DyslipidaemiaWhile the hypothesis o

Dyslipidaemia
While the hypothesis of a possible link between hypovitaminosis
D and CVD seems evident, data on the role of
vitamin D in regulating blood lipid concentrations (one of
the major risk factors for CVD) are still inconsistent
[17e20]. Moreover, the few intervention trials available
were not able to clearly demonstrate consistent effects of
vitamin D treatment on plasma lipids
A study specifically designed to clarify the relationship
between vitamin D status and metabolic risk factors of CVD,
in healthy individuals without diabetes, showed that serum
25(OH)D levels were inversely associated with multiple
metabolic risk factors including serum low density lipoprotein
cholesterol (LDL-C) levels [24], regardless of body
mass index (BMI), but only in male subjects. Similar results
were obtained by Chiu et al. [25] and by Carbone et al. [20]
Supplementation with calcium and vitamin D showed no
changes in lipid parameters in short-term treatment in
healthy post-menopausal women [17] and in more than 5
years of treatment in the Women’s Health Initiative [21]. By
contrast, a similar study (confounded by a concomitant
weight loss programme) found that calcium and vitamin D
supplementation resulted in significantly decreased serum
LDL-C levels [26], while a randomised controlled trial (RCT)
[21] in overweight subjects found that over 12 months of
vitamin D supplementation resulted in a significant
decrease in serum triglyceride concentrations, but not in
serum LDL-C levels. By contrast, Zittermann et al. [22]
showed in 200 overweight subjects that vitamin D supplementation
was associated with increased LDL levels but
decreased triglycerides. From all the above-reported
studies, it is evident that only large, specifically designed
RCT will be able to clarify possible effects of vitamin D on
plasma lipids.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Dyslipidaemiaในขณะที่สมมติฐานของความสัมพันธ์กันระหว่าง hypovitaminosisD และ CVD ดูเหมือนชัด ข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของวิตามิน D ในการควบคุมความเข้มข้นของไขมันเลือด (หนึ่งในหลักปัจจัยเสี่ยงต่อ CVD) ไม่สอดคล้องกันยังคง[17e20] . Moreover การทดลองการแทรกแซงน้อยมีก็ไม่สามารถที่จะพิสูจน์ให้เห็นผลที่สอดคล้องกันของวิตามินดีรักษาไขมันในพลาสมา การศึกษาที่ออกแบบมาเพื่อชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างสถานะวิตามินดีและเผาผลาญอาหารปัจจัยเสี่ยงของ CVDในบุคคลที่มีสุขภาพไม่มีโรคเบาหวาน พบว่าเซรั่มระดับ 25 (OH) D ถูกเกี่ยวข้องตรงกันข้ามกับหลายปัจจัยเสี่ยงที่เผาผลาญรวมทั้งเซรั่มไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นต่ำระดับไขมัน (LDL-C) [24], โดยไม่คำนึงถึงร่างกายดัชนีมวล (BMI), แต่ในเรื่องชาย ผลที่คล้ายกันได้รับมาจากแต้จิ๋ว et al. [25] และโดยของ Carbone et al. [20]เสริม ด้วยแคลเซียมและวิตามินดีพบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในพารามิเตอร์ไขมันในระยะสั้นการรักษาสุขภาพผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน [17] และ ใน 5 มากกว่าปีของการรักษาในโครงการสุขภาพของผู้หญิง [21] โดยความคมชัด การศึกษาคล้ายกัน (confounded โดยมั่นใจน้ำหนักสูญเสียโปรแกรม) พบว่าแคลเซียม และวิตามินดีเสริมผลในซีรั่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญระดับ LDL-C [26], ในขณะที่การสุ่มทดลอง (RCT)[21] ในวัตถุที่มีน้ำหนักเกินพบว่ามากกว่า 12 เดือนผลการเสริมวิตามินดีก็มีลดลง ในเซรั่มความเข้มข้นของไตรกลีเซอไรด์ แต่ไม่ระดับ LDL-C เซรั่ม โดยคมชัด Zittermann et al. [22]พบในวัตถุที่มีน้ำหนักเกิน 200 ว่าการเสริมวิตามินดีเชื่อมโยงกับระดับ LDL เพิ่มขึ้น แต่ไตรกลีเซอไรด์ลดลง จากทั้งหมดด้านบน-รายงานการศึกษา จะเห็นว่ามีเพียงขนาดใหญ่ ออกแบบมาเฉพาะRCT จะสามารถชี้แจงผลที่เป็นไปได้ของวิตามินดีในพลาสม่าไขมัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ภาวะไขมันในเลือด
ในขณะที่สมมติฐานของการเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่าง hypovitaminosis
D และ CVD ดูเหมือนว่าเห็นได้ชัดข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของ
วิตามินดีในการควบคุมความเข้มข้นของไขมันในเลือด (หนึ่งใน
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับ CVD) ยังคงที่ไม่สอดคล้องกัน
[17e20] นอกจากนี้ยังมีการทดลองการแทรกแซงไม่กี่ที่มีอยู่
ไม่สามารถที่จะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนผลกระทบที่สอดคล้องกันของ
การรักษาวิตามินดีในไขมันพลาสม่า
การศึกษาได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อชี้แจงความสัมพันธ์
ระหว่างสถานะวิตามินดีและปัจจัยเสี่ยงของการเผาผลาญของซีวีดี,
ในบุคคลที่มีสุขภาพดีไม่มีโรคเบาหวานแสดงให้เห็นว่าซีรั่ม
25 ระดับ (OH) D มีความสัมพันธ์ผกผันกับหลาย
ปัจจัยเสี่ยงการเผาผลาญรวมทั้งเซรั่มไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำ
(LDL-C) ระดับ [24] โดยไม่คำนึงถึงร่างกาย
ดัชนีมวลกาย (BMI) แต่เฉพาะในวิชาเพศชาย ผลที่คล้ายกัน
ที่ได้จาก Chiu, et al [25] และ Carbone, et al [20]
ทานอาหารเสริมด้วยแคลเซียมและวิตามินดีพบว่าไม่มี
การเปลี่ยนแปลงในพารามิเตอร์ไขมันในการรักษาในระยะสั้น
เพื่อสุขภาพผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน [17] และในกว่า 5
ปีของการรักษาสุขภาพในการริเริ่มของผู้หญิง [21] โดย
คมชัดศึกษาที่คล้ายกัน (สับสนโดยร่วม
โปรแกรมการลดน้ำหนัก) พบว่าแคลเซียมและวิตามินดี
เสริมผลในการลดลงอย่างมากในซีรั่ม
ระดับ LDL-C [26] ในขณะที่การทดลองควบคุมแบบสุ่ม (RCT)
[21] ในวิชาที่มีน้ำหนักเกินพบ ว่าในช่วง 12 เดือนของ
การเสริมวิตามินดีส่งผลให้มีความสำคัญ
ลดลงในระดับความเข้มข้นของไตรกลีเซอไรด์ในเลือด แต่ไม่ได้อยู่ใน
ระดับ LDL-C เซรั่ม โดยคมชัด Zittermann et al, [22]
แสดงให้เห็นว่าใน 200 อาสาสมัครที่มีน้ำหนักเกินที่เสริมวิตามินดี
มีความสัมพันธ์กับระดับ LDL เพิ่มขึ้น แต่
ลดลงไตรกลีเซอไรด์ จากข้างต้นรายงาน
การศึกษาจะเห็นว่ามีขนาดใหญ่เท่านั้นที่ออกแบบมาเฉพาะ
RCT จะสามารถชี้แจงผลกระทบที่เป็นไปได้ของวิตามินดีใน
ไขมันพลาสม่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความดันโลหิตสูงขณะที่สมมติฐานของการเชื่อมโยงได้ระหว่างอ่อนแรงD และซีวีดี ดูเหมือนจะเห็นข้อมูลในบทบาทของวิตามิน D ในการควบคุมระดับไขมันในเลือด ( หนึ่งปัจจัยเสี่ยงหลักสำหรับ CVD ) ยังไม่สอดคล้อง[ 17e20 ] นอกจากนี้ บางการทดลองของการแทรกแซงไม่สามารถแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนผลที่สอดคล้องกันของวิตามิน D การรักษาไขมันในพลาสมาการศึกษาออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างวิตามิน D และปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดภาวะการเผาผลาญ ,ในบุคคลที่มีสุขภาพดีปราศจากเบาหวาน พบว่าซีรั่มระดับ 25 ( OH ) D ตรงกันข้ามที่เกี่ยวข้องกับหลายปัจจัยความเสี่ยงรวมถึงซีรั่มไลโปโปรตีนความหนาแน่นต่ำคอเลสเตอรอล ( LDL-C ) ระดับ [ 24 ] ไม่ว่าร่างกายดัชนีมวล แต่ในกลุ่มผู้ชาย ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันที่ได้รับโดย Chiu et al . [ 25 ] และโดย Carbone et al . [ 20 ]เสริมแคลเซียม และวิตามิน D พบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงของพารามิเตอร์ในการรักษาระยะสั้นในสุขภาพสตรีวัยหมดประจำเดือนโพสต์ [ 17 ] และในกว่า 5ปีในผู้หญิงริเริ่มสุขภาพ [ 21 ] การรักษา โดยส่วนการศึกษาที่คล้ายกัน ( อับอายโดยผู้ป่วยน้ำหนักโปรแกรมการสูญเสียแคลเซียมและวิตามิน D ) พบว่าการทำให้ลดลงซีรั่มด้วยระดับ [ 26 ] ในขณะที่โรทดลอง ( Razorflame )[ 21 ] ในคนอ้วน พบว่ามากกว่า 12 เดือนวิตามิน D เสริม ส่งผลให้พบลดไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดความเข้มข้น แต่ไม่ใช่ในระดับ LDL-C ในเลือด โดยคมชัด , zittermann et al . [ 22 ]พบว่าในกลุ่มที่เสริมวิตามิน D 200 คนอ้วนมีความสัมพันธ์กับระดับ LDL ลดลงแต่ลดไตรกลีเซอร์ไรด์ . จากทั้งหมดข้างต้น รายงานการศึกษา พบว่ามีขนาดใหญ่ ออกแบบมาเป็นพิเศษRazorflame จะสามารถชี้แจงผลกระทบของวิตามิน D ในพลาสมาลิปิด