พระเจ้ามหาชนก พระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์อยู่ยังนครมิถิลา เมืองหลวงแห่ง การแปล - พระเจ้ามหาชนก พระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์อยู่ยังนครมิถิลา เมืองหลวงแห่ง ไทย วิธีการพูด

พระเจ้ามหาชนก พระมหากษัตริย์ผู้ครอง

พระเจ้ามหาชนก พระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์อยู่ยังนครมิถิลา เมืองหลวงแห่งแคว้นวิเทหะ ทรงมีพระราชโอรสสองพระองค์ คือ พระอริฏฐชนก และพระโปลชนก หลังจากพระราชบิดาสวรรคต พระอริฏฐชนกผู้เป็นพระมหาอุปราช ก็เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อมา โดยทรงแต่งตั้งพระโปลชนก ผู้อนุชาเป็นพระมหาอุปราช

ในเวลาต่อได้มีเหล่าอำมาตย์ผู้ทุจริตบางคนออกอุบายให้พระอริฏฐชนกเกิดความระแวงพระอนุชา โดยพากันเพ็ดทูลว่า พระโปลชนกกำลังวางแผนคิดการเป็นขบถ พระราชาทรงหลงเชื่ออำมาตย์เหล่านั้น จึงทรงให้ราชมัลจับกุมพระโปลชนกไปขังไว้ ทว่าด้วยบุญบารมีของพระโปลชนก พระองค์จึงสามารถหลบออกจากที่คุมขัง และเสด็จหนีไปยังชายแดนได้

ครั้นเมื่อไปถึง ก็มีบรรดาราษฏรผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์พากันมาเข้าเป็นพวกด้วยเป็นอันมาก และเมื่อถึงกาลที่เอื้ออำนวย พระโปลชนกก็ทรงตัดสินพระทัยยกกองทัพไปยังนครมิถิลา ครั้นเมื่อทัพของพระองค์ไปถึง บรรดาทหารรักษาเมืองจำนวนมากได้พากันแปรภักดิ์ มาเข้ากับพระโปลชนกเนื่องจากเห็นใจที่พระโปลชนกถูกจับไปขังไว้โดยไม่ยุติธรรม เมื่อพระพระอริฏฐชนกทรงทราบว่าพระอนุชายกทัพมาชิงราชสมบัติ และได้มีเหล่าไพร่พลจำนวนมากไปเข้าด้วย พระองค์ตรัสสั่งพระมเหสี ซึ่งกำลังทรงครรภ์แก่ ให้ทรงหลบหนีเอาตัวรอด ส่วนพระองค์เองทรงยกทัพออกทำสงครามกับพระอนุชาจนสิ้นพระชนม์ในสนามรบ พระโปลชนกจึงทรงได้เป็นกษัตริย์ ครองนครมิถิลาสืบต่อมา

ฝ่ายพระมเหสีของพระพระอริฏฐชนกได้เสด็จหนีไปยังเมือง กาลจัมปากะ โดยระหว่างทางพระอินทร์เสด็จลงมาช่วย โดยทรงแปลงกายเป็นชายชราขับเกวียนพาพระนางเสด็จไปถึงยังเมืองนั้น และให้พระนางนั่งพักอยู่ในศาลาแห่งหนึ่งภายในเมือง บังเอิญพราหมณ์ทิศาปราโมกข์เดินผ่านมา เกิดความเอ็นดูสงสาร จึงรับพระนางไปอยู่ด้วย และอุปการะเลี้ยงดูดุจเป็นน้องสาว ไม่นานนัก พระมเหสีของพระเจ้าอริฏฐชนกก็ประสูติพระโอรส ทรงตั้งพระนามว่า มหาชนกกุมาร ตามพระนามของพระอัยกา

วันหนึ่ง มหาชนกกุมารได้ชกต่อยกับเพื่อนเนื่องจากถูกล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ มหาชนกกุมารพยายามถามความจริง พระมารดาจึงตรัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทราบ พระองค์จึงตั้งพระทัยว่า เมื่อเติบใหญ่ก็จะเสด็จไปเอาราชสมบัติเมืองมิถิลากลับคืนมา

ครั้นเมื่อพระมหาชนกกุมารเจริญวัยเติบใหญ่ พระองค์ก็ตรัสแก่พระมารดาว่าจะไปล่องเรือสู่ดินแดนสุวรรณภูมิเพื่อทำการค้าสะสมทุนรอน และกำลังคนเพื่อชิงเอาราชสมบัตินครมิถิลากลับคืน พระมารดาจึงทรงนำเอาทรัพย์สินมีค่ามาจากมิถิลา ๓ สิ่ง คือ แก้วมณี แก้วมุกดา และแก้ววิเชียร เพื่อเป็นทุนล่องเรือไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ

ในระหว่างทางเกิดพายุใหญ่ โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเรือจะล่ม บรรดาลูกเรือต่างหวาดกลัว และร้องคร่ำครวญหนีตายจนเกิดโกลาหล ฝ่ายมหาชนกกุมารนั้น เมื่อทรงทราบว่าเรือจะจมแน่แล้ว ก็เสวยอาหารจนอิ่มหนำ จากนั้นทรงนำผ้ามาชุบน้ำมันจนชุ่ม แล้วนุ่งผ้านั้นอย่างแน่นหนา ครั้นเมื่อเรือจมลง เหล่าพ่อค้าและกลาสีเรือทั้งปวงก็จมน้ำกลายเป็นอาหารของปลาและเต่า

ส่วนพระมหาชนกทรงแหวกว่าย อยู่ในทะเลถึง ๗ วัน นางมณีเมขลา เทพธิดาผู้รักษามหาสมุทร เห็นพระมหาชนก ว่ายน้ำอยู่เช่นนั้น จึงสนทนาแลกเปลี่ยนกัน จนนางมณีเมขลาเข้าใจในปรัชญาของการบำเพ็ญวิริยบารมี นางมณีเมขลาจึงช่วยอุ้มพามหาชนกกุมาร ไปจนถึงฝั่งเมืองมิถิลา

ยามนั้นที่นครมิถิลา ฝ่ายพระเจ้าโปลชนกทรงประชวรหนัก พระองค์ไม่มีพระโอรส มีแต่พระธิดาพระนามว่า สิวลี พระโปลชนกทรงรู้ว่าพระองค์ใกล้สิ้นพระชนม์แล้ว จึงตรัสสั่งอำมาตย์ว่า ผู้ใดสามารถไขปริศนาขุมทรัพย์ได้ก็ยกบ้านเมืองให้แก่ผู้นั้น ในที่สุด หลังจากพระโปลชนกสิ้นพระชนม์ลง บรรดาเสนาข้าราชบริพารจึงตั้งพิธีเสี่ยงราชรถราชรถได้มาหยุดอยู่หน้าศาลาที่พระมหาชนกกุมารทรงประทับอยู่ พระองค์ทรงไขปริศนาได้ทั้งหมด ผู้คนจึงพากันสรรเสริญปัญญาของพระมหาชนก ก่อนจะอัญเชิญพระองค์อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสิวลี และขึ้นครองราชย์สมบัติแคว้นวิเทหะ พระมหาชนกทรงครองราชย์ด้วยความผาสุกมาโดยตลอด เนื่องด้วยทรงอยู่ในทศพิธราชธรรม ต่อมาพระนางสิวลีประสูติพระโอรส ทรงนามว่า ทีฆาวุกุมาร ครั้นเมื่อเจริญวัยขึ้น พระบิดาทรงโปรดให้ดำรงตำแหน่งมหาอุปราช

อยู่มาวันหนึ่ง พระราชามหาชนกได้เสด็จอุทยานทอดพระเนตร เห็นมะม่วงต้นหนึ่งมีผล ต้นหนึ่งไม่มีผล โดยต้นที่มีผลนั้น ผลมีรสชาติอร่อย พระองค์ได้ทรงชิมและตรัสชม ทั้งทรงตั้งใจว่าจะกลับมาเสวยอีกครั้งในยามเย็น ทว่าเมื่อทรงออกจากพระราชอุทยานไปแล้ว มะม่วงต้นที่มีผลรสชาติดีก็เสียหายจนหมดเพราะผู้คนพากันมาโค่นเพื่อเอาผลมะม่วง ส่วนต้นที่ไม่มีผลยังอยู่รอดได้

เมื่อพระมหาชนกทรงทราบเรื่อง จึงทรงคิดได้ว่า ราชสมบัติ ก็เปรียบเหมือนต้นไม้มีผลที่อาจถูกทำลาย แม้จะไม่ถูกทำลายก็ต้องคอยระแวดระวังรักษา ให้เกิดความกังวล พระองค์ประสงค์จะทำตนเป็นผู้ไม่มีกังวลเหมือนต้นไม้ไม่มีผล แต่ก็ไม่ทรงทำเช่นนั้นเพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ของพระราชาที่จะทำให้สังคมอยู่รอดพ้นก่อน ทั้งนี้เนื่องด้วยเพราะผู้คนในสังคมยังขาดสติปัญญาเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ดุจดังผู้ที่ทำลายต้นมะม่วงเพียงเพราะต้องการผลมะม่วงโดยไม่คิดเก็บไว้กินในวันหน้า

เมื่อพระมหาชนก ทรงคิดดังนั้นแล้ว จึงให้ผู้รู้วิชามาทำนุบำรุงต้นมะม่วงด้วยหลักวิชาการทางการเกษตร และจัดตั้งสถานศึกษาชื่อ ปูทะเลย์มหาวิชชาลัย เพื่อสร้างคนผู้เป็นคนดีมีสติปัญญาให้แก่สังคม เพื่อสังคมจะได้เจริญรุ่งเรืองและดำรงอยู่อย่างผาสุกสืบไป
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
พระเจ้ามหาชนกพระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์อยู่ยังนครมิถิลาเมืองหลวงแห่งแคว้นวิเทหะทรงมีพระราชโอรสสองพระองค์คือพระอริฏฐชนกและพระโปลชนกหลังจากพระราชบิดาสวรรคตพระอริฏฐชนกผู้เป็นพระมหาอุปราชก็เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อมาโดยทรงแต่งตั้งพระโปลชนกผู้อนุชาเป็นพระมหาอุปราช ในเวลาต่อได้มีเหล่าอำมาตย์ผู้ทุจริตบางคนออกอุบายให้พระอริฏฐชนกเกิดความระแวงพระอนุชาโดยพากันเพ็ดทูลว่าพระโปลชนกกำลังวางแผนคิดการเป็นขบถพระราชาทรงหลงเชื่ออำมาตย์เหล่านั้นจึงทรงให้ราชมัลจับกุมพระโปลชนกไปขังไว้ทว่าด้วยบุญบารมีของพระโปลชนกพระองค์จึงสามารถหลบออกจากที่คุมขังและเสด็จหนีไปยังชายแดนได้ ครั้นเมื่อไปถึงก็มีบรรดาราษฏรผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์พากันมาเข้าเป็นพวกด้วยเป็นอันมากและเมื่อถึงกาลที่เอื้ออำนวยพระโปลชนกก็ทรงตัดสินพระทัยยกกองทัพไปยังนครมิถิลาครั้นเมื่อทัพของพระองค์ไปถึงบรรดาทหารรักษาเมืองจำนวนมากได้พากันแปรภักดิ์มาเข้ากับพระโปลชนกเนื่องจากเห็นใจที่พระโปลชนกถูกจับไปขังไว้โดยไม่ยุติธรรมเมื่อพระพระอริฏฐชนกทรงทราบว่าพระอนุชายกทัพมาชิงราชสมบัติและได้มีเหล่าไพร่พลจำนวนมากไปเข้าด้วยพระองค์ตรัสสั่งพระมเหสีซึ่งกำลังทรงครรภ์แก่ให้ทรงหลบหนีเอาตัวรอดส่วนพระองค์เองทรงยกทัพออกทำสงครามกับพระอนุชาจนสิ้นพระชนม์ในสนามรบพระโปลชนกจึงทรงได้เป็นกษัตริย์ครองนครมิถิลาสืบต่อมา ฝ่ายพระมเหสีของพระพระอริฏฐชนกได้เสด็จหนีไปยังเมืองกาลจัมปากะโดยระหว่างทางพระอินทร์เสด็จลงมาช่วยโดยทรงแปลงกายเป็นชายชราขับเกวียนพาพระนางเสด็จไปถึงยังเมืองนั้นและให้พระนางนั่งพักอยู่ในศาลาแห่งหนึ่งภายในเมืองบังเอิญพราหมณ์ทิศาปราโมกข์เดินผ่านมาเกิดความเอ็นดูสงสารจึงรับพระนางไปอยู่ด้วยและอุปการะเลี้ยงดูดุจเป็นน้องสาวไม่นานนักพระมเหสีของพระเจ้าอริฏฐชนกก็ประสูติพระโอรสทรงตั้งพระนามว่ามหาชนกกุมารตามพระนามของพระอัยกา วันหนึ่งมหาชนกกุมารได้ชกต่อยกับเพื่อนเนื่องจากถูกล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อมหาชนกกุมารพยายามถามความจริงพระมารดาจึงตรัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทราบพระองค์จึงตั้งพระทัยว่าเมื่อเติบใหญ่ก็จะเสด็จไปเอาราชสมบัติเมืองมิถิลากลับคืนมา ครั้นเมื่อพระมหาชนกกุมารเจริญวัยเติบใหญ่พระองค์ก็ตรัสแก่พระมารดาว่าจะไปล่องเรือสู่ดินแดนสุวรรณภูมิเพื่อทำการค้าสะสมทุนรอนและกำลังคนเพื่อชิงเอาราชสมบัตินครมิถิลากลับคืนพระมารดาจึงทรงนำเอาทรัพย์สินมีค่ามาจากมิถิลา ๓ สิ่งคือแก้วมณีแก้วมุกดาและแก้ววิเชียรเพื่อเป็นทุนล่องเรือไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ ในระหว่างทางเกิดพายุใหญ่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเรือจะล่มบรรดาลูกเรือต่างหวาดกลัวและร้องคร่ำครวญหนีตายจนเกิดโกลาหลฝ่ายมหาชนกกุมารนั้นเมื่อทรงทราบว่าเรือจะจมแน่แล้วก็เสวยอาหารจนอิ่มหนำจากนั้นทรงนำผ้ามาชุบน้ำมันจนชุ่มแล้วนุ่งผ้านั้นอย่างแน่นหนาครั้นเมื่อเรือจมลงเหล่าพ่อค้าและกลาสีเรือทั้งปวงก็จมน้ำกลายเป็นอาหารของปลาและเต่า ส่วนพระมหาชนกทรงแหวกว่ายอยู่ในทะเลถึง ๗ วันนางมณีเมขลาเทพธิดาผู้รักษามหาสมุทรเห็นพระมหาชนกว่ายน้ำอยู่เช่นนั้นจึงสนทนาแลกเปลี่ยนกันจนนางมณีเมขลาเข้าใจในปรัชญาของการบำเพ็ญวิริยบารมีนางมณีเมขลาจึงช่วยอุ้มพามหาชนกกุมารไปจนถึงฝั่งเมืองมิถิลา ยามนั้นที่นครมิถิลาฝ่ายพระเจ้าโปลชนกทรงประชวรหนักพระองค์ไม่มีพระโอรสมีแต่พระธิดาพระนามว่าสิวลีพระโปลชนกทรงรู้ว่าพระองค์ใกล้สิ้นพระชนม์แล้วจึงตรัสสั่งอำมาตย์ว่าผู้ใดสามารถไขปริศนาขุมทรัพย์ได้ก็ยกบ้านเมืองให้แก่ผู้นั้นในที่สุดหลังจากพระโปลชนกสิ้นพระชนม์ลงบรรดาเสนาข้าราชบริพารจึงตั้งพิธีเสี่ยงราชรถราชรถได้มาหยุดอยู่หน้าศาลาที่พระมหาชนกกุมารทรงประทับอยู่พระองค์ทรงไขปริศนาได้ทั้งหมดผู้คนจึงพากันสรรเสริญปัญญาของพระมหาชนกก่อนจะอัญเชิญพระองค์อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสิวลีและขึ้นครองราชย์สมบัติแคว้นวิเทหะพระมหาชนกทรงครองราชย์ด้วยความผาสุกมาโดยตลอดเนื่องด้วยทรงอยู่ในทศพิธราชธรรมต่อมาพระนางสิวลีประสูติพระโอรสทรงนามว่าทีฆาวุกุมารครั้นเมื่อเจริญวัยขึ้นพระบิดาทรงโปรดให้ดำรงตำแหน่งมหาอุปราช อยู่มาวันหนึ่งพระราชามหาชนกได้เสด็จอุทยานทอดพระเนตรเห็นมะม่วงต้นหนึ่งมีผลต้นหนึ่งไม่มีผลโดยต้นที่มีผลนั้นผลมีรสชาติอร่อยพระองค์ได้ทรงชิมและตรัสชมทั้งทรงตั้งใจว่าจะกลับมาเสวยอีกครั้งในยามเย็นทว่าเมื่อทรงออกจากพระราชอุทยานไปแล้วมะม่วงต้นที่มีผลรสชาติดีก็เสียหายจนหมดเพราะผู้คนพากันมาโค่นเพื่อเอาผลมะม่วงส่วนต้นที่ไม่มีผลยังอยู่รอดได้ เมื่อพระมหาชนกทรงทราบเรื่องจึงทรงคิดได้ว่าราชสมบัติก็เปรียบเหมือนต้นไม้มีผลที่อาจถูกทำลายแม้จะไม่ถูกทำลายก็ต้องคอยระแวดระวังรักษาให้เกิดความกังวลพระองค์ประสงค์จะทำตนเป็นผู้ไม่มีกังวลเหมือนต้นไม้ไม่มีผลแต่ก็ไม่ทรงทำเช่นนั้นเพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ของพระราชาที่จะทำให้สังคมอยู่รอดพ้นก่อนทั้งนี้เนื่องด้วยเพราะผู้คนในสังคมยังขาดสติปัญญาเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้าดุจดังผู้ที่ทำลายต้นมะม่วงเพียงเพราะต้องการผลมะม่วงโดยไม่คิดเก็บไว้กินในวันหน้า เมื่อพระมหาชนกทรงคิดดังนั้นแล้วจึงให้ผู้รู้วิชามาทำนุบำรุงต้นมะม่วงด้วยหลักวิชาการทางการเกษตรและจัดตั้งสถานศึกษาชื่อปูทะเลย์มหาวิชชาลัยเพื่อสร้างคนผู้เป็นคนดีมีสติปัญญาให้แก่สังคมเพื่อสังคมจะได้เจริญรุ่งเรืองและดำรงอยู่อย่างผาสุกสืบไป
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
พระเจ้ามหาชนก เมืองหลวงแห่งแคว้นวิเทหะทรงมีพระราชโอรสสองพระองค์คือพระอริฏฐชนกและพระโปลชนกหลังจากพระราชบิดาสวรรคตพระอริฏฐชนกผู้เป็นพระมหาอุปราชก็เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อมาโดยทรงแต่งตั้งพระโป ลชนก โดยพากันเพ็ดทูลว่าพระโปลชนกกำลังวางแผนคิดการเป็นขบถ ทว่าด้วยบุญบารมีของพระโปลชนก และเมื่อถึงกาลที่เอื้ออำนวย ครั้นเมื่อทัพของพระองค์ไปถึง พระองค์ตรัสสั่งพระมเหสีซึ่งกำลังทรงครรภ์แก่ให้ทรงหลบหนีเอาตัวรอด พระโปลชนกจึงทรงได้เป็นกษัตริย์ กาลจัมปากะ เกิดความเอ็นดูสงสารจึงรับพระนางไปอยู่ด้วยและอุปการะเลี้ยงดูดุจเป็นน้องสาวไม่นานนัก ตั้งพระนามทรงว่าได้มหาชนกกุมารตามพระนามของพระอัยกาการธนาคารวันหนึ่ง มหาชนกกุมารพยายามถามความจริง พระองค์จึงตั้งพระทัยว่า 3 สิ่งคือแก้วมณีแก้วมุกดาและแก้ววิเชียร โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเรือจะล่มบรรดาลูกเรือต่างหวาดกลัวและร้องคร่ำครวญหนีตายจนเกิดโกลาหลฝ่ายมหาชนกกุมารนั้นเมื่อทรงทราบว่าเรือจะจมแน่แล้วก็เสวยอาหารจนอิ่มหนำจากนั้นทรงนำผ้ามาชุบน้ำมันจนชุ่ม แล้วนุ่งผ้านั้นอย่างแน่นหนาครั้นเมื่อเรือจมลง อยู่ในทะเลถึง 7 วันนางมณีเมขลาเทพธิดาผู้รักษามหาสมุทรเห็นพระมหาชนกว่ายน้ำอยู่เช่นนั้นจึงสนทนาแลกเปลี่ยนกัน ฝ่ายพระเจ้าโปลชนกทรงประชวรหนักพระองค์ไม่มีพระโอรสมี แต่พระธิดาพระนามว่าสิวลี จึงตรัสสั่งอำมาตย์ว่า ในที่สุดหลังจากพระโปลชนกสิ้นพระชนม์ลง พระองค์ทรงไขปริศนาได้ทั้งหมด และขึ้นครองราชย์สมบัติแคว้นวิเทหะ เนื่องด้วยทรงอยู่ในทศพิธราชธรรมต่อมาพระนางสิวลีประสูติพระโอรสทรงนามว่าทีฆาวุกุมารครั้นเมื่อเจริญวัยขึ้น เห็นมะม่วงต้นหนึ่งมีผลต้นหนึ่งไม่มีผลโดยต้นที่มีผลนั้นผลมีรสชาติอร่อยพระองค์ได้ทรงชิมและตรัสชม จึงทรงคิดได้ว่าราชสมบัติ ให้เกิดความกังวล ทรงคิดดังนั้นแล้ว และจัดตั้งสถานศึกษาชื่อปูทะเลย์มหาวิชชาลัย





















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
พระเจ้ามหาชนกพระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์อยู่ยังนครมิถิลาเมืองหลวงแห่งแคว้นวิเทหะทรงมีพระราชโอรสสองพระองค์ความพระอริฏฐชนกและพระโปลชนกหลังจากพระราชบิดาสวรรคตพระอริฏฐชนกผู้เป็นพระมหาอุปราชโดยทรงแต่งตั้งพระโปลชนกผู้อนุชาเป็นพระมหาอุปราช

ในเวลาต่อได้มีเหล่าอำมาตย์ผู้ทุจริตบางคนออกอุบายให้พระอริฏฐชนกเกิดความระแวงพระอนุชาโดยพากันเพ็ดทูลว่าพระโปลชนกกำลังวางแผนคิดการเป็นขบถพระราชาทรงหลงเชื่ออำมาตย์เหล่านั้นทว่าด้วยบุญบารมีของพระโปลชนกพระองค์จึงสามารถหลบออกจากที่คุมขังและเสด็จหนีไปยังชายแดนได้

ครั้นเมื่อไปถึงก็มีบรรดาราษฏรผู้ที่จงรักภักดีต่อพระองค์พากันมาเข้าเป็นพวกด้วยเป็นอันมากและเมื่อถึงกาลที่เอื้ออำนวยพระโปลชนกก็ทรงตัดสินพระทัยยกกองทัพไปยังนครมิถิลาครั้นเมื่อทัพของพระองค์ไปถึงมาเข้ากับพระโปลชนกเนื่องจากเห็นใจที่พระโปลชนกถูกจับไปขังไว้โดยไม่ยุติธรรมเมื่อพระพระอริฏฐชนกทรงทราบว่าพระอนุชายกทัพมาชิงราชสมบัติและได้มีเหล่าไพร่พลจำนวนมากไปเข้าด้วยพระองค์ตรัสสั่งพระมเหสีให้ทรงหลบหนีเอาตัวรอดส่วนพระองค์เองทรงยกทัพออกทำสงครามกับพระอนุชาจนสิ้นพระชนม์ในสนามรบพระโปลชนกจึงทรงได้เป็นกษัตริย์ครองนครมิถิลาสืบต่อมา

ฝ่ายพระมเหสีของพระพระอริฏฐชนกได้เสด็จหนีไปยังเมืองกาลจัมปากะโดยระหว่างทางพระอินทร์เสด็จลงมาช่วยโดยทรงแปลงกายเป็นชายชราขับเกวียนพาพระนางเสด็จไปถึงยังเมืองนั้นบังเอิญพราหมณ์ทิศาปราโมกข์เดินผ่านมาเกิดความเอ็นดูสงสารจึงรับพระนางไปอยู่ด้วยและอุปการะเลี้ยงดูดุจเป็นน้องสาวไม่นานนักพระมเหสีของพระเจ้าอริฏฐชนกก็ประสูติพระโอรสทรงตั้งพระนามว่ามหาชนกกุมาร
วันหนึ่งมหาชนกกุมารได้ชกต่อยกับเพื่อนเนื่องจากถูกล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อมหาชนกกุมารพยายามถามความจริงพระมารดาจึงตรัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทราบพระองค์จึงตั้งพระทัยว่า
ครั้นเมื่อพระมหาชนกกุมารเจริญวัยเติบใหญ่พระองค์ก็ตรัสแก่พระมารดาว่าจะไปล่องเรือสู่ดินแดนสุวรรณภูมิเพื่อทำการค้าสะสมทุนรอนและกำลังคนเพื่อชิงเอาราชสมบัตินครมิถิลากลับคืนไปสิ่งความแก้วมณีแก้วมุกดาและแก้ววิเชียรเพื่อเป็นทุนล่องเรือไปค้าขายที่สุวรรณภูมิ

ในระหว่างทางเกิดพายุใหญ่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเรือจะล่มบรรดาลูกเรือต่างหวาดกลัวและร้องคร่ำครวญหนีตายจนเกิดโกลาหลฝ่ายมหาชนกกุมารนั้นเมื่อทรงทราบว่าเรือจะจมแน่แล้วก็เสวยอาหารจนอิ่มหนำแล้วนุ่งผ้านั้นอย่างแน่นหนาครั้นเมื่อเรือจมลงเหล่าพ่อค้าและกลาสีเรือทั้งปวงก็จมน้ำกลายเป็นอาหารของปลาและเต่า

ส่วนพระมหาชนกทรงแหวกว่ายอยู่ในทะเลถึง๗ได้รับเลือกตั้งผ่านกระบวนการประชาธิปไตยของพม่านางมณีเมขลาเทพธิดาผู้รักษามหาสมุทรเห็นพระมหาชนกว่ายน้ำอยู่เช่นนั้นจึงสนทนาแลกเปลี่ยนกันจนนางมณีเมขลาเข้าใจในปรัชญาของการบำเพ็ญวิริยบารมีไปจนถึงฝั่งเมืองมิถิลา

ยามนั้นที่นครมิถิลาฝ่ายพระเจ้าโปลชนกทรงประชวรหนักพระองค์ไม่มีพระโอรสมีแต่พระธิดาพระนามว่าสิวลีพระโปลชนกทรงรู้ว่าพระองค์ใกล้สิ้นพระชนม์แล้วจึงตรัสสั่งอำมาตย์ว่าในที่สุดหลังจากพระโปลชนกสิ้นพระชนม์ลงบรรดาเสนาข้าราชบริพารจึงตั้งพิธีเสี่ยงราชรถราชรถได้มาหยุดอยู่หน้าศาลาที่พระมหาชนกกุมารทรงประทับอยู่พระองค์ทรงไขปริศนาได้ทั้งหมดก่อนจะอัญเชิญพระองค์อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสิวลีและขึ้นครองราชย์สมบัติแคว้นวิเทหะพระมหาชนกทรงครองราชย์ด้วยความผาสุกมาโดยตลอดเนื่องด้วยทรงอยู่ในทศพิธราชธรรมต่อมาพระนางสิวลีประสูติพระโอรสทรงนามว่าครั้นเมื่อเจริญวัยขึ้นพระบิดาทรงโปรดให้ดำรงตำแหน่งมหาอุปราช

อยู่มาวันหนึ่งพระราชามหาชนกได้เสด็จอุทยานทอดพระเนตรเห็นมะม่วงต้นหนึ่งมีผลต้นหนึ่งไม่มีผลโดยต้นที่มีผลนั้นผลมีรสชาติอร่อยพระองค์ได้ทรงชิมและตรัสชมทั้งทรงตั้งใจว่าจะกลับมาเสวยอีกครั้งในยามเย็นมะม่วงต้นที่มีผลรสชาติดีก็เสียหายจนหมดเพราะผู้คนพากันมาโค่นเพื่อเอาผลมะม่วงส่วนต้นที่ไม่มีผลยังอยู่รอดได้

เมื่อพระมหาชนกทรงทราบเรื่องจึงทรงคิดได้ว่าราชสมบัติก็เปรียบเหมือนต้นไม้มีผลที่อาจถูกทำลายแม้จะไม่ถูกทำลายก็ต้องคอยระแวดระวังรักษาให้เกิดความกังวลแต่ก็ไม่ทรงทำเช่นนั้นเพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ของพระราชาที่จะทำให้สังคมอยู่รอดพ้นก่อนทั้งนี้เนื่องด้วยเพราะผู้คนในสังคมยังขาดสติปัญญาเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า
เมื่อพระมหาชนกทรงคิดดังนั้นแล้วจึงให้ผู้รู้วิชามาทำนุบำรุงต้นมะม่วงด้วยหลักวิชาการทางการเกษตรและจัดตั้งสถานศึกษาชื่อปูทะเลย์มหาวิชชาลัยเพื่อสร้างคนผู้เป็นคนดีมีสติปัญญาให้แก่สังคม
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: