Tribal Saxon (later got together an

Tribal Saxon (later got together and called themselves. Anglo-Saxon) in early Anglo-Saxon around AD 1066 winner has occupied the British Isles. William is the one which is the Norman declared forfeited land in Britain is all his. Then divide the feudal lords, each loyal following. This is called the "Feudalism" the individual tribes of Britain at that time had their own local tradition. The trial began at the local level by the judge to Salhlwg. (Centered on the city of London called Westminster) were delivered to the Judicial circulating locally. Salhlwg attempt to revise the law to neutralize the so-called Common Law is applicable everywhere. And take matters customary to include it as a land trust or abuse of the trial judge to take the rules of customary law that is already adapted to the case occurred. The court shall have the authority to use discretion in adjusting to the fact that a fair trial. The judgment of the Court of Common Law system, it is the norm to judge other people. To be used as a model And valuable as law. The saying "The judges are creating law" (Judge Made Law).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ชาวแซก (ภายหลังได้ร่วมกัน และเรียกตัวเอง แองโกล-แซ็กซอน) ในแองโกล-แซ็กซอนต้นรอบ AD 1066 ผู้ชนะได้ครอบครองหมู่เกาะอังกฤษ William เป็นหนึ่งที่นอร์แมนที่ประกาศที่ดิน forfeited ในสหราชอาณาจักรเป็นทั้งหมดของเขา แล้ว แบ่งขุนนางศักดินา ต่อไปนี้แต่ละภักดี นี้เรียกว่า "สงครามโรงเรียน" ชนเผ่าแต่ละของราชอาณาจักรที่มีประเพณีท้องถิ่นของตนเอง การทดลองเริ่มต้นในระดับท้องถิ่นโดยผู้พิพากษาให้ศาลหลวง (แปลกเมืองลอนดอนเรียกดาว) ถูกส่งไป Judicial ที่หมุนเวียนในท้องถิ่น ศาลหลวงพยายามแก้ไขกฎหมายการเรียกว่าคอมมอนลอว์คือใช้ทุก และนำเรื่องจารีตประเพณีจะรวมเป็นบริษัทแลนด์ หรือละเมิดสิทธิของผู้พิพากษาทดลองใช้กฎของกฎหมายจารีตประเพณีที่เป็นการดัดแปลงแล้วกับกรณีที่เกิดขึ้น ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจในการปรับเปลี่ยนในความเป็นจริงที่ทดลองใช้งาน คำพิพากษาของศาลคอมมอนลอว์ มันเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคนอื่น จะใช้เป็นรูปแบบ และมีคุณค่าเป็นกฎหมาย คำกล่าวที่ว่า "ผู้พิพากษาสร้างกฎหมาย" (ผู้พิพากษาทำกฎหมาย)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เผ่าแซกซอน (ต่อมาได้ร่วมกันและเรียกตัวเองว่า. แซ็กซอน) ในช่วงต้นแซกซอนรอบ ค.ศ. 1066 ผู้ชนะเลิศได้ครอบครองเกาะอังกฤษ วิลเลียมเป็นหนึ่งซึ่งเป็นนอร์แมนประกาศริบที่ดินในสหราชอาณาจักรเป็นของเขาทั้งหมด จากนั้นแบ่งขุนนางศักดินาแต่ละจงรักภักดีต่อ นี้เรียกว่า "ศักดินา" ชนเผ่าของแต่ละบุคคลของสหราชอาณาจักรในเวลานั้นมีประเพณีในท้องถิ่นของตัวเอง การพิจารณาคดีเริ่มในระดับท้องถิ่นโดยผู้พิพากษาที่จะ Salhlwg (มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองลอนดอนที่เรียกว่าเวสต์มิ) ที่ถูกส่งไปยังตุลาการหมุนเวียนในประเทศ พยายาม Salhlwg ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านที่เรียกว่ากฎหมายมีผลบังคับใช้ทุกที่ และนำเรื่องธรรมเนียมที่จะต้องรวมไว้เป็นความไว้วางใจที่ดินหรือการละเมิดของผู้พิพากษาที่จะใช้กฎของกฎหมายจารีตประเพณีที่ดัดแปลงมาแล้วกับกรณีที่เกิดขึ้น ศาลมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจในการปรับตัวเข้ากับความจริงที่ว่าทดลองใช้งาน คำพิพากษาของศาลระบบกฎหมายก็เป็นบรรทัดฐานในการตัดสินคนอื่น เพื่อนำมาใช้เป็นรูปแบบที่มีคุณค่าและเป็นกฎหมาย คำกล่าวที่ว่า "ผู้พิพากษากำลังสร้างกฎหมาย" (ผู้พิพากษาทำกฎหมาย)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เผ่าแซ็กซอน ( ต่อมาได้ร่วมกันและเรียกตนเอง แองโกล แซกซัน ) ในช่วงต้นแองโกลแซ็กซอนรอบโฆษณา 1066 ผู้ชนะได้ครอบครองหมู่เกาะอังกฤษ วิลเลียมเป็นหนึ่งซึ่งเป็นนอร์แมน ประกาศยึดที่ดินในอังกฤษทั้งหมดของเขา แล้วแบ่งเหล่าขุนนางแต่ละซื่อสัตย์ ดังต่อไปนี้ นี้เรียกว่า " ศักดินา " แต่ละเผ่าของอังกฤษในเวลานั้นมีประเพณีท้องถิ่นของตนเองการทดลองเริ่มต้นในระดับท้องถิ่น โดยผู้พิพากษาที่จะ salhlwg . ( ศูนย์กลางในเมืองลอนดอนเรียกว่า Westminster ) ถูกส่งไปยังตุลาการที่หมุนเวียนในประเทศ พยายาม salhlwg ปฏิรูปกฎหมายเพื่อแก้กฎหมายที่เรียกว่าใช้ได้ทุกที่และนำเรื่องจารีตประเพณีที่จะรวมเป็นแผ่นดินไว้ใจหรือการละเมิดของผู้พิพากษาที่จะใช้กฎจารีตประเพณี กฎหมายที่มีอยู่แล้ว ดัดแปลงกับคดีที่เกิดขึ้น ให้ศาลมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจในการปรับข้อเท็จจริงว่า การพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม การพิพากษาของศาลในระบบคอมมอนลอว์ มันเป็นบรรทัดฐานที่จะตัดสินคนอื่น เพื่อใช้เป็นแบบจำลอง และมีคุณค่าตามที่กฎหมายว่า " ศาลสร้างกฎหมาย " ( ตัดสินให้กฎหมาย ) .