His father was Huad and his mother

His father was Huad and his mother was Kao.
His original name was Kon Hutasingh.
He was a very intelligent student.
After graduating from the law school in Bangkok in 1903 with the degree of Barrister-at-law.
he won a government scholarship to continue his studies at the middle Temple in England in 1905.

After completing his education there within three years.
he returned to thailand and served in the Ministry of Justice during the last part of the reign of King Chulalongkorn.
Before the Revolution of 1932 he was a judge of the Court of Appeal and a member of the privy Council in the reign of King Prajadhipok (Rama VII)

After the revolution,Dr Pridi Banomyong suggested the People's party should select Phraya Manopakornnitithada to be President of the people's Committee which was the most important position in the new government.
Dr pridi thought that Phraya Manopakornnitithada was a commoner with a good educational background from such a democratic country as England,so he should be in favour of democratic system and, above all, he enjoyed a certain relationship with King Prajadhipok as his wife was also one of the Queen's ladies-in-waiting.
So, he was seen as an ideal compromise between the revolutionary party and the King.
He took the post of President on 28 June 1932.

Later, when the Permanent Constitution of December 10, 1932 came into force,the members of the Preple's Committee resigned to allow for the formation of a true cabinet.
Phraya Manopakornnitithada was then appointed Prime Minister to lead the new form of government.

On April 1,1933 Prime Minister Phraya Manopakornnitithada ordered the prorogation of the National Assbly and suspension of certain articles of the permanent constitution reasonion that the cabinet could not agree on a national econamic policy submitted by dr pridi banomyong as it inclined towards communism.
as a result dr pridi was relieved of all posts and advised by the government to leave the country and he left thailand for france on 12 april 1933.

indeed phraya manopakornnitithada's action caused much dissatisfaction to most leading members of the people's party and the goveenment.
consequently on 20 june 1933 the government of phraya manopakornnitithada was forced to resign by a coup led by phraya phahol pholphayuhasena.
he went into self-exile at penang where he lived out his days.
he died on 1 october 1948 at the age of 64.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พ่อของเขาเป็นฮวดและแม่ของเขาเป็น kao.
ชื่อเดิมของเขาคือ hutasingh kon.
เขาเป็นนักเรียนที่ฉลาดมาก.
หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนกฎหมายในกรุงเทพฯในปี 1903 ที่มีระดับของทนายความที่กฎหมาย.
เขาได้รับรางวัล ทุนการศึกษาของรัฐบาลที่จะดำเนินการศึกษาของเขาที่กลางวิหารในอังกฤษในปี 1905.

หลังจากเสร็จสิ้นการศึกษาของเขามีภายในสามปี.
เขากลับไปที่ประเทศไทยและทำหน้าที่ในกระทรวงยุติธรรมในส่วนสุดท้ายของรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า.
ก่อนการปฏิวัติของปี 1932 เขาเป็นผู้พิพากษาของศาลของอุทธรณ์และสมาชิกของคณะองคมนตรีในรัชสมัยของพระปกเกล้า (พระราม vii)

หลังจากการปฏิวัติดร. ปรีดีพนมยงค์แนะนำของบุคคลที่ผู้คนควรเลือกพระยา manopakornnitithada จะเป็นประธานของคณะกรรมการของผู้คนซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในรัฐบาลใหม่.
ดร. ปรีดีคิดว่าพระยา manopakornnitithada เป็นคนธรรมดาสามัญที่มีวุฒิการศึกษาที่ดีจากต่างประเทศประชาธิปไตยเป็น อังกฤษดังนั้นเขาควรจะอยู่ในความโปรดปรานของระบอบประชาธิปไตยและเหนือสิ่งอื่นใดเขามีความสุขกับความสัมพันธ์บางอย่างกับพระปกเกล้าเป็นภรรยาของเขายังเป็นหนึ่งในสมเด็จพระราชินีฯ ผู้หญิงในรอ.
เช่นนั้นเขาถูกมองว่าเป็นประนีประนอมเหมาะระหว่างพรรคปฏิวัติและกษัตริย์.
เขาเอาโพสต์ของประธานาธิบดีในวันที่ 28 มิถุนายน 1932.

ต่อมาเมื่อรัฐธรรมนูญถาวรของ 10 ธันวาคม 1932 มาใช้บังคับสมาชิกของคณะกรรมการ preple ที่ลาออกเพื่อให้มีการก่อตัวของตู้จริง.
พระยา manopakornnitithada ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจะนำไปสู่​​รูปแบบใหม่ของรัฐบาลแล้ว.

1 เมษายน1933 นายกรัฐมนตรีพระยา manopakornnitithada สั่งการปิดสมัยประชุมของ assbly ชาติและการหยุดชะงักของบทความบาง reasonion รัฐธรรมนูญถาวรที่คณะรัฐมนตรีไม่สามารถตกลงเกี่ยวกับนโยบาย econamic ชาติส่งโดย ดร. ปรีดีพนมยงค์ในขณะที่มันโน้มเอียงไปทางคอมมิวนิสต์
.เป็นปรีดีผลดรถูกปลดออกจากโพสทั้งหมดและให้คำแนะนำโดยรัฐบาลจะออกจากประเทศและเขาออกจากประเทศไทยนานฝรั่งเศสที่ 12 เมษายน 1933. การกระทำ

แน่นอน manopakornnitithada พระยาก่อให้เกิดความไม่พอใจมากที่สุดสมาชิกชั้นนำของพรรคคนและ goveenment .
ดังนั้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 1933 รัฐบาลของพระยา manopakornnitithada ถูกบังคับให้ลาออกจากการทำรัฐประหารที่นำโดยพระยาพหล pholphayuhasena.
เขาเดินเข้าไปในตัวเองออกที่ปีนังที่เขาอาศัยอยู่ออกวันของเขา.
เขาเสียชีวิตเมื่อ 1 ตุลาคม 1948 เมื่ออายุ 64.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รู้ถูกพ่อ และแม่ของเขาได้เขา
ชื่อเดิมของเขาได้คอน Hutasingh
เขาได้เป็นอัจฉริยะมากนัก
หลังจากจบจากโรงเรียนกฎหมายในกรุงเทพใน 1903 กับระดับของ Barrister-ที่-กฎหมายการ
เขาได้รับรางวัลทุนการศึกษาของเขาที่วัดกลางในอังกฤษปีพ.ศ. 2448 สมัยรัฐบาล

หลังจากจบการศึกษาของเขามีภายในสามปี
เขากลับไปประเทศไทย และบริการในกระทรวงยุติธรรมส่วนสุดท้ายของรัชกาลของกษัตริย์จุฬาลงกรณ์.
ก่อนการปฏิวัติปี 1932 เป็นผู้พิพากษาของศาลอุทธรณ์และกรรมการองคมนตรีในรัชกาลของกษัตริย์ประชาธิปก (พระราม VII)

หลังจากการปฏิวัติดร.ปรีดีพนมแนะนำพรรคประชาชนควรเลือกพระยา Manopakornnitithada เป็น ประธานคณะกรรมการประชาชนซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญในใหม่รัฐบาล
ดร.ปรีดีคิดว่า พระยา Manopakornnitithada ถูกผัน มีประวัติการศึกษาดีจากประเทศเช่นประชาธิปไตยเป็นอังกฤษ ดังนั้นเขาควรจะ ลงระบบประชาธิปไตย และ ข้าง ต้นทั้งหมด, เขาชอบความสัมพันธ์กับเกล้าเป็นภรรยาของเขายังเป็นหนึ่งในผู้หญิงของควีน-ใน-รอการ
ดังนั้น เขาได้เห็นเป็นการประนีประนอมเหมาะระหว่างฝ่ายปฏิวัติและคิง.
เขาเอาลงประธานบน 28 1932 มิถุนายน

Later เมื่อรัฐธรรมนูญถาวรของ 10 ธันวาคม 1932 มาแรงสมาชิกของ Preple กรรมการลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้การก่อตัวของความจริงตู้
Manopakornnitithada เจ้าพระยาถูกแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเพื่อนำรูปแบบใหม่ของรัฐบาลแล้ว

1 เมษายน1 มิถุนายนพ.ศ. 2476 นายกรัฐมนตรีพระยา Manopakornnitithada สั่ง prorogation ของ Assbly ชาติและทุเลาบางบทความของ reasonion ถาวรรัฐธรรมนูญที่คณะรัฐมนตรีอาจไม่สอดคล้องกับนโยบายแห่งชาติ econamic เขียน โดยดร.ปรีดีพนมเป็นมันมักคอมมิวนิสต์
ดังนั้น ดร.ปรีดีถูกปลดปล่อยของโพสต์ทั้งหมด และรัฐบาลควรปล่อยให้ประเทศ และเขาทิ้งไทยสำหรับฝรั่งเศส 12 1933 เมษายน

จริงพระยา manopakornnitithada การดำเนินการเกิดความไม่พอใจมากสมาชิกชั้นนำส่วนใหญ่ของประชาชนและการ goveenment.
ดังนั้น ใน 20 1933 มิถุนายน รัฐบาลพระยา manopakornnitithada ถูกบังคับให้เลิกเล่น ด้วยการทำรัฐประหารนำ โดยพระยาพหล pholphayuhasena.
เขาเดินเข้าไปใน self-exile ที่ปีนังที่เขาอาศัยอยู่ออกวันของเขา
เขาตายใน 1 1948 ตุลาคมอายุ 64

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พ่อของเขาเป็นการสาธิตและเป็นแม่ของเขาเขา.
ของเขาเดิมชื่อว่าสานรักคนเก่งหัวใจแกร่ง hutasingh .
เขาเป็นอย่างมากอันเป็นอัจฉริยะนักศึกษา.
หลังจากที่สิ้นสุดจากที่กฎหมายโรงเรียนในกรุงเทพฯในปี 1903 พร้อมด้วยระดับของเนติบัณฑิตที่กฎหมาย.
เขาได้รับรางวัลทุนการศึกษาที่ได้รับในการนำไปดำเนินการต่อรัฐบาลของเขาศึกษาที่กลางวัดในประเทศอังกฤษในปี 1905 .

หลังจากได้ทำการของเขาการศึกษาของที่นั่นอยู่ ภายใน สามปี.
เขากลับมาในประเทศไทยและจัดให้บริการในที่กระทรวงยุติธรรมในช่วงที่ผ่านมาเป็นส่วนหนึ่งของรัชกาลปัจจุบันของกษัตริย์จุฬาลงกรณ์. N ก่อนที่การปฏิวัติของ .1932 เขาเป็นผู้พิพากษาของศาลอุทธรณ์และซึ่งเป็นสมาชิกของคณะองคมนตรีในรัชกาลปัจจุบันของพระปกเกล้า(รัชกาลที่๗)

หลังจากการปฏิวัติการ,ดร.ปรีดีทำตลาดเพื่อที่แนะนำให้คนของพรรคควรจะเลือกพระยา manopakornnitithada เป็นประธานของประชาชนของคณะกรรมการซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดคือตำแหน่งในรัฐบาล.
ดร.ปรีดีคิดว่าพระยา manopakornnitithada เป็นชาวบ้านที่ดีด้านการศึกษาเช่นพื้นหลังจากที่ประเทศประชาธิปไตยที่ประเทศอังกฤษ,ดังนั้นเขาจะต้องอยู่ในความสำคัญของระบบประชาธิปไตยและเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด,เพลิดเพลินใจไปกับเขาความสัมพันธ์บางอย่างที่พร้อมด้วยพระปกเกล้าในฐานะ ภรรยา ของเขาก็ยังเป็นหนึ่งของสมเด็จพระราชินีที่ สุภาพสตรี - ใน - รอ.
ดังนั้นเขาจึงได้รับการมองในฐานะที่เป็นความดีเยี่ยมระหว่างการปฏิวัติที่บุคคลและกษัตริย์.
เขาก็ทำการที่ของกรรมการผู้จัดการใหญ่ในวันที่ 28 มิถุนายนปีค.ศ .1932 .

ใน ภายหลัง เมื่อรัฐธรรมนูญถาวรของวันที่ 10 ธันวาคม .1932 มาใช้บังคับสมาชิกของคณะกรรมการของ preple ได้ลาออกจากตำแหน่งเพื่อช่วยให้การสร้างของคณะรัฐมนตรีอย่างแท้จริง.
พระยา manopakornnitithada เป็นได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในการนำไปสู่รูปแบบใหม่ของรัฐบาลแล้ว.

บนวันที่ 1 เมษายนปี 1933 พระยา manopakornnitithada นายกรัฐมนตรีสั่งให้ปิดสมัยประชุมของอุทยานแห่งชาติ assbly และระบบกันสะเทือนของบางข้อของรัฐธรรมนูญที่ถาวร reasonion ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.ไม่เห็นด้วยกับที่ชาติ econamic นโยบายส่งโดยดร.ปรีดีทำตลาดเพื่อเป็นมันค่อนข้างไปทางลัทธิคอมมิวนิสต์.
เป็นผลจากดร.ปรีดีก็ต้องโล่งใจของไปรษณีย์และแจ้งการที่รัฐบาลออกจากประเทศและเขาจะออกจากประเทศไทยสำหรับประเทศฝรั่งเศสในวันที่ 12 เมษายน 1933 .

พระยา manopakornnitithada จริงๆของการดำเนินการทำให้เกิดมากทำให้ไม่พอใจมากที่สุดเป็นทางนำไปสู่สมาชิกของประชาชนของพรรคและที่ goveenment .
ดังนั้นจึงมีผลทำให้ผลในวันที่ 20 มิถุนายน 1933 ที่รัฐบาลของพระยา manopakornnitithada ถูกบังคับให้ลาออกโดยที่การรัฐประหารนำโดยพระยา phahol pholphayuhasena .
เขาเข้าไปในแบบบริการตัวเองการเนรเทศตัวเองไปอยู่ที่รัฐปีนังซึ่งเขามีชีวิตอยู่มาวัน.
เขาเสียชีวิตในวันที่ 1 ตุลาคม 1948 ที่มีอายุต่ำกว่า 64 .