Although hormonal contraceptives ma

Although hormonal contraceptives may help acne or worsen it, there is limited evidence on the effects of many commonly prescribed agents. The present study evaluates patient-reported effect on acne from 2147 patients who were utilizing a hormonal contraceptive at the time of their initial consultation for acne.

METHODS:
At the time of initial consultation for acne, each of 2147 consecutive patients using hormonal contraception provided her assessment of how her contraceptive had affected her acne. The Kruskal-Wallis test and logistic regression analysis were used to compare patient-reported outcomes by contraceptive type.

RESULTS:
Depot injections, subdermal implants, and hormonal intrauterine devices worsened acne on average, and were inferior to the vaginal ring and combined oral contraceptives (COCs; P ≤ .001 for all pairwise comparisons), which improved acne on average. Within COC categories, a hierarchy emerged based on the progestin component, where drospirenone (most helpful) > norgestimate and desogestrel > levonorgestrel and norethindrone (P ≤ .035 for all pairwise comparisons). The presence of triphasic progestin dosage in COCs had a positive effect (P = .005), while variation in estrogen dose did not have a significant effect (P = .880).

CONCLUSIONS:
Different hormonal contraceptives have significantly varied effects on acne, including among types of COC.

J Drugs Dermatol. 2016;15(6):670-674.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ถึงแม้ว่าฮอร์โมนคุมกำเนิดอาจช่วยรักษาสิว หรือเลวลงได้ มีหลักฐานจำกัดเกี่ยวกับผลกระทบของตัวแทนที่กำหนดโดยทั่วไปมากมาย การศึกษาประเมินผลรายงานผู้ป่วยสิวจาก 2147 ผู้ป่วยที่ได้ใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดในระหว่างการปรึกษาหารือเบื้องต้นสำหรับสิววิธีการ:ในเวลาเริ่มต้นให้คำปรึกษาสำหรับสิว แต่ละของผู้ป่วยต่อเนื่องที่ 2147 ใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดให้เธอประเมินของวิธีคุมกำเนิดของเธอได้ผลกระทบของสิว ทดสอบ Kruskal- และวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกถูกใช้เพื่อเปรียบเทียบผู้ป่วยที่มีรายงานผล โดยคุมกำเนิดชนิดผลลัพธ์:ฉีด depot เทียมหนังแท้ อุปกรณ์ และฮอร์โมน intrauterine แย่ลงสิวเฉลี่ย ด้อยกว่าแหวนช่องคลอด และถูกรวมคุม (COCs P ≤.001 สำหรับเปรียบเทียบทั้งหมดที่แพร์ไวส์), ซึ่งดีขึ้นสิวโดยเฉลี่ย ภายใน COC ประเภท ลำดับชั้นโผล่ออกมาตามลักษณะส่วนประกอบ ที่ drospirenone (มีประโยชน์มากที่สุด) > norgestimate และ desogestrel > levonorgestrel และ norethindrone (P ≤.035 สำหรับเปรียบเทียบแพร์ไวส์ทั้งหมด) การปรากฏตัวของยาโปรเจสตินที่ triphasic ใน COCs ได้ผลดี (P =.005), ในขณะที่เปลี่ยนแปลงในปริมาณฮอร์โมนไม่มีผล (P =.880).สรุป:ฮอร์โมนคุมกำเนิดแตกต่างกันมีนัยสำคัญแตกต่างกันผลรวมระหว่างชนิดของ COC สิว J Dermatol ยาเสพติด 2016; 15 (6): 670-674

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แม้ว่าฮอร์โมนคุมกำเนิดอาจช่วยให้สิวหรือเลวลงมันมีหลักฐาน จำกัด เกี่ยวกับผลกระทบของหลายตัวแทนที่กำหนดทั่วไป การศึกษาครั้งนี้จะประเมินผลการรายงานผู้ป่วยในการรักษาสิวจากผู้ป่วย 2,147 คนที่ถูกใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดในเวลาของการให้คำปรึกษาเบื้องต้นของพวกเขาสำหรับสิว. วิธีการ: ช่วงเวลาของการให้คำปรึกษาเบื้องต้นสำหรับการรักษาสิวแต่ละของผู้ป่วยต่อเนื่อง 2147 โดยใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดที่มีให้เธอ การประเมินผลของวิธีการคุมกำเนิดของเธอได้รับผลกระทบจากสิวของเธอ การทดสอบ Kruskal-วาลลิสและการวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติกถูกนำมาใช้เพื่อเปรียบเทียบผลการรายงานผู้ป่วยตามประเภทคุมกำเนิด. ผลการศึกษา: การฉีด Depot, รากฟันเทียม subdermal และอุปกรณ์มดลูกฮอร์โมนแย่ลงสิวโดยเฉลี่ยแล้วก็ด้อยกว่าแหวนช่องคลอดและยาคุมกำเนิดรวม ( CoCs; P ≤ 001 สำหรับการเปรียบเทียบจากจำนวนทั้งหมด) ซึ่งดีขึ้นสิวโดยเฉลี่ย ภายในประเภท COC, ลำดับชั้นโผล่ออกมาขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ progestin ที่ drospirenone (ที่เป็นประโยชน์มากที่สุด)> norgestimate และ desogestrel> levonorgestrel และ norethindrone ( P ≤ 0.035 สำหรับการเปรียบเทียบจากจำนวนทั้งหมด) การปรากฏตัวของปริมาณ progestin triphasic ใน CoCs มีผลบวก ( P = 0.005) ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงในปริมาณสโตรเจนไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ( P = 0.880). สรุปฮอร์โมนคุมกำเนิดที่แตกต่างกันมีผลกระทบที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในการเกิดสิวรวมทั้ง หมู่ประเภท COC. J ยาเสพติด Dermatol 2016; 15 (6): 670-674