One of the most important and influ

One of the most important and influential interpretations of moral rights is based on the work of Immanuel Kant, an eighteenth century philosopher. Kant maintained that each of us has a worth or a dignity that must be respected. This dignity makes it wrong for others to abuse us or to use us against our will. Kant expressed this idea in a moral principle: humanity must always be treated as an end, not merely as a means. To treat a person as a mere means is to use a person to advance one's own interest. But to treat a person as an end is to respect that person's dignity by allowing each the freedom to choose for himself or herself.
Kant's principle is often used to justify both a fundamental moral right, the right to freely choose for oneself, and also rights related to this fundamental right. These related rights can be grouped into two broad categories—negative and positive rights. Negative rights, such as the right to privacy, the right not to be killed, or the right to do what one wants with one's property, are rights that protect some form of human freedom or liberty, . These rights are called negative rights because such rights are a claim by one person that imposes a "negative" duty on all others—the duty not to interfere with a person's activities in a certain area. The right to privacy, for example, imposes on us the duty not to intrude into the private activities of a person.
Kant's principle is also often used to justify positive or, as they are often called, welfare rights. Where negative rights are "negative" in the sense that they claim for each person a zone of non-interference from others, positive rights are "positive" in the sense that they claim for each person the positive assistance of others in fulfilling basic constituents of human well-being like health and education. In moral and political philosophy, these basic human needs are often referred to as "welfare" concerns (thus this use of the term "welfare" is similar to but not identical with the common American usage of "welfare" to refer to government payments to the poor). Many people argue that a fundamental right to freedom is worthless if people aren't able to exercise that freedom. A right to freedom, then, implies that every human being also has a fundamental right to what is necessary to secure a minimum level of well being. Positive rights, therefore, are rights that provide something that people need to secure their well being, such as a right to an education, the right to food, the right to medical care, the right to housing, or the right to a job. Positive rights impose a positive duty on us—the duty actively to help a person to have or to do something. A young person's right to an education, for example, imposes on us a duty to provide that young person with an education. Respecting a positive right, then requires more than merely not acting; positive rights impose on us the duty to help sustain the welfare of those who are in need of help.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หนึ่งในที่สุดความสำคัญ และมีอิทธิพลตีความสิทธิทางศีลธรรมจะขึ้นอยู่กับการทำงานของชาติอิมมานูเอล Kant ที่นักปราชญ์ศตวรรษ eighteenth Kant รักษาว่า เราแต่ละคนมีคุ้มค่าหรือศักดิ์ศรีที่ต้องยอมรับ ศักดิ์ศรีนี้ทำผิดผู้อื่นโจมตีเรา หรือใช้บริการของเรากับของเราจะ Kant แสดงความคิดนี้ในหลักคุณธรรม: มนุษยชาติต้องเสมอถือว่าเป็นการสิ้นสุด ไม่เพียงแต่เป็นวิธีการ การรักษาคนเป็นเพียง หมายความว่าจะใช้คนหนึ่งของดอกเบี้ยล่วงหน้า แต่การรักษาคนเป็นยุติคือการ เคารพศักดิ์ศรีของบุคคลนั้น โดยให้อิสระในการเลือกสำหรับตัวเองแต่ละมักใช้หลักการของ Kant การทั้งพื้นฐานคุณธรรมสิทธิ สิทธิที่จะเลือกได้อย่างอิสระในตัว และสิทธิที่เกี่ยวข้องกับสิทธิขั้นพื้นฐานนี้ เหล่านี้เกี่ยวข้องสิทธิสามารถจัดกลุ่มเป็นประเภทอย่างกว้าง ๆ สอง — สิทธิค่าบวก และค่าลบ ลบสิทธิ์ เช่นสิทธิความเป็นส่วนตัว ด้านขวาไม่ให้ถูกฆ่า หรือถูกต้องสิ่งหนึ่งต้อง มีของคุณสมบัติ มีสิทธิที่รักษารูปแบบของมนุษย์อิสรภาพหรือเสรีภาพ สิทธิเหล่านี้เรียกว่าลบสิทธิ เพราะสิทธิดังกล่าวเป็นข้อเรียกร้อง โดยคนที่กำหนดหน้าที่อื่น ๆ ทั้งหมด "ติดลบ" ซึ่งจะทำหน้าที่ไม่รบกวนกิจกรรมของคนในพื้นที่บางอย่าง สิทธิความเป็นส่วนตัว เช่น กำหนดเราจะทำหน้าที่ไม่เข้ามาก้าวก่ายในกิจกรรมส่วนตัวของบุคคลนั้นยังมักใช้หลักการของ Kant การบวกหรือ ตามที่พวกเขามักเรียก ว่า สิทธิสวัสดิการ ลบสิทธิ์ที่จะ "ลบ" ในแง่ที่ว่า พวกเขาอ้างสำหรับบุคคลแต่ละโซนไม่สัญญาณรบกวนจากผู้อื่น บวกสิทธิเป็น "บวก" ในแง่ที่ว่า พวกเขาเรียกร้องสำหรับแต่ละคนบวกความช่วยเหลือจากผู้อื่นสนอง constituents พื้นฐานของมนุษย์เป็นอยู่เช่นสุขภาพและการศึกษา ในปรัชญาทางศีลธรรม และการเมือง ความต้องการมนุษย์พื้นฐานเหล่านี้มักจะอย่างเป็นกังวล "สวัสดิการ" (ใช้คำว่า "สวัสดิภาพ" จึงเหมือนกับ แต่ไม่เหมือนกับใช้ "สวัสดิการ" เพื่ออ้างถึงรัฐบาลชำระเงินให้คนจนอเมริกันทั่วไป) หลายคนโต้เถียงว่า สิทธิพื้นฐานในอิสรภาพสามหาวถ้าคนไม่สามารถออกกำลังกายที่เป็นอิสระ สิทธิในอิสรภาพ แล้ว หมายถึงว่า มนุษย์ทุกแห่งมีสิทธิพื้นฐานที่จะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาความปลอดภัยระดับต่ำสุดของ บวกสิทธิ์ ดังนั้น มีสิทธิที่มีบางคนที่ต้องการรักษาความปลอดภัยของพวกเขาเป็น เช่นขวาเพื่อการศึกษา ด้านขวาเพื่ออาหาร สิทธิในการดูแลทางการแพทย์ สิทธิในการอยู่อาศัย หรือด้านขวาเพื่องาน บวกภาษีบวกเรากำหนดสิทธิ-หน้าที่อย่างแข็งขันเพื่อช่วยให้บุคคลได้ หรือ จะทำอะไร คนหนุ่มสาวของสิทธิในการศึกษา ตัวอย่าง กำหนดเราหน้าที่ที่คนหนุ่มสาวมีการศึกษา เคารพสิทธิ์บวก แล้วต้องมากกว่าไม่เพียงทำหน้าที่ กำหนดสิทธิบวกเราจะทำหน้าที่ช่วยรักษาสวัสดิภาพของผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หนึ่งในการตีความสิ่งที่สำคัญที่สุดและมีอิทธิพลของสิทธิทางศีลธรรมจะขึ้นอยู่กับการทำงานของจิตวิทยานักปรัชญาศตวรรษที่สิบแปด คานท์ยืนยันว่าเราแต่ละคนมีมูลค่าหรือศักดิ์ศรีที่ต้องได้รับการเคารพ ศักดิ์ศรีนี้จะทำให้มันไม่ถูกต้องสำหรับคนอื่น ๆ ที่จะละเมิดเราหรือเราจะใช้กับความประสงค์ของเรา คานท์แสดงความคิดนี้ในหลักการทางศีลธรรม: มนุษย์จะต้องได้รับการรักษามักจะเป็นที่สิ้นสุดไม่เพียง แต่เป็นวิธีการ ในการรักษาคนที่เป็นเพียงวิธีการคือการใช้คนที่จะก้าวไปสู่ความสนใจของตัวเอง แต่การที่จะรักษาคนที่เป็นจุดสิ้นสุดคือการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลนั้นโดยให้แต่ละคนมีอิสระในการเลือกให้กับตัวเองหรือตัวเองก.
หลักการของคานท์มักจะถูกนำมาใช้เพื่อแสดงให้เห็นถึงทั้งสิทธิทางศีลธรรมพื้นฐานสิทธิที่จะได้อย่างอิสระเลือกสำหรับตัวเองและยังสิทธิ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิขั้นพื้นฐานนี้ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทกว้างเชิงลบและสิทธิในเชิงบวก สิทธิในเชิงลบเช่นสิทธิความเป็นส่วนตัวขวาไม่ได้ที่จะถูกฆ่าตายหรือขวาเพื่อทำในสิ่งที่ใครอยากมีสถานที่หนึ่งของสิทธิที่ปกป้องเสรีภาพในรูปแบบของมนุษย์หรือเสรีภาพบาง สิทธิเหล่านี้เรียกว่าสิทธิเชิงลบเพราะสิทธิดังกล่าวมีการเรียกร้องจากคนคนหนึ่งที่มีการกำหนดเป็น "เชิงลบ" หน้าที่กับคนอื่น ๆ ที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมของคนในบางพื้นที่ สิทธิส่วนบุคคลตัวอย่างเช่นเรียกเก็บกับเรามีหน้าที่ที่จะไม่ก้าวก่ายเข้าไปในกิจกรรมส่วนตัวของบุคคล.
หลักการของคานท์ก็มักจะใช้ในการปรับบวกหรือเช่นที่พวกเขามักจะเรียกว่าสิทธิสวัสดิการ ในกรณีที่สิทธิลบ "เชิงลบ" ในแง่ที่ว่าพวกเขาเรียกร้องสำหรับแต่ละบุคคลโซนของการไม่แทรกแซงจากคนอื่น ๆ สิทธิบวก "บวก" ในความรู้สึกที่พวกเขาเรียกร้องแต่ละคนที่ให้ความช่วยเหลือในเชิงบวกของคนอื่น ๆ ในการปฏิบัติตามองค์ประกอบพื้นฐานของ มนุษย์เป็นอยู่ที่ดีเช่นเดียวกับสุขภาพและการศึกษา ในปรัชญาการเมืองและความต้องการของมนุษย์เหล่านี้พื้นฐานมักจะเรียกว่า "สวัสดิการ" ความกังวล (เช่นการใช้คำนี้ "สวัสดิการ" เป็นที่คล้ายกัน แต่ไม่เหมือนกันกับการใช้งานของชาวอเมริกันร่วมกันของ "สวัสดิการ" ในการอ้างถึงการชำระเงินของรัฐบาลในการ ที่น่าสงสาร). หลายคนอ้างว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะมีเสรีภาพจะไร้ค่าถ้าคนไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพที่ สิทธิเสรีภาพ A, แล้วก็หมายความว่ามนุษย์ทุกคนนอกจากนี้ยังมีสิทธิขั้นพื้นฐานกับสิ่งที่มีความจำเป็นเพื่อรักษาความปลอดภัยระดับต่ำสุดของความเป็นอยู่ สิทธิบวกจึงมีสิทธิที่ให้สิ่งที่ผู้คนจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยอย่างดีของพวกเขาถูกเช่นสิทธิในการศึกษามีสิทธิที่จะได้อาหารที่มีสิทธิในการรักษาพยาบาลที่มีสิทธิในการอยู่อาศัยหรือขวาเพื่องานที่ สิทธิบวกกำหนดหน้าที่เชิงบวกเกี่ยวกับเราที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันที่จะช่วยให้คนที่จะมีหรือที่จะทำอะไร สิทธิของคนหนุ่มสาวที่จะศึกษาตัวอย่างเช่นเรียกเก็บกับเรามีหน้าที่ที่จะให้คนหนุ่มสาวที่มีการศึกษา เคารพสิทธิบวกแล้วต้องมีมากกว่าเพียงแค่ไม่ได้ทำหน้าที่; สิทธิบวกเรากำหนดหน้าที่ในการช่วยรักษาสวัสดิภาพของผู้ที่อยู่ในความต้องการของความช่วยเหลือ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หนึ่งในที่สำคัญที่สุดและมีอิทธิพลต่อการตีความสิทธิทางศีลธรรมจะขึ้นอยู่กับการทำงานของอิงมาร์ เบิร์กแมน , คริสต์ศตวรรษที่ 18 นักปรัชญา คานต์ไว้ว่าเราแต่ละมีมูลค่า หรือ ศักดิ์ศรี ที่ต้องได้รับการเคารพ ศักดิ์ศรีมันผิดสำหรับคนอื่น ๆที่จะมาทำร้ายเรา หรือ ใช้เรา เราไม่อยาก คานท์แสดงความคิดนี้ในหลักจริยธรรมมนุษยชาติต้องถือว่าเป็นการสิ้นสุด ไม่เพียงเป็นวิธี การรักษาคนเป็นเพียงหมายถึงการใช้คนล่วงหน้า ไม่มีใครสนใจ แต่การรักษาคนเป็นจุดสิ้นสุดคือการเคารพศักดิ์ศรีของคนคนนั้น โดยให้แต่ละอิสระที่จะเลือกสำหรับตัวเองหรือตัวเธอ
คานท์เป็นหลัก มักใช้เพื่ออธิบายทั้งพื้นฐานทางจริยธรรม สิทธิ , สิทธิที่จะได้อย่างอิสระเลือกตนเองและสิทธิที่เกี่ยวข้องกับสิทธิขั้นพื้นฐานนี้ เหล่านี้เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทกว้างบวกและลบสิทธิ์ สิทธิเชิงลบ เช่น สิทธิความเป็นส่วนตัว , สิทธิที่จะไม่ถูกฆ่า หรือสิทธิที่จะทำสิ่งที่เราต้องการด้วยทรัพย์สิน เป็นสิทธิที่ปกป้องบางรูปแบบของเสรีภาพของมนุษย์หรือเสรีภาพ .สิทธิเหล่านี้จะเรียกว่าเป็นลบ เพราะสิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิเรียกร้อง โดยคนหนึ่งเก็บ " ภาษีเชิงลบ " ในทุกๆ หน้าที่ ที่จะไม่กระทบกับกิจกรรมของบุคคลในบางพื้นที่ สิทธิความเป็นส่วนตัว เช่น เก็บภาษีเราหน้าที่ที่จะไม่บุกรุกเข้าไปในกิจกรรมส่วนตัวของบุคคล หลักการ
คานท์ยังมักจะใช้เพื่อปรับบวกหรือเช่นที่พวกเขามักจะเรียกว่า สวัสดิการ สิทธิ ที่ไหนมีสิทธิลบ " ลบ " ในความรู้สึกที่พวกเขาอ้างว่าคนละโซนของหลักการไม่แทรกแซงจากผู้อื่น สิทธิบวกเป็น " บวก " ในความรู้สึกที่พวกเขาเรียกร้องให้แต่ละคนช่วยเหลือบวกของผู้อื่นในการตอบสนองพื้นฐานองค์ประกอบของมนุษย์ ความเป็นอยู่ เช่น สุขภาพ และการศึกษา ในศีลธรรมและปรัชญาการเมืองเหล่านี้ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่มักจะเรียกว่า " สวัสดิการ " ความกังวล ( จึงใช้คำว่า " สวัสดิการ " คล้ายๆ แต่ไม่เหมือนกันกับการใช้งานของชาวอเมริกันทั่วไปของ " สวัสดิการ " หมายถึง เงินที่รัฐบาลให้คนจน ) หลายคนยืนยันว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานเพื่อเสรีภาพจะไร้ค่า ถ้าคนไม่สามารถออกกำลังกายที่เป็นอิสระ สิทธิที่จะเป็นอิสระแล้วแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิขั้นพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรักษาความปลอดภัยระดับต่ำสุด ของถูกดี บวกสิทธิมนุษยชนจึงเป็นสิทธิที่ให้สิ่งที่คนต้องการเพื่อรักษาความปลอดภัยของพวกเขาเป็นอย่างดี เช่น สิทธิในการศึกษา สิทธิในการอาหาร สิทธิในการรักษาพยาบาล สิทธิในที่อยู่อาศัย หรือสิทธิที่จะทำงานสิทธิบวกกำหนดหน้าที่บวกเราหน้าที่อย่างแข็งขันในการช่วยคน มีหรือที่จะทำบางอย่าง หนุ่มคนขวาเพื่อการศึกษา เช่น เก็บภาษีเราต้องให้เด็กหนุ่มที่มีการศึกษา เคารพในสิทธิทางบวก ก็ต้องมีมากกว่าเพียงแค่ไม่แสดง ;สิทธิบวกมาบังคับเรา หน้าที่ ที่จะช่วยรักษาสวัสดิภาพของผู้ที่อยู่ในความต้องการของความช่วยเหลือ