Staple Crops Cultivation in Thailan

Staple Crops Cultivation in Thailand
Agricultural land accounts for around 41% of the total land area of Thailand or about 21 million
hectares [7]. Thailand is divided into five regions including North, Northeast, Central, East, and South
covering all 76 provinces. The cultivation patterns and water use by the staple crops in different
regions will be different depending on their respective geographical and climate conditions. Table 1
shows the planted areas of the ten studied crops classified by regions. Rice is grown nationwide and
has the largest plantation area covering around 70% of the plantation areas of the total ten studied
crops. Rice can be classified into two types, i.e., major and second rice. Major rice refers to the rice
grown during the wet season (i.e., May–October), while, the second rice refers to the rice grown in the
dry season (November–April). The largest major rice plantation areas are in the Northeastern region.
However, they do not have second rice due to the lack of irrigation system. Second rice is mainly
grown in the North and Central regions which are well irrigated. In addition, the Northeastern region is
also the main region for cultivation of field crops like cassava and sugarcane. Oil palm is widely
grown in the Southern region where the climate is rainy and humid. This region has about 86% of the
total oil palm plantation areas of the country. Figure 1 shows the actual cropping calendars for the
various crops in different regions of Thailand. This will be used for the calculation of crop water
requirement. The dry and wet seasons have been defined by the Royal Irrigation Department (RID) as
running from November through April and May through October, respectively.
Table 1. Plantation areas of the 10 studied crops classified by region

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพาะปลูกพืชหลักในประเทศไทยบัญชีเกษตรประมาณ 41% ของพื้นที่ทั้งหมด ของไทย หรือประมาณ 21 ล้านเฮคเตอร์ [7] ประเทศไทยแบ่งออกเป็น 5 ภูมิภาคเหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก และใต้ครอบคลุม 76 จังหวัดทั้งหมด รูปแบบการเพาะปลูกและน้ำที่ใช้ โดยพืชหลักในแตกต่างกันจะแตกต่างกันตามสภาพทางภูมิศาสตร์และสภาพภูมิอากาศของแต่ละภูมิภาค ตารางที่ 1แสดงพื้นที่ planted ของพืช studied สิบตามภูมิภาค ข้าวเป็นปลูกทั่วประเทศ และมีศึกษาพื้นที่สวนที่ใหญ่ที่สุดครอบคลุมประมาณ 70% ของพื้นที่สวนรวมสิบพืช ข้าวอาจแบ่งได้เป็นสองชนิด เช่น ข้าวหลัก และสอง วิชาข้าวหมายถึงข้าวปลูกในช่วงฤดูฝน (เช่น พฤษภาคม – ตุลาคม), ขณะ สองข้าวหมายถึงข้าวที่ปลูกในแล้ง (พฤศจิกายน – เมษายน) พื้นที่สวนใหญ่ข้าวที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสานได้อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ข้าวสองขาดระบบชลประทาน ข้าวสองเป็นส่วนใหญ่ปลูกในภาคเหนือและกลางที่มีชลประทานดี แห่ง ภาคตะวันออกคือยัง ภูมิภาคหลักสำหรับการปลูกพืชไร่เช่นมันสำปะหลังและอ้อย ปาล์มน้ำมันเป็นอย่างกว้างขวางเติบโตในสภาพภูมิอากาศชื้น และฝนตกในภาค ภูมิภาคนี้มีประมาณ 86% ของการพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันรวมของประเทศ รูปที่ 1 แสดงปฏิทินครอบจริงสำหรับการพืชต่าง ๆ ในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย นี้จะใช้สำหรับการคำนวณของพืชน้ำความต้องการ ฤดูกาลแห้ง และเปียกได้กำหนดไว้โดยการรอยัลชลประทานกรม (RID) เป็นทำงานเดือนพฤศจิกายนเมษายนอาจผ่านเดือนตุลาคม ตามลำดับตารางที่ 1 ไร่พื้นที่พืชผล studied 10 ตามภูมิภาค

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเพาะปลูกพืชหลักในประเทศไทยบัญชีที่ดินการเกษตรประมาณ 41% ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศไทยหรือประมาณ 21 ล้านเฮกตาร์[7] ประเทศไทยแบ่งออกเป็นห้าภูมิภาครวมทั้งภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคกลางภาคตะวันออกและภาคใต้ครอบคลุมทุก 76 จังหวัด รูปแบบการเพาะปลูกและการใช้น้ำจากพืชที่แตกต่างกันหลักในภูมิภาคจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับตนทางภูมิศาสตร์และสภาพภูมิอากาศ ตารางที่ 1 แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ที่ปลูกในสิบของพืชศึกษาจำแนกตามภูมิภาค ข้าวที่ปลูกทั่วประเทศและมีพื้นที่เพาะปลูกที่ใหญ่ที่สุดครอบคลุมประมาณ 70% ของพื้นที่ปลูกทั้งหมดสิบศึกษาพืช ข้าวสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทคือข้าวนาปีและครั้งที่สอง ข้าวที่สำคัญหมายถึงข้าวที่ปลูกในช่วงฤดูฝน (คือเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม) ในขณะที่ข้าวที่สองหมายถึงข้าวที่ปลูกในที่ฤดูแล้ง(เดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน) ที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่สำคัญอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. แต่พวกเขาไม่ได้มีข้าวที่สองเกิดจากการขาดระบบชลประทาน ข้าวที่สองเป็นส่วนใหญ่ปลูกในภาคเหนือและภาคกลางซึ่งเป็นอย่างดีในเขตชลประทาน นอกจากนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นยังภูมิภาคหลักสำหรับการเพาะปลูกพืชไร่เช่นอ้อยมันสำปะหลังและ ปาล์มน้ำมันกันอย่างแพร่หลายที่ปลูกในภาคใต้ที่สภาพภูมิอากาศที่มีฝนตกและชื้น ภาคนี้มีประมาณ 86% ของน้ำมันรวมพื้นที่ปลูกปาล์มของประเทศ รูปที่ 1 แสดงปฏิทินการปลูกพืชที่เกิดขึ้นจริงสำหรับพืชต่างๆ ในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย นี้จะถูกนำมาใช้ในการคำนวณน้ำพืชต้องการ ฤดูกาลที่แห้งและเปียกได้รับการกำหนดโดยกรมชลประทาน (RID) ในขณะที่วิ่งออกมาจากเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายนและพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมตามลำดับ. ตารางที่ 1 พื้นที่ปลูกพืชที่ศึกษา 10 จำแนกตามภูมิภาค

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การปลูกพืชหลักในบัญชี ที่ดินเพื่อการเกษตรประเทศไทย
ประมาณ 41 % ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ หรือประมาณ 21 ล้าน
ไร่ [ 7 ] ประเทศไทย แบ่งเป็น 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก และใต้
ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัด รูปแบบและการใช้น้ำ โดยการปลูกพืชหลักในที่แตกต่างกัน
ภูมิภาคจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแต่ละสภาพทางภูมิศาสตร์และภูมิอากาศ ตารางที่ 1 แสดงพื้นที่ปลูก
ของสิบศึกษาพืชจำแนกตามภูมิภาค เป็นข้าวที่ปลูกในประเทศ และมีพื้นที่ใหญ่ที่สุด
ไร่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 70% ของพื้นที่ทั้งหมดของสิบเรียน
พืช ข้าวสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ หลักและข้าว 2ข้าวที่สำคัญ หมายถึง ข้าวที่ปลูกในช่วงฤดูฝน
( เช่น อาจ–ตุลาคม ) ในขณะที่ ข้าวสอง หมายถึง การปลูกข้าวในฤดูแล้ง ( พฤศจิกายน - เมษายน
) ที่ใหญ่ที่สุดในการปลูกข้าว พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ .
แต่พวกเขาไม่ได้มีข้าวนาปรัง เนื่องจากขาดระบบชลประทาน ข้าวเป็นหลัก
2ที่ปลูกในภาคเหนือและภาคกลางซึ่งเป็นเขตชลประทาน . นอกจากนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคหลัก
ยังสำหรับการเพาะปลูกพืชไร่ เช่น มันสำปะหลัง และอ้อย น้ำมันปาล์มอย่างกว้างขวาง
ปลูกในภาคใต้ที่สภาพอากาศฝนตกและชื้น ภูมิภาคนี้มีประมาณร้อยละ 86 ของ
รวมปาล์มน้ำมัน พื้นที่ของประเทศรูปที่ 1 แสดงให้เห็นจริงปลูกปฏิทินสำหรับ
พืชต่าง ๆ ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย นี้จะถูกใช้สำหรับการคำนวณความต้องการน้ำ
พืช ฤดูแห้งและเปียกได้ถูกกำหนดโดยกรมชลประทาน ( RID )
วิ่งจากพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน และเดือนพฤษภาคม ถึงตุลาคม ตามลำดับ
โต๊ะ 1 ไร่พื้นที่ของ 10 ศึกษาพืชจำแนกตามภูมิภาค