What Counts as a Learning Disabilit

What Counts as a Learning Disability

Assessing those who may have a learning disability is not an easy task. Several hundred assessment tools are currently use, and it is important to use more than one when trying to pinpoint a disability. Schools generally use one of three primary model; test performance compared to IQ, test performance compared to grade level, or a review of scatter-plot variations within a test score. What’s importance is know the local parameters for disabilities. For example, in schools in poverty-stricken area, many of the so-called disabilities are poverty related. So you should understand a student's background (literally and figuratively) before attaching labels. Using any of the following definitions, consider all students, even those with a learning disability, as gifted, whether or not they fit the appropriate definition or need services.

Determinations for Disabilities

Some schools limit the criterion solely to a discrepancy of 1 or more standard deviations (approximately 15+ points on a bell curve with 100 as the mean or 3+ points on a curve with 70 as the mean) between achievement scores and "intellectual potential" as measured by standardized tests. For example, setting aside whatever you may think of IQ tests, suppose you have a student with a verbal IQ of 100, who is thus considered to be of average intellectual potential. If that student is unable to earn a standard score of more than 70 on standardized test (e.g., reading comprehension. vocabulary, writing) and is 2 standard deviations below the mean, that student is likely to be considered learning disabled.
In other localities, there must be a difference of two or more grade levels between potential and actual performance also as measured by standardized tests. The same student with a verbal IQ of 100 would be expected to be able to do grade-level work. If that student was instead reading, writing, spelling. or doing math at a level two or more years below grade level. the school might deduce the presence of a learning disability.
Still other schools recognize intra-test scatter as indicative of a learning disability. For example, on a standardized test of intelligence, one would expect a student with overall delayed development or mental retardation to have scores below average in all areas. In this view, students with a learning disability may have some average scores and some below-average scores. There may be a significant discrepancy between the verbal and performance scores on an IQ test so that the full-scale IQ accurate indicator of intellectual potential at all. This is just one reason why complete testing is critical to find out the full extent of a student's capacity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สิ่งที่นับเป็นพิการเรียน ประเมินผู้เรียนพิการอาจไม่ได้อย่างละเอียด หลายร้อยประเมินเครื่องมือใช้ในปัจจุบัน และมันเป็นสิ่งสำคัญในการใช้มากกว่าหนึ่งพยายามเพื่อระบุความพิการ โรงเรียนทั่วไปใช้รุ่นสามหลัก ทดสอบประสิทธิภาพเทียบกับ IQ ทดสอบประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับระดับชั้นการศึกษา หรือการตรวจสอบของรูปแบบการกระจายแผนภายในคะแนนทดสอบ สิ่งสำคัญคือ รู้ว่าพารามิเตอร์เฉพาะสำหรับความพิการ ตัวอย่าง ในโรงเรียนในพื้นที่ยากจนข้นแค้น ความพิการเรียกว่ามากมายได้ที่เกี่ยวข้องกับความยากจน ดังนั้นคุณควรเข้าใจเบื้องหลังของนักเรียน (อย่างแท้จริง และ figuratively) ก่อนที่จะแนบป้ายชื่อ ใช้ใด ๆ ของข้อกำหนดดังต่อไปนี้ พิจารณานักเรียนทั้งหมด แม้ผู้เรียนพิการ เป็นพรสวรรค์ ว่าพวกเขาพอดีคำจำกัดความที่เหมาะสมหรือไม่ หรือจำเป็นบริการ Determinations สำหรับความพิการ บางโรงเรียนจำกัดเกณฑ์เพื่อขัดแย้งอย่าง น้อย 1 มาตรฐานส่วนเบี่ยงเบน (ประมาณ 15 + จุดบนเส้นโค้งระฆัง 100 เป็นค่าเฉลี่ยหรือ 3 + จุดบนเส้นโค้งกับ 70 เป็นค่าเฉลี่ย) ระหว่างคะแนนผลสัมฤทธิ์และ "ทางปัญญาศักยภาพ" เป็นวัด โดยการทดสอบมาตรฐาน ตัวอย่าง การเฉยสิ่งที่คุณอาจคิดว่า ทดสอบไอคิว สมมติว่าคุณมีการให้นักเรียน มี IQ วาจา 100 ที่จึงถือเป็นศักยภาพทางปัญญาโดยเฉลี่ย ถ้านักเรียนที่ไม่สามารถหาคะแนนมาตรฐานมากกว่า 70 เกี่ยวกับการทดสอบมาตรฐาน (เช่น ทำความเข้าใจคำศัพท์การอ่าน เขียน) และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย นักเรียนที่มีแนวโน้มที่จะถือว่าเรียนรู้ถูกปิดใช้งาน ในอื่น ๆ มา ต้องมีความแตกต่างของระดับชั้นประถมศึกษาปีที่สอง หรือมากกว่าระหว่างประสิทธิภาพจริง และเป็นไปได้ยังเป็นวัดโดยการทดสอบมาตรฐานการ นักเรียนเดียวกันกับไอคิววาจา 100 จะได้คาดว่าจะได้เกรดระดับงาน ถ้านักเรียนที่ถูกแทนอ่าน การเขียน การสะกด หรือคำนวนทางคณิตศาสตร์ในระดับปี 2 หรือต่ำกว่าระดับชั้นประถมศึกษาปี โรงเรียนอาจเดาก็พิการเรียน ยัง โรงเรียนอื่น ๆ รู้จักกระจายทดสอบอินทราเป็นส่อพิการเรียน ตัวอย่าง สอบมาตรฐานของปัญญา หนึ่งคาดหวังว่านักเรียน มีการพัฒนาโดยรวมล่าช้าหรือปัญญา มีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในทุกพื้นที่ ในมุมมองนี้ นักเรียนพิการเรียนอาจมีบางคะแนนเฉลี่ยและคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยบาง อาจมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างคะแนนคำพูดและประสิทธิภาพในการทดสอบไอคิวให้เอา IQ ถูกต้องตัวบ่งชี้ศักยภาพทางปัญญาทั้งหมดได้ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำไมการทดสอบสมบูรณ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อค้นหาตามขอบข่ายของความสามารถของนักเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สิ่งที่นับเป็นความพิการการเรียนรู้การประเมินผู้ที่อาจมีความพิการทางการเรียนไม่ได้เป็นงานง่าย หลายร้อยคนเครื่องมือในการประเมินที่มีใช้ในปัจจุบันและมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้มากกว่าหนึ่งเมื่อพยายามที่จะระบุความพิการ โรงเรียนทั่วไปใช้เป็นหนึ่งในสามรูปแบบหลัก; ประสิทธิภาพการทดสอบเมื่อเทียบกับไอคิวทดสอบประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับระดับชั้นประถมศึกษาหรือทบทวนรูปแบบการกระจายพล็อตที่อยู่ในคะแนนการทดสอบที่ มีอะไรที่สำคัญคือรู้ว่าพารามิเตอร์ท้องถิ่นสำหรับคนพิการ ยกตัวอย่างเช่นในโรงเรียนในพื้นที่ยากจนหลายพิการที่เรียกว่ามีความยากจนที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นคุณควรเข้าใจพื้นหลังของนักเรียน (ตัวอักษรและเปรียบเปรย) ก่อนที่จะติดป้ายชื่อ ใช้ใด ๆ ของคำจำกัดความดังต่อไปนี้พิจารณานักเรียนทุกคนแม้ผู้ที่มีความพิการทางการเรียนเป็นพรสวรรค์หรือไม่พวกเขาพอดีคำนิยามที่เหมาะสมหรือจำเป็นต้องใช้บริการ. ตรวจวัดความพิการบางโรงเรียน จำกัด เกณฑ์ แต่เพียงผู้เดียวที่จะแตกต่างจาก 1 หรือมากกว่ามาตรฐาน การเบี่ยงเบน (ประมาณ 15 + จุดบนเส้นโค้งด้วย 100 เป็นค่าเฉลี่ยหรือ 3+ จุดบนเส้นโค้ง 70 เป็นค่าเฉลี่ย) ระหว่างคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ "ศักยภาพทางปัญญา" โดยวัดจากการทดสอบมาตรฐาน ยกตัวอย่างเช่นการตั้งค่ากันสิ่งที่คุณอาจคิดว่าการทดสอบไอคิวสมมติว่าคุณมีนักศึกษาด้วยวาจาไอคิว 100 ซึ่งถือจึงจะเป็นของที่มีศักยภาพทางปัญญาเฉลี่ย ถ้านักเรียนที่ไม่สามารถที่จะได้รับคะแนนมาตรฐานกว่า 70 ในการทดสอบมาตรฐาน (เช่นการอ่านจับใจความคำศัพท์. เขียน) และ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของนักเรียนที่มีแนวโน้มที่จะได้รับการพิจารณาการเรียนรู้สำหรับผู้พิการ. ในเมืองอื่น ๆ จะต้องมีความแตกต่างของสองคนหรือมากกว่าระดับชั้นระหว่างที่มีศักยภาพและประสิทธิภาพที่แท้จริงยังเป็นวัดโดยการทดสอบได้มาตรฐาน นักเรียนเดียวกันด้วยวาจาไอคิว 100 จะได้รับการคาดว่าจะสามารถทำผลงานระดับชั้นประถมศึกษา ถ้านักเรียนที่แทนการอ่านการเขียนการสะกดคำ หรือทำคณิตศาสตร์ในระดับที่สองหรือมากกว่าปีที่ผ่านมาต่ำกว่าระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนอาจอนุมานการปรากฏตัวของความพิการการเรียนรู้. ยังโรงเรียนอื่น ๆ รับรู้กระจายภายในทดสอบแสดงให้เห็นถึงความพิการการเรียนรู้ ยกตัวอย่างเช่นในการทดสอบมาตรฐานของหน่วยสืบราชการลับหนึ่งจะคาดหวังการพัฒนานักเรียนที่มีความล่าช้าโดยรวมหรือปัญญาอ่อนที่จะมีคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในทุกพื้นที่ ในมุมมองนี้นักเรียนที่มีความพิการทางการเรียนอาจจะมีบางคนคะแนนเฉลี่ยและคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อาจจะมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างคะแนนวาจาและประสิทธิภาพในการทดสอบไอคิวเพื่อให้ไอคิวเต็มรูปแบบที่ถูกต้องของตัวบ่งชี้ที่มีศักยภาพทางปัญญาที่ทุกคน นี่เป็นเพียงหนึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมการทดสอบเสร็จสมบูรณ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะหาขอบเขตของความจุของนักเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สิ่งที่นับเป็นเรียนรู้

การประเมินผู้ที่อาจได้เรียนรู้ ไม่ใช่งานง่าย เครื่องมือการประเมินหลายร้อยกำลังใช้ และมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะใช้มากกว่าหนึ่งเมื่อพยายามที่จะระบุพิการ โรงเรียนทั่วไปใช้หนึ่งในสามรูปแบบเบื้องต้น ทดสอบประสิทธิภาพเปรียบเทียบกับไอคิว , ทดสอบประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับระดับหรือทบทวนแผนการกระจายการเปลี่ยนแปลงภายในทดสอบคะแนน สิ่งที่สำคัญคือว่าตัวแปรท้องถิ่น สำหรับผู้พิการ ตัวอย่างเช่น ในโรงเรียนในพื้นที่ยากจน หลายของคนพิการ ที่เรียกว่า มีความยากจน ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นคุณควรจะเข้าใจภูมิหลังของนักเรียน ( แท้จริงและ figuratively ) ก่อนติดฉลาก การใช้ใด ๆของข้อกำหนดต่อไปนี้ พิจารณานักเรียนทั้งหมดแม้แต่ผู้ที่มีการเรียนรู้พิการ เป็นพรสวรรค์ หรือไม่พวกเขาพอดีกับคำนิยามที่เหมาะสมหรือบริการต้องใช้



สำหรับคนพิการบางโรงเรียนกำหนดเกณฑ์เพียงความแตกต่างของ 1 หรือมากกว่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( ประมาณ 15 จุดบนเส้นโค้งรูประฆัง 100 เป็นค่าเฉลี่ยหรือ 3 จุดบนเส้นโค้ง 70 เป็นค่าเฉลี่ย ) ระหว่างคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ " ศักยภาพทางปัญญา " เป็นวัดโดยแบบทดสอบมาตรฐาน ตัวอย่างเช่นการตั้งค่าตามที่คุณอาจคิดว่าของการทดสอบไอคิว ,สมมติว่าคุณมีนักเรียนที่มีไอคิววาจาของ 100 ที่ จึงถือว่ามีศักยภาพทางปัญญา ถ้านักเรียนไม่สามารถที่จะได้รับคะแนนมาตรฐานมากกว่า 70 แบบทดสอบมาตรฐาน ( เช่นการอ่าน ศัพท์ , การเขียน ) และเป็น 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานด้านล่างหมายถึง นักเรียนมีโอกาสที่จะได้รับการพิจารณาการเรียนรู้พิการ
ในพื้นที่อื่น ๆต้องมีความแตกต่างระหว่างสองหรือมากกว่าระดับศักยภาพและการปฏิบัติจริง เป็นการวัดโดยแบบทดสอบมาตรฐาน นักเรียนเดียวกันกับไอคิว วาจาของ 100 จะคาดว่าจะสามารถทำงานในระดับเกรด ถ้านักเรียนเป็นแทนการอ่านการเขียนการสะกด หรือทำคณิตศาสตร์ในระดับสอง หรือมากกว่าสองปีต่ำกว่าระดับเกรดโรงเรียนอาจจะสรุปสถานะของการเรียนรู้พิการ
โรงเรียนยังอื่น ๆจักกระจายการทดสอบภายในเป็นบ่งบอกถึงการเรียนรู้ของคนพิการ ตัวอย่าง แบบทดสอบมาตรฐานของหน่วยสืบราชการลับ , หนึ่งจะคาดหวังของนักเรียนโดยรวมล่าช้า หรือปัญญาอ่อน มีคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ในพื้นที่ทั้งหมด ในมุมมองนี้นักเรียนเรียนรู้อาจจะเฉลี่ยคะแนนและด้านล่างคะแนนเฉลี่ย อาจมีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างวาจาและคะแนนผลการทดสอบ IQ เพื่อให้งานถูกต้องบ่งชี้ศักยภาพไอคิวสติปัญญาทั้งสิ้น นี้เป็นเพียงหนึ่งเหตุผลที่การทดสอบเสร็จสมบูรณ์เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อดูขอบเขตของความสามารถของนักเรียน