Land use intensity is an important

Land use intensity is an important impact because it is often used as a proxy for other impacts. Land-use intensity may be quantified by the following metrics: (i) land area “transformation” per unit of time-averaged power output (km2 GW−1) or per nameplate “peak” capacity (km2 GWp−1), (ii) land area transformation per unit of electric energy generated (km2 TW h−1), and (iii) land area “occupation” per unit of electrical energy generated (km2 yr TW h−1). The metric “transformation” focuses on the one-time action of changing the physical nature of the land, i.e., installation. Alternatively, the metric “occupation” is a measurement of land being used for a known period of time, defined as land area multiplied by the length of time that the land area is held in use. The length of time needed for the land to recover from use should be included in this length of time. The occupation metric captures the impact from both the installation and operation phases, whereas the transformation metric captures only the installation phase.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความเข้มของการใช้ที่ดินเป็นผลกระทบสำคัญ เพราะมันมักจะใช้เป็นพร็อกซีสำหรับผลกระทบอื่น ๆ ใช้ที่ดินเข้มอาจวัด โดยวัดต่อไปนี้: (i) เนื้อที่ "แปลง" ต่อหน่วยของเวลาเฉลี่ยพลังงาน (กม. 2 GW−1) หรือต่อ "พีค" กำลังการผลิต (GWp−1 กม. 2), (ii) ที่ดินแปลงพื้นที่ต่อหน่วยของพลังงานไฟฟ้าถูกสร้างขึ้น (กม. 2 TW h−1), และ (iii) เนื้อที่ "อาชีพ" ต่อหน่วยของพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้น (กม. 2 ปี TW h−1) การวัด "การแปลง" เน้นการกระทำเพียงครั้งเดียวของการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของแผ่นดิน เช่น การติดตั้ง อีกวิธีหนึ่งคือ การวัด "อาชีพ" เป็นการประเมินของที่ดินที่ใช้สำหรับระยะเวลา กำหนดเป็นพื้นที่ที่ดินคูณ ด้วยความยาวของเวลาที่จัดขึ้นบริเวณที่ดินใช้เป็นที่รู้จัก ระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับการกู้คืนจากการใช้ที่ดินควรจะรวมในช่วงเวลานี้ การวัดอาชีพจับผลกระทบจากขั้นตอนทั้งการติดตั้งและการดำเนินการ ในขณะที่การวัดแปลงจับขั้นตอนติดตั้งเท่านั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การใช้ที่ดินเข้มเป็นผลกระทบสำคัญเพราะมันมักจะใช้เป็นพร็อกซี่สำหรับผลกระทบอื่น ๆ การใช้ที่ดินเข้มอาจจะวัดโดยตัวชี้วัดดังต่อไปนี้: (i) พื้นที่ "การเปลี่ยนแปลง" ต่อหน่วยของเวลาเฉลี่ยการส่งออกพลังงาน (km2 GW-1) หรือต่อป้าย "สูงสุด" ความจุ (km2 GWP-1), (ii ) การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ต่อหน่วยของพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้น (ทีดับบลิวกิโลเมตร 2 H-1) และ (iii) พื้นที่ที่ดิน "อาชีพ" ต่อหน่วยของพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้น (กิโลเมตร 2 ปีทีดับบลิว H-1) ตัวชี้วัดที่ "การเปลี่ยนแปลง" มุ่งเน้นไปที่การกระทำเพียงครั้งเดียวของการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของที่ดินเช่นการติดตั้ง อีกวิธีหนึ่งคือตัวชี้วัด "อาชีพ" เป็นวัดของที่ดินที่ถูกนำมาใช้เป็นระยะเวลาที่รู้จักกันในเวลาที่กำหนดให้เป็นพื้นที่คูณด้วยระยะเวลาที่ว่าบริเวณที่ดินที่จะจัดขึ้นในการใช้งาน ความยาวของเวลาที่จำเป็นสำหรับที่ดินในการกู้คืนจากการใช้งานควรจะรวมอยู่ในระยะเวลานี้ ตัวชี้วัดประกอบอาชีพจับผลกระทบจากทั้งการติดตั้งและการดำเนินการขั้นตอนในขณะที่ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงจับเพียงขั้นตอนการติดตั้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความเข้มของการใช้ที่ดิน คือ ผลกระทบที่สำคัญ เพราะมันมักจะใช้เป็นพร็อกซี่สำหรับผลกระทบอื่น ๆ ความเข้มของการใช้ที่ดินอาจจะวัดได้จากตัวชี้วัดดังต่อไปนี้ : ( ฉัน ) พื้นที่ดิน " การแปลง " ต่อหน่วยของเวลาเฉลี่ยพลังงาน ( กม. 2 GW − 1 ) หรือต่อป้าย " สูงสุด " ความจุ ( km2 GWP − 1 ) , ( 2 ) การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ต่อหน่วยของพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้น ( TW H − 1 ตารางกิโลเมตร ) และ ( 3 ) พื้นที่ " อาชีพ " ต่อหน่วยของพลังงานไฟฟ้าที่สร้างขึ้น ( กม. 2 ปี TW H − 1 ) ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงมุ่งเน้นเพียงการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพของที่ดิน เช่น การติดตั้ง หรือตัวชี้วัด " อาชีพ " คือการวัดที่ดินถูกใช้สำหรับเป็นที่รู้จักกันในระยะเวลาที่กำหนด เช่น ที่ดิน พื้นที่ คูณกับความยาวของเวลาที่พื้นที่จะจัดขึ้นในการใช้ ความยาวของเวลาที่จำเป็นสำหรับการกู้คืนจากการใช้ที่ดินควรจะรวมอยู่ในนี้ ความยาวของเวลา อาชีพ ( จับผลกระทบจากทั้งการติดตั้ง และขั้นตอนการดำเนินงาน ในขณะที่การแปลงเมตริกจับเฉพาะการติดตั้งขั้นตอนการ