนหมายเหตุให้ผู้อ่าน
.มันมักจะเป็นประโยชน์ที่จะดูบทสรุป ก่อนจะอ่านกระดาษทั้งหมด เพราะว่ามันมีการสรุปของผู้เขียนของสิ่งที่ถูกกล่าวว่า ถ้าคุณไม่สามารถค่อนข้างระบุวิทยานิพนธ์ ( พวกเขามักจะไม่ระบุให้ชัดเจน ) อ่านบทสรุป รู้ว่าผู้เขียนก็มักจะเป็นปมที่เขาหรือเธอ เริ่มจาก ในบางกรณี มากเกินไป สรุปสรุปกระดาษทั้งหมดควรงบวิทยานิพนธ์
คำถามบางอย่างที่จะแนะนำคุณในการกำหนดวัตถุประสงค์ โครงสร้างและทิศทางของบทความ :
อะไรของผู้เขียนหลักจุด หรือวิทยานิพนธ์
บางครั้งคุณยังสามารถค้นหาได้อย่างง่ายดาย ; ผู้เขียนกล่าวว่าสิ่งที่ชอบ " จุดของบทความนี้ก็เพื่อ " หรือ " ในบทความนี้ผมตั้งใจที่จะแสดง / โต้แย้งว่า" บางครั้งคุณต้องมองหาง่าย ชี้แจงว่า จะมีเสียงสะท้อนของชื่อเรื่อง ประโยคเดียวกันหรือคำและงบบางส่วนของอาร์กิวเมนต์ที่สนับสนุนการยืนยัน : " แม้จะมีนักวิชาการอื่น ๆได้กล่าวว่า ฉันคิดว่านี้ [ มัน ] เป็นอย่างนี้ เพราะฉันได้พบนี้ [ สนับสนุนจุด # 1 ] , [ 2 ] #สนับสนุนจุด และจุดนี้ [ สนับสนุน# "
3 ]ถ้ากระดาษดี crafted , ส่วนส่วนหัวของกระดาษ ( เมื่อมี ) จะประกอบด้วยบางพาดพิงสนับสนุนจุด .
หลักฐานอะไรได้ ผู้เขียนใช้
คำถามนี้มักตอบได้ในขั้นหนึ่ง แต่คุณควรจะใช้สิ่งที่ผู้เขียนบอกในเบื้องต้น เพื่อขยายความเข้าใจของคุณหลักฐาน

บทความทางวิชาการมักจะ " เป็นที่ถกเถียงกัน " นั่นคือสร้างขึ้น เช่น ทะเลาะกับแถลงการณ์ของสิ่งที่ผู้เขียนได้มีการคิด หรือ คิด เกี่ยวกับ สถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง หรือ เหตุการณ์ ( หรืออะไรก็ตาม ) จากนั้น เพื่อชักชวนให้ผู้อ่าน ผู้เขียนเสนอข้อเท็จจริง หรือหลักฐานที่สนับสนุนว่าตำแหน่ง ในบางวิธีก็เหมือนการเสนอคดีในศาลทดลอง .

คอลเลกชันโดยเฉพาะแหล่ง ( พยาน ) นำเสนอข้อมูลให้กับผู้เขียน ( หรือทนายความ ) และผู้เขียนมาเข้าใจ แล้วผู้เขียนอธิบายว่า เธอหรือเขามาถึงข้อสรุปว่าจุดหรือแสดงบิตของหลักฐานที่ทำให้มันเป็นไปได้ พิจารณาข้อมูลที่ไม่รวม คือการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม แม้ว่าเป็นพยานสำคัญ เขาไม่ได้เรียกไปเป็นพยานด้วยมีผู้เขียนของคุณปล่อยให้แต่ข้อเท็จจริงที่สนับสนุนวิทยานิพนธ์เป็นพยานในบทความ ? แล้วคุณจะรู้

มีหลักฐาน " หลัก " , " รอง " ดั้งเดิม " หรือ " ใหม่ "
สิ่งที่ จำกัด ทำผู้เขียนในการศึกษา ?
นักเขียนของบทความไม่ค่อยแก้ไขหัวข้อใหญ่ มีไม่พอในบทความที่จะเขียนประวัติศาสตร์ของโลกหรือปรึกษาปัญหาใหญ่บทความโดยทั่วไปจะเขียนล่วงหน้าความเข้าใจเพียงเล็กน้อย มันอาจเป็นเพราะเรื่องที่ยังไม่เคยดูมาก่อน หรือเพราะไม่มีใครสามารถอ่านงานขนาดใหญ่ได้ง่าย ( เช่นวิทยานิพนธ์ของนักศึกษา ) บทความที่มักจะเน้นเฉพาะช่วงเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลง คน หรือ ความคิด และแม้แต่แล้ว อาจถูก จำกัด มากขึ้น

นี้อาจจะพบว่าผู้เขียนพยายามที่จะทำให้ทั่วไปเกี่ยวกับสิ่งที่เขาหรือเธอได้ค้นพบ รู้อะไรเกี่ยวกับการศึกษาในทศวรรษที่ 1940 ในเยลโลไนฟ์ อาจจะไม่ได้บอกอะไรคุณเกี่ยวกับการศึกษาที่ใด หรือในเวลาอื่น สนทนาทั่วไปยังชีพกลยุทธ์ในระยะเวลานานอาจจะทั่วไปเพิ่มเติม Ltd .

การวิจารณ์ของวรรณกรรมในสาขาที่เฉพาะเจาะจงอาจแทนที่ต้องอ่านหนังสือหลายเล่ม พร้อมมอบหมายให้อ่านบทความมักจะได้รับมอบหมาย เป็นตัวอย่างของประเภทของการวิจัย เป็นแหล่งที่มาของข้อมูลคุณภาพในหัวข้อที่เฉพาะเจาะจงหรือเพราะมันสรุปการเขียนอื่น ๆบนให้มากเรื่อง
อะไรเป็นจุดของผู้เขียนในมุมมองของ ?
นี้บางครั้งสามารถมองเห็นได้ง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน " บทความ polemical " ซึ่งผู้เขียน bashes หลายจุด truisms หรือข้อโต้แย้งแล้วเสนอของเธอหรือของเขาเอง หรือมันอาจจะยากที่จะบอก บางครั้งคุณต้อง " รู้สึก " ออกมา โดยประเมินเสียงหรือดูเพื่อลบหรือบวกคำคุณศัพท์ : " ดังนั้นและดังนั้นในเรียงความที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา , ' นุก ' em ! " หรือ " ที่แสดงให้เห็น wrongheaded การยืนกราน" คิวเหมือนคำพูดเหล่านั้นสามารถช่วยให้คุณคิดออกว่าผู้เขียนนั้นมาจาก