โฮจิมินห์เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2433 ที่หมู่บ้านฮหว่างจู่ จัง การแปล - โฮจิมินห์เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2433 ที่หมู่บ้านฮหว่างจู่ จัง ไทย วิธีการพูด

โฮจิมินห์เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม

โฮจิมินห์เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2433 ที่หมู่บ้านฮหว่างจู่ จังหวัดเหงะอาน ตอนบนของเวียดนาม ในชื่อ เหงียน ซิญ กุง เป็นบุตรคนที่ 3 และบุตรชายคนรองของเหงียน ซิญ ซัก ปัญญาชนชาวเวียดนาม [2]

ซึ่งเวียดนามขณะนั้นตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิฝรั่งเศส ดังนั้นทั้งโฮจิมินห์และบิดาต่างตกเสมือนอยู่ใน 2 วัฒนธรรม ทั้งวัฒนธรรมตะวันตกของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ปกครอง และวัฒนธรรมตะวันออกแบบจีนและลัทธิขงจื๊อ อันเป็นวัฒนธรรมของเวียดนาม

ด้วยวัยเพียงไม่กี่ขวบ โฮจิมินห์ได้ย้ายตามบิดาไปเว้ ซึ่งไปสอบจอหงวน แต่ต่อมาโฮจิมินห์ได้อาศัยอยู่กับมารดาตามลำพังเพียง 2 คน เพราะบิดาเมื่อสอบจอหงวนได้ ได้ย้ายไปรับราชการที่ต่างเมือง ขณะที่มารดากำลังตั้งครรภ์ ต่อมาก็ได้คลอดลูกคนเล็กออกมา โฮจิมินห์ในวัย 11 ขวบต้องเลี้ยงน้องเอง เนื่องจากมารดาได้เสียชีวิตไปในขณะคลอด และไม่นานน้องคนเล็กก็เสียชีวิต[2]

เมื่อโตขึ้น โฮจิมินห์ได้สัมผัสกับการเมืองเป็นครั้งแรกจากการที่เป็นล่ามภาษาฝรั่งเศสให้กับชาวนาที่ถูกเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสกดขี่ ในช่วงนี้ โฮจิมินห์ได้กล่าวว่า ตนได้เห็นการกดขี่และความอยุติธรรม รวมถึงการได้เห็นชาวนาถูกยิงตายต่อหน้าต่อตา ต่อมาโฮจิมินห์รู้ตัวว่า ตนเองต้องได้รับการศึกษาที่มากขึ้นและออกไปท่องโลกกว้างเพื่อเปิดโลกทัศน์ของตน ในปี พ.ศ. 2454 จึงได้ย้ายจากเวียดนามไปเป็นพ่อครัวในประเทศฝรั่งเศส ด้วยการสมัครเป็นลูกเรือบนเรือเดินสมุทรที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศเจ้าอาณานิคมของเวียดนามในขณะนั้น และได้ศึกษาเรียนต่อที่นั่น โฮจิมินห์ในขณะนั้นใช้ชื่อว่า เหงียน อ๊าย โกว๊ก ซึ่งแปลว่า "เหงียนผู้รักชาติ" โฮจิมินห์ได้ติดต่อกับชาวเวียดนามในฝรั่งเศส เพื่อรวมตัวกันเรียกร้องอิสรภาพจากชาติมหาอำนาจตะวันตกหลายชาติ เช่น สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ ในฐานะโฆษกของกลุ่ม แต่ทว่าก็ได้รับการรังเกียจและถูกกีดกันออกมา เมื่อโฮจิมินห์พยายามจะยื่นหนังสือต่อวูดโรว์ วิลสัน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขณะเดินทางมายังฝรั่งเศส เพื่อลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง[2]

ต่อมาโฮจิมินห์ก็ได้ย้ายจากฝรั่งเศสไปสหรัฐอเมริกาและอังกฤษตามลำดับ หลังจากนั้นก็ได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเมื่อรัฐบาลก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็คเริ่มการปราบปรามสังคมนิยม นั้น โฮจิมินห์ได้หลบหนีจากจีนมายังจังหวัดนครพนม ประเทศไทย โดยได้บวชเป็นพระภิกษุทำการสอนลัทธิสังคมนิยมให้ชาวไทย โดยใช้ชื่อว่า "ลุงโฮ" โดยช่วงแรกที่หลบหนีในประเทศไทยนั้นเริ่มจากขึ้นเรือที่ท่าน้ำเอสบี (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมแม่น้ำ) ไปยังจังหวัดพิจิตร จากนั้นได้เดินทางไปต่อยังจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย โดยใช้ชื่อว่า "เฒ่าจิ๋น" ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2466 ไปจนถึง พ.ศ. 2474 ท่านได้พำนักอยู่ ณ บ้านของนายเตียว เหงี่ยนวัน เลขที่ 48 หมู่ที่ 5 บ้านนาจอก ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม รวมเวลาพำนักอยู่ในประเทศไทยทั้งสิ้น 7 ปี[3] ในระยะนี้โฮจิมินห์ต้องเดินทางไปหลบซ่อนในหลายประเทศ ใช้ชื่อปลอมหลายชื่อ ซึ่งครั้งหนึ่ง โฮจิมินห์ได้ถูกตำรวจฮ่องกงจับโดยไม่มีความผิด ได้ถูกขังคุกนานเป็นระยะเวลานาน 1 ปีเต็ม ในช่วงนี้โฮจิมินห์สภาพร่างกายย่ำแย่มาก เป็นโรคขาดสารอาหาร แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือให้พ้นออกมา จากเพื่อนเก่าในสมาคมชาวเวียดนามในฝรั่งเศส รวมถึงเชื่อว่ามี โจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งเป็นสหายที่ดีต่อโฮจิมินห์ร่วมด้วย[2]

โฮจิมินห์เดินทางกลับมาเวียดนามอีกครั้งในปี พ.ศ. 2484 ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ฝรั่งเศสในขณะนั้นถูกกองทัพนาซีบุกยึด และกลายสภาพเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดให้แก่ฝ่ายอักษะ จึงรับนโยบายในการปกครองเวียดนามจากนาซีเป็นหลัก โฮจิมินห์จึงสบโอกาสรวบรวมชาวเวียดนามส่วนใหญ่แล้วตั้งเป็นฝ่ายเวียดมินห์ เตรียมแผนที่จะประกาศเอกราชจากฝรั่งเศสให้ประชาชนชาวเวียดนาม ซึ่งชาวเวียดนามในขณะนั้นยังไม่มีการศึกษา และส่วนใหญ่อดอยากยากจน โฮจิมินห์ได้เข้าถึงตัวชาวบ้านระดับล่าง ด้วยการทำตัวกลมกลืนผูกมิตรไปกับชาวบ้าน ได้พูดคุยและทำความเข้าใจกันอย่างง่าย ๆ และเพิ่มจำนวนสมาชิกขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการบอกแบบปากต่อปาก ซึ่งหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญ ก็คือ หวอ เงวียน ซ้าป ซึ่งต่อมาเป็นนายพลและสหายคนสำคัญของโฮจิมินห์ อีกทั้งทั้งคู่ยังเป็นคู่เขยของกันและกัน เนื่องจากภรรยาของทั้งคู่นั้นเป็นพี่น้องกัน และในช่วงนี้เองที่ชื่อ "โฮจิมินห์" ได้ถูกใช้ออกมาเป็นครั้งแรก[2]

และในช่วงปลายของสงคราม โฮจิมินห์ได้ยังติดต่อกับสำนักงานบริการด้านยุทธศาสตร์ (OSS) ของสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมมือกันต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นด้วย นับเป็นการร่วมมือกันของทั้ง 2 ฝ่าย เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ ก็ตาม[2]

ในที่สุด โฮจิมินห์ประกาศจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามหลังจากจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย จักรพรรดิเวียดนามพระองค์สุดท้ายประกาศสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2497 เวียดนามก็ได้ประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในยุทธการที่เดียนเบียนฟู โฮจิมินห์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามเป็นคนแรก ด้วยการประกาศแถลงการณ์ที่จัตุรัสบาดิ่ญ ซึ่งเริ่มต้นด้วยประโยคแบบเดียวกับประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา โฮจิมินห์ปฏิเสธที่จะพำนักในจวนข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศส ซึ่งโอ่โถง แต่ขออาศัยอยู่ในบ้านพักหลังเล็ก ๆ เท่านั้น

ด้านชีวิตครอบครัว โฮจิมินห์สมรส 2 ครั้ง ครั้งแรกกับหญิงชาวจีนที่ประเทศจีน ขณะที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในประเทศจีนในวัยหนุ่ม แต่ต่อมาภรรยาได้เสียชีวิต และอีกครั้งกับตัง เตวี๊ยต มิญ หญิงชาวเวียดนาม และเป็นสมาชิกคนสำคัญคนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม แม้ทั้งคู่อายุจะห่างกันหลายปีก็ตาม [2]

ในปี พ.ศ. 2502 สงครามเวียดนามได้อุบัติขึ้น สหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรอื่น ๆ ก็ได้เข้าร่วมสงครามด้วย แต่ผลสุดท้ายเวียดนามเหนือเป็นฝ่ายชนะในปี พ.ศ. 2518 โฮจิมินห์ในขณะนั้นอยู่ในวัยชราแล้ว ได้ประกาศว่า ตนลดบทบาททางการเมืองลงมา แม้จะได้รับการนับถืออย่างสูงสุดอยู่ก็ตาม และก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่โฮจิมินห์มิได้อยู่ถึงการชื่นชมชัยชนะในปี พ.ศ. 2518 ด้วยเหตุที่ว่าโฮจิมินห์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2512 ที่บ้าน
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
โฮจิมินห์เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมพ.ศ. 2433 ที่หมู่บ้านฮหว่างจู่จังหวัดเหงะอานตอนบนของเวียดนามในชื่อเหงียนซิญกุงเป็นบุตรคนที่ 3 และบุตรชายคนรองของเหงียนซิญซักปัญญาชนชาวเวียดนาม [2]ซึ่งเวียดนามขณะนั้นตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิฝรั่งเศสดังนั้นทั้งโฮจิมินห์และบิดาต่างตกเสมือนอยู่ใน 2 วัฒนธรรมทั้งวัฒนธรรมตะวันตกของฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้ปกครองและวัฒนธรรมตะวันออกแบบจีนและลัทธิขงจื๊ออันเป็นวัฒนธรรมของเวียดนามด้วยวัยเพียงไม่กี่ขวบโฮจิมินห์ได้ย้ายตามบิดาไปเว้ซึ่งไปสอบจอหงวนแต่ต่อมาโฮจิมินห์ได้อาศัยอยู่กับมารดาตามลำพังเพียง 2 คนเพราะบิดาเมื่อสอบจอหงวนได้ได้ย้ายไปรับราชการที่ต่างเมืองขณะที่มารดากำลังตั้งครรภ์ต่อมาก็ได้คลอดลูกคนเล็กออกมาโฮจิมินห์ในวัย 11 ขวบต้องเลี้ยงน้องเองเนื่องจากมารดาได้เสียชีวิตไปในขณะคลอดและไม่นานน้องคนเล็กก็เสียชีวิต [2]เมื่อโตขึ้นโฮจิมินห์ได้สัมผัสกับการเมืองเป็นครั้งแรกจากการที่เป็นล่ามภาษาฝรั่งเศสให้กับชาวนาที่ถูกเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสกดขี่ในช่วงนี้โฮจิมินห์ได้กล่าวว่าตนได้เห็นการกดขี่และความอยุติธรรมรวมถึงการได้เห็นชาวนาถูกยิงตายต่อหน้าต่อตาต่อมาโฮจิมินห์รู้ตัวว่าตนเองต้องได้รับการศึกษาที่มากขึ้นและออกไปท่องโลกกว้างเพื่อเปิดโลกทัศน์ของตนในปีพ.ศ. 2454 จึงได้ย้ายจากเวียดนามไปเป็นพ่อครัวในประเทศฝรั่งเศสด้วยการสมัครเป็นลูกเรือบนเรือเดินสมุทรที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศเจ้าอาณานิคมของเวียดนามในขณะนั้นและได้ศึกษาเรียนต่อที่นั่นโฮจิมินห์ในขณะนั้นใช้ชื่อว่าเหงียนอ๊ายโกว๊กซึ่งแปลว่า "เหงียนผู้รักชาติ" โฮจิมินห์ได้ติดต่อกับชาวเวียดนามในฝรั่งเศสเพื่อรวมตัวกันเรียกร้องอิสรภาพจากชาติมหาอำนาจตะวันตกหลายชาติเช่นสหรัฐอเมริกา อังกฤษในฐานะโฆษกของกลุ่มแต่ทว่าก็ได้รับการรังเกียจและถูกกีดกันออกมาเมื่อโฮจิมินห์พยายามจะยื่นหนังสือต่อวูดโรว์วิลสันประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาขณะเดินทางมายังฝรั่งเศสเพื่อลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง [2]ต่อมาโฮจิมินห์ก็ได้ย้ายจากฝรั่งเศสไปสหรัฐอเมริกาและอังกฤษตามลำดับ หลังจากนั้นก็ได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเมื่อรัฐบาลก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็คเริ่มการปราบปรามสังคมนิยม นั้น โฮจิมินห์ได้หลบหนีจากจีนมายังจังหวัดนครพนม ประเทศไทย โดยได้บวชเป็นพระภิกษุทำการสอนลัทธิสังคมนิยมให้ชาวไทย โดยใช้ชื่อว่า "ลุงโฮ" โดยช่วงแรกที่หลบหนีในประเทศไทยนั้นเริ่มจากขึ้นเรือที่ท่าน้ำเอสบี (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมแม่น้ำ) ไปยังจังหวัดพิจิตร จากนั้นได้เดินทางไปต่อยังจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดหนองคาย โดยใช้ชื่อว่า "เฒ่าจิ๋น" ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2466 ไปจนถึง พ.ศ. 2474 ท่านได้พำนักอยู่ ณ บ้านของนายเตียว เหงี่ยนวัน เลขที่ 48 หมู่ที่ 5 บ้านนาจอก ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม รวมเวลาพำนักอยู่ในประเทศไทยทั้งสิ้น 7 ปี[3] ในระยะนี้โฮจิมินห์ต้องเดินทางไปหลบซ่อนในหลายประเทศ ใช้ชื่อปลอมหลายชื่อ ซึ่งครั้งหนึ่ง โฮจิมินห์ได้ถูกตำรวจฮ่องกงจับโดยไม่มีความผิด ได้ถูกขังคุกนานเป็นระยะเวลานาน 1 ปีเต็ม ในช่วงนี้โฮจิมินห์สภาพร่างกายย่ำแย่มาก เป็นโรคขาดสารอาหาร แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือให้พ้นออกมา จากเพื่อนเก่าในสมาคมชาวเวียดนามในฝรั่งเศส รวมถึงเชื่อว่ามี โจว เอินไหล นายกรัฐมนตรีของจีน ซึ่งเป็นสหายที่ดีต่อโฮจิมินห์ร่วมด้วย[2]โฮจิมินห์เดินทางกลับมาเวียดนามอีกครั้งในปี พ.ศ. 2484 ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ฝรั่งเศสในขณะนั้นถูกกองทัพนาซีบุกยึด และกลายสภาพเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดให้แก่ฝ่ายอักษะ จึงรับนโยบายในการปกครองเวียดนามจากนาซีเป็นหลัก โฮจิมินห์จึงสบโอกาสรวบรวมชาวเวียดนามส่วนใหญ่แล้วตั้งเป็นฝ่ายเวียดมินห์ เตรียมแผนที่จะประกาศเอกราชจากฝรั่งเศสให้ประชาชนชาวเวียดนาม ซึ่งชาวเวียดนามในขณะนั้นยังไม่มีการศึกษา และส่วนใหญ่อดอยากยากจน โฮจิมินห์ได้เข้าถึงตัวชาวบ้านระดับล่าง ด้วยการทำตัวกลมกลืนผูกมิตรไปกับชาวบ้าน ได้พูดคุยและทำความเข้าใจกันอย่างง่าย ๆ และเพิ่มจำนวนสมาชิกขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการบอกแบบปากต่อปาก ซึ่งหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญ ก็คือ หวอ เงวียน ซ้าป ซึ่งต่อมาเป็นนายพลและสหายคนสำคัญของโฮจิมินห์ อีกทั้งทั้งคู่ยังเป็นคู่เขยของกันและกัน เนื่องจากภรรยาของทั้งคู่นั้นเป็นพี่น้องกัน และในช่วงนี้เองที่ชื่อ "โฮจิมินห์" ได้ถูกใช้ออกมาเป็นครั้งแรก[2]และในช่วงปลายของสงครามโฮจิมินห์ได้ยังติดต่อกับสำนักงานบริการด้านยุทธศาสตร์ (OSS) ของสหรัฐอเมริกาเพื่อร่วมมือกันต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นด้วยนับเป็นการร่วมมือกันของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม [2]ในที่สุด โฮจิมินห์ประกาศจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามหลังจากจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย จักรพรรดิเวียดนามพระองค์สุดท้ายประกาศสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2497 เวียดนามก็ได้ประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการ หลังจากที่ฝรั่งเศสพ่ายแพ้ในยุทธการที่เดียนเบียนฟู โฮจิมินห์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนามเป็นคนแรก ด้วยการประกาศแถลงการณ์ที่จัตุรัสบาดิ่ญ ซึ่งเริ่มต้นด้วยประโยคแบบเดียวกับประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา โฮจิมินห์ปฏิเสธที่จะพำนักในจวนข้าหลวงใหญ่ฝรั่งเศส ซึ่งโอ่โถง แต่ขออาศัยอยู่ในบ้านพักหลังเล็ก ๆ เท่านั้นด้านชีวิตครอบครัวโฮจิมินห์สมรส 2 ครั้งครั้งแรกกับหญิงชาวจีนที่ประเทศจีนขณะที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในประเทศจีนในวัยหนุ่มแต่ต่อมาภรรยาได้เสียชีวิตและอีกครั้งกับตังเตวี๊ยตมิญหญิงชาวเวียดนามและเป็นสมาชิกคนสำคัญคนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามแม้ทั้งคู่อายุจะห่างกันหลายปีก็ตาม [2]ในปีพ.ศ. เมืองสงครามเวียดนามได้อุบัติขึ้นสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรอื่นๆ ก็ได้เข้าร่วมสงครามด้วยแต่ผลสุดท้ายเวียดนามเหนือเป็นฝ่ายชนะในปีพ.ศ. 2518 โฮจิมินห์ในขณะนั้นอยู่ในวัยชราแล้วได้ประกาศว่าตนลดบทบาททางการเมืองลงมาแม้จะได้รับการนับถืออย่างสูงสุดอยู่ก็ตามและก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่โฮจิมินห์มิได้อยู่ถึงการชื่นชมชัยชนะในปีพ.ศ. 2518 ด้วยเหตุที่ว่าโฮจิมินห์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กันยายนพ.ศ. 2512 ที่บ้าน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
โฮจิมินห์เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2433 ที่หมู่บ้านฮหว่างจู่จังหวัดเหงะอานตอนบนของเวียดนามในชื่อเหงียนซิญกุงเป็นบุตรคนที่ 3 และบุตรชายคนรองของเหงียนซิญซักปัญญาชนชาวเวียดนาม 2 วัฒนธรรมทั้งวัฒนธรรมตะวันตกของฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้ปกครอง โฮจิมินห์ได้ย้ายตามบิดาไปเว้ซึ่งไปสอบจอหงวน 2 คนเพราะบิดาเมื่อสอบจอหงวนได้ได้ย้ายไปรับราชการที่ต่างเมืองขณะที่มารดากำลังตั้งครรภ์ต่อมาก็ได้คลอดลูกคนเล็กออกมาโฮจิมินห์ในวัย 11 ขวบต้องเลี้ยงน้องเอง ในช่วงนี้โฮจิมินห์ได้กล่าวว่าตนได้เห็นการกดขี่และความอยุติธรรม ต่อมาโฮจิมินห์รู้ตัวว่า ในปี พ.ศ. 2454 และได้ศึกษาเรียนต่อที่นั่นโฮจิมินห์ในขณะนั้นใช้ชื่อว่าเหงียนอ๊ายโกว๊กซึ่งแปลว่า "เหงียนผู้รักชาติ" เช่นสหรัฐอเมริกา, อังกฤษในฐานะโฆษกของกลุ่ม วิลสันประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาขณะเดินทางมายังฝรั่งเศส นั้น ประเทศไทย โดยใช้ชื่อว่า "ลุงโฮ" ไปยังจังหวัดพิจิตร และจังหวัดหนองคายโดยใช้ชื่อว่า "เฒ่าจิ๋น" ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2466 ไปจนถึง พ.ศ. 2474 ท่านได้พำนักอยู่ ณ บ้านของนายเตียวเหงี่ยนวันเลขที่ 48 หมู่ที่ 5 บ้านนาจอกตำบลหนองญาติอำเภอเมืองนครพนมจังหวัดนครพนม 7 ปี [3] ใช้ชื่อปลอมหลายชื่อซึ่งครั้งหนึ่ง ได้ถูกขังคุกนานเป็นระยะเวลานาน 1 ปีเต็ม เป็นโรคขาดสารอาหาร รวมถึงเชื่อว่ามีโจวเอินไหลนายกรัฐมนตรีของจีน พ.ศ. 2484 ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และส่วนใหญ่อดอยากยากจน ๆ และเพิ่มจำนวนสมาชิกขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการบอกแบบปากต่อปากซึ่งหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญก็คือหวอเงวียนซ้าป และในช่วงนี้เองที่ชื่อ "โฮจิมินห์" (OSS) ของสหรัฐอเมริกา นับเป็นการร่วมมือกันของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวแม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ ก็ตาม [2] ในที่สุด ดั่ย 2 กันยายน พ.ศ. 2488 ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2497 แต่โอ่โถงซึ่งขออาศัยในขณะนี้บ้านพักหลังเล็ก ๆ เท่านั้นด้านชีวิตครอบครัวโฮจิมินห์สมรส2 ครั้งครั้งแรกกับหญิงชาวจีนที่ประเทศจีน แต่ต่อมาภรรยาได้เสียชีวิตและอีกครั้งกับตังเตวี๊ยตมิญหญิงชาวเวียดนาม [2] ในปี พ.ศ. 2502 สงครามเวียดนามได้อุบัติขึ้นสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรอื่น ๆ ก็ได้เข้าร่วมสงครามด้วย พ.ศ. 2518 ได้ประกาศว่าตนลดบทบาททางการเมืองลงมา พ.ศ. 2518 2 กันยายน พ.ศ. 2512 ที่บ้าน

















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
โฮจิมินห์เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมพ . ศ . พ.ศ. ที่หมู่บ้านฮหว่างจู่จังหวัดเหงะอานตอนบนของเวียดนามในชื่อเหงียนซิญกุงเป็นบุตรคนที่ 3 และบุตรชายคนรองของเหงียนซิญซักปัญญาชนชาวเวียดนาม [ 2 ]

ซึ่งเวียดนามขณะนั้นตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิฝรั่งเศสดังนั้นทั้งโฮจิมินห์และบิดาต่างตกเสมือนอยู่ใน 2 วัฒนธรรมทั้งวัฒนธรรมตะวันตกของฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้ปกครองและวัฒนธรรมตะวันออกแบบจีนและลัทธิขงจื๊อ
ด้วยวัยเพียงไม่กี่ขวบโฮจิมินห์ได้ย้ายตามบิดาไปเว้ซึ่งไปสอบจอหงวนแต่ต่อมาโฮจิมินห์ได้อาศัยอยู่กับมารดาตามลำพังเพียง 2 คนเพราะบิดาเมื่อสอบจอหงวนได้ได้ย้ายไปรับราชการที่ต่างเมืองต่อมาก็ได้คลอดลูกคนเล็กออกมาโฮจิมินห์ในวัย 11 ขวบต้องเลี้ยงน้องเองเนื่องจากมารดาได้เสียชีวิตไปในขณะคลอดและไม่นานน้องคนเล็กก็เสียชีวิต [ 2 ]

เมื่อโตขึ้นโฮจิมินห์ได้สัมผัสกับการเมืองเป็นครั้งแรกจากการที่เป็นล่ามภาษาฝรั่งเศสให้กับชาวนาที่ถูกเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสกดขี่ในช่วงนี้โฮจิมินห์ได้กล่าวว่าตนได้เห็นการกดขี่และความอยุติธรรมต่อมาโฮจิมินห์รู้ตัวว่าตนเองต้องได้รับการศึกษาที่มากขึ้นและออกไปท่องโลกกว้างเพื่อเปิดโลกทัศน์ของตนสามารถพ .ศ .2454 จึงได้ย้ายจากเวียดนามไปเป็นพ่อครัวในประเทศฝรั่งเศสด้วยการสมัครเป็นลูกเรือบนเรือเดินสมุทรที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นประเทศเจ้าอาณานิคมของเวียดนามในขณะนั้นและได้ศึกษาเรียนต่อที่นั่นเหงียนอ๊ายโกว๊กซึ่งแปลว่า " เหงียนผู้รักชาติ " โฮจิมินห์ได้ติดต่อกับชาวเวียดนามในฝรั่งเศสเพื่อรวมตัวกันเรียกร้องอิสรภาพจากชาติมหาอำนาจตะวันตกหลายชาติสหรัฐอเมริกาเช่น ,อังกฤษในฐานะโฆษกของกลุ่มแต่ทว่าก็ได้รับการรังเกียจและถูกกีดกันออกมาเมื่อโฮจิมินห์พยายามจะยื่นหนังสือต่อวูดโรว์วิลสันประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาขณะเดินทางมายังฝรั่งเศส
ต่อมาโฮจิมินห์ก็ได้ย้ายจากฝรั่งเศสไปสหรัฐอเมริกาและอังกฤษตามลำดับหลังจากนั้นก็ได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเมื่อรัฐบาลก๊กมินตั๋งของเจียงไคเช็คเริ่มการปราบปรามสังคมนิยมนั้นประเทศไทยโดยได้บวชเป็นพระภิกษุทำการสอนลัทธิสังคมนิยมให้ชาวไทยโดยใช้ชื่อว่า " ลุงโฮ " โดยช่วงแรกที่หลบหนีในประเทศไทยนั้นเริ่มจากขึ้นเรือที่ท่าน้ำเอสบี ( ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรมแม่น้ำ )จากนั้นได้เดินทางไปต่อยังจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดหนองคายโดยใช้ชื่อว่า " เฒ่าจิ๋น " ในช่วงระหว่างปีพ .
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: