INTRODUCTIONAcne vulgaris is one of

INTRODUCTION
Acne vulgaris is one of the most common skin diseases which can result in comedos or
severe inflammatory lesions in the face, back and chest with a large number of sebaceous follicles
and the conditions of the disease is associated with the elevated rate of sebum excretion (Leyden
and Kligman, 1976). Sebum, which is accumulated in the pilosebaceous channel, facilitates the
proliferation of skin bacteria (Armold et al.,1990). Staphylococcus epidermidis and Propionibacterium
acnes have been recognized as major skin bacteria that cause the formation of acne comedos
(Leyden and Kligman, 1976). In addition, these bacteria including Staphylococcus aureus have the
ability to synthesize lipases that degrade sebum triglycerides into free fatty acids which trigger
inflammatory responses (Armold et al., 1990; Leyden and Kligman,1976). For many years, antibiotics
have been used to treat acne vulgaris, however, antibiotic resistance has been increasing in
prevalence within the dermatologic setting (Swanson, 2003). To overcome the problem of antibiotic
resistance, medicinal plants have been extensively studied as alternative treatments for diseases.
Mangosteen (Garcinia mangostana L.) is medicinal plants and is widely grown throughout the
Southeast Asian countries. The ethanolic fruit peel extracts from Mangosteen (Garcinia mangostana
L.) have more potential for inhibited acne - causing bacteria (Sukatta et al., 2006; Chomnawang et al.,
2005). The aims of this study were to develop anti-acne gel from mangosteen crude extract and to
investigate antibacterial activity of anti-acne gel

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

INTRODUCTIONAcne vulgaris is one of the most common skin diseases which can result in comedos orsevere inflammatory lesions in the face, back and chest with a large number of sebaceous folliclesand the conditions of the disease is associated with the elevated rate of sebum excretion (Leydenand Kligman, 1976). Sebum, which is accumulated in the pilosebaceous channel, facilitates theproliferation of skin bacteria (Armold et al.,1990). Staphylococcus epidermidis and Propionibacteriumacnes have been recognized as major skin bacteria that cause the formation of acne comedos(Leyden and Kligman, 1976). In addition, these bacteria including Staphylococcus aureus have theability to synthesize lipases that degrade sebum triglycerides into free fatty acids which triggerinflammatory responses (Armold et al., 1990; Leyden and Kligman,1976). For many years, antibioticshave been used to treat acne vulgaris, however, antibiotic resistance has been increasing inprevalence within the dermatologic setting (Swanson, 2003). To overcome the problem of antibioticresistance, medicinal plants have been extensively studied as alternative treatments for diseases.Mangosteen (Garcinia mangostana L.) is medicinal plants and is widely grown throughout theSoutheast Asian countries. The ethanolic fruit peel extracts from Mangosteen (Garcinia mangostanaL.) have more potential for inhibited acne - causing bacteria (Sukatta et al., 2006; Chomnawang et al.,2005) ด้วยจุดมุ่งหมายของการศึกษานี้ได้พัฒนาเจต่อต้านสิว จากสารสกัดหยาบของมังคุด และการตรวจสอบกิจกรรมของเจป้องกันสิวต้านเชื้อแบคทีเรีย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทนำสิวเป็นหนึ่งในที่พบมากที่สุดโรคผิวหนังซึ่งจะส่งผลใน comedos หรือแผลอักเสบรุนแรงในหน้าหลังและหน้าอกที่มีจำนวนมากของรูขุมไขมันและเงื่อนไขของการเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับอัตราสูงของการขับถ่ายไขมัน( เลย์เดนสันและคลิกแมน, 1976) ไขมันที่สะสมในช่อง pilosebaceous, อำนวยความสะดวกในการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง(Armold et al., 1990) Staphylococcus epidermidis และ Propionibacterium สิวได้รับการยอมรับว่าเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังที่สำคัญที่ก่อให้เกิดการก่อตัวของสิว comedos (เลย์เดนสันและคลิกแมน, 1976) นอกจากนี้แบคทีเรียเหล่านี้รวมทั้งเชื้อ Staphylococcus aureus มีความสามารถในการสังเคราะห์เอนไซม์ไลเปสที่ย่อยสลายไขมันไตรกลีเซอไรด์เป็นกรดไขมันอิสระที่ก่อให้เกิดการตอบสนองการอักเสบ(Armold, et al, 1990;. เลย์เดนสันและคลิกแมน, 1976) หลายปีที่ผ่านยาปฏิชีวนะได้รับการใช้ในการรักษาสิวแต่ความต้านทานยาปฏิชีวนะได้รับการเพิ่มขึ้นในความนิยมกันอย่างแพร่หลายในการตั้งค่าผิวหนัง(สเวนสัน, 2003) ที่จะเอาชนะปัญหาของยาปฏิชีวนะต้านทานพืชสมุนไพรที่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวางในขณะที่การรักษาทางเลือกสำหรับโรค. มังคุด (Garcinia mangostana L. ) เป็นพืชสมุนไพรและปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปลือกสารสกัดเอทานอลจากผลไม้มังคุด (Garcinia mangostana L. ) มีศักยภาพมากขึ้นสำหรับการรักษาสิวยับยั้ง - แบคทีเรียที่ทำให้เกิด (Sukatta et al, 2006;.. Chomnawang, et al, 2005) จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้มีการพัฒนาเจลป้องกันสิวจากสารสกัดมังคุดและเพื่อตรวจสอบฤทธิ์ต้านแบคทีเรียเจลป้องกันสิว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทนำ
สิวเป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งอาจส่งผลให้ comedos หรือแผลอักเสบ
รุนแรงในหน้า หลัง และ หน้าอก ด้วยตัวเลขขนาดใหญ่ของต่อมไขมันรูขุมขน
และสภาวะของโรคที่เกี่ยวข้องกับอัตราการเพิ่มขึ้นของไขมัน ( และการขับถ่าย Leyden
kligman , 1976 ) ความมันที่สะสมในช่อง
ไพโลซีบาซัล อำนวยความสะดวกการแพร่กระจายของแบคทีเรียที่ผิวหนัง ( armold et al . , 1990 ) Propionibacterium acnes และ Staphylococcus
อาหารได้รับการยอมรับเป็นผิวหนังแบคทีเรียหลักที่ก่อให้เกิดการก่อตัวของสิว comedos
( เลย์เด้น และ kligman , 1976 ) นอกจากนี้เหล่านี้รวมทั้ง Staphylococcus aureus แบคทีเรียมีความสามารถในการสังเคราะห์ไลเปสที่
ลดไตรกลีเซอไรด์ในไขมัน กรดไขมันอิสระที่กระตุ้น
การตอบสนองการอักเสบ ( armold et al . , 1990 ; เลเด้น และ kligman , 1976 ) เป็นเวลาหลายปี , ยาปฏิชีวนะ
ได้ถูกใช้ในการรักษาสิว แต่ต้านทานยาปฏิชีวนะที่ได้รับการเพิ่มขึ้นในความชุกในการตั้งค่า
Dermatologic ( Swanson , 2003 ) เพื่อเอาชนะปัญหาของความต้านทานยาปฏิชีวนะ
, สมุนไพรได้รับอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการรักษาทางเลือกสำหรับโรค .
มังคุด ( Garcinia mangostana L . ) เป็นพืชสมุนไพร และเป็นที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่ว
ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( สารสกัดจากมังคุด ที่เปลือก ( เปลือกมังคุด
L . ) มีศักยภาพยับยั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวได้ ( sukatta et al . , 2006 ;
chomnawang et al . , 2005 ) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาเจลแต้มสิวจากสารสกัดเปลือกมังคุด และ

ศึกษาฤทธิ์ต้านแบคทีเรียของเจลแต้มสิว