The Delphi Method is a structured a

The Delphi Method is a structured approach to research that
has been used extensively in the field of health to develop
policy, scopes of practice, and practice frameworks (Keeney,
Hasson, & McKenna, 2011; McIlrath, Keeney, McKenna, &
McLaughlin, 2010; McKenna, Keeney, & Bradley, 2003). It
comprises a number of stages, with each building on the previous
stage, and utilizes a purposive sample of experts who collaboratively
examine a particular topic, issue, or question and
together mediate agreement on the meaning of this topic, issue,
or question to generate new knowledge (McKenna, Keeney, &
Bradley, 2003).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธีเดลฟายเป็นวิธีการจัดโครงสร้างการวิจัยที่มีการใช้อย่างกว้างขวางในด้านของสุขภาพเพื่อพัฒนานโยบาย ขอบเขตของการปฏิบัติ และกรอบปฏิบัติ (KeeneyHasson, & McKenna, 2011 McIlrath, Keeney, McKenna, &แม็กลาฟลิน 2010 McKenna, Keeney และ Bradley, 2003) มันประกอบด้วยจำนวนของขั้นตอน กับแต่ละอาคารในก่อนหน้าระยะ และใช้ตัวอย่าง purposive ผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมตรวจสอบหัวข้อเฉพาะการ ปัญหา หรือคำถาม และข้อตกลงในความหมายของหัวข้อนี้ ปัญหา เป็นสื่อกลางร่วมกันหรือคำถามเพื่อสร้างความรู้ใหม่ (McKenna, Keeney, &Bradley, 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธี Delphi เป็นวิธีการที่มีโครงสร้างเพื่อการวิจัยที่
ได้รับการใช้อย่างกว้างขวางในเรื่องของสุขภาพในการพัฒนา
นโยบายขอบเขตของการปฏิบัติและกรอบการปฏิบัติ (Keeney,
Hasson & McKenna 2011; McIlrath, Keeney, McKenna &
กิ้น 2010 ; McKenna, Keeney และแบรดลีย์, 2003) มัน
ประกอบด้วยจำนวนของขั้นตอนแต่ละอาคารก่อนหน้า
เวทีและใช้กลุ่มตัวอย่างของผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมกัน
ตรวจสอบหัวข้อโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาหรือคำถามและ
ร่วมกันเป็นสื่อกลางในข้อตกลงเกี่ยวกับความหมายของหัวข้อปัญหานี้
หรือคำถามเพื่อสร้าง ความรู้ใหม่ (McKenna, Keeney และ
แบรดลีย์, 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

Delphi เป็นวิธีการวิธีการโครงสร้างเพื่อการวิจัยที่มีการใช้อย่างกว้างขวางในด้านสุขภาพ เพื่อพัฒนานโยบาย ขอบเขตของการปฏิบัติ และ การปฏิบัติ ( ตีนีย์สุข ,แฮสสันและ McKenna , 2011 ; mcilrath ตีนีย์น่า , , , และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ , 2010 ; McKenna ตีนีย์ และ แบรดลี่ย์ , 2003 ) มันประกอบด้วยหมายเลขของขั้นตอน โดยแต่ละอาคารก่อนเวที และใช้กลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จากผู้เชี่ยวชาญต่างๆศึกษาหัวข้อเฉพาะปัญหา หรือคำถาม และเป็นข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับความหมายของหัวข้อนี้ , ปัญหาหรือคำถามที่สร้างองค์ความรู้ใหม่ ( McKenna ตีนีย์ , และแบรดลีย์ , 2003 )