A Balance of the Two Personally, I

A Balance of the Two Personally, I believe that a balance of both mindsets is needed, and the middle ground is best. The wealthier you are, the more obligated you are to other people and in turn their events, functions, etc. You live under a microscope. You may be able to buy the things you want, but you are unable to truly be you, not without sacrifice. Being poor is a struggle. Many poor struggle with mental health issues, and are unable to move ahead because of having to sacrifice one or the other. School or work so I can have a home? Drive a car so I don't have to walk 10 miles to work in the rain, or pay ridiculous insurance rates and worry about breakdowns, which may cost me my job once I lose reliable transportation. There is always a sacrifice when you're poor. If you think in the middle, you can be happy and responsible with your money, and humble. You won't self sacrifice, but you'll definitely help others from the heart and know how to remain down to earth. So in conclusion, being wealthier is better, but I think there is a stopping point if you want to be happy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สมดุลของการสองตัว ผมเชื่อว่า ความสมดุลของทั้งสอง mindsets จำเป็น และพื้นกลางที่ดีสุด Wealthier ที่คุณเป็น กระทำมากคุณเป็นคนอื่น และในกิจกรรมของพวกเขา ฟังก์ชัน ฯลฯ คุณอาศัยอยู่ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ คุณสามารถซื้อสิ่งที่คุณต้องการ แต่คุณไม่สามารถอย่างแท้จริงเป็นคุณ ไม่โดยไม่ต้องเสียสละ กำลังไม่ดีคือ การต่อสู้ หลายคนยากจนต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต และไม่สามารถย้ายล่วงหน้าเนื่องจากมีการเสียสละอีกอย่างหนึ่ง โรงเรียน หรือที่ทำให้ได้บ้านหรือไม่ ขับรถได้เดิน 10 ไมล์ทำงานในสายฝน หรือจ่ายราคาประกันที่ไร้สาระ และกังวลเกี่ยวกับฉุกเฉิน ที่อาจจ่ายงานให้ฉันเมื่อขาดการขนส่งที่เชื่อถือได้ มีได้เสมอบูชาคุณไม่ดี ถ้าคุณคิดว่า ตรงกลาง คุณสามารถมีความสุข และรับผิดชอบกับเงินของคุณ และอ่อนน้อมถ่อมตน คุณจะไม่เสียสละตนเอง แต่คุณจะแน่นอนช่วยผู้อื่นจากใจ และรู้วิธีอยู่ลงพื้นดิน ดังนั้น ในการสรุป การ wealthier ดี แต่ผมคิดว่า มีจุดหยุดถ้าคุณต้องการมีความสุข

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความสมดุลของสองส่วนตัวผมเชื่อว่ามีความสมดุลของทั้งสองความตั้งใจเป็นสิ่งจำเป็นและพื้นกลางที่ดีที่สุดคือ โพ้นทะเลที่คุณมีภาระผูกพันมากขึ้นคุณจะให้คนอื่น ๆ และในทางกลับกิจกรรมของพวกเขาฟังก์ชั่นอื่น ๆ คุณอาศัยอยู่ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ คุณอาจจะสามารถที่จะซื้อสิ่งที่คุณต้องการ แต่คุณไม่สามารถที่จะเป็นคุณอย่างแท้จริงไม่ได้โดยไม่มีการเสียสละ เป็นที่น่าสงสารคือการต่อสู้ การต่อสู้ที่ไม่ดีหลายคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตและไม่สามารถที่จะย้ายไปข้างหน้าเพราะต้องเสียสละหนึ่งหรืออื่น ๆ โรงเรียนหรือที่ทำงานดังนั้นฉันสามารถมีบ้านได้หรือไม่ ขับรถดังนั้นผมจึงไม่ต้องเดินไป 10 ไมล์ในการทำงานในสายฝนหรือจ่ายอัตราเบี้ยประกันที่ไร้สาระและกังวลเกี่ยวกับความผันผวนซึ่งอาจเสียค่าใช้จ่ายงานของฉันเมื่อฉันสูญเสียขนส่งที่เชื่อถือได้ ยังมีความเสียสละเมื่อคุณยากจน หากคุณคิดว่าในช่วงกลางคุณสามารถมีความสุขและมีความรับผิดชอบกับเงินของคุณและอ่อนน้อมถ่อมตน คุณจะไม่เสียสละ แต่คุณแน่นอนจะช่วยคนอื่น ๆ ออกมาจากหัวใจและรู้วิธีที่จะยังคงลงสู่พื้นดิน ดังนั้นในการสรุปเป็นโพ้นทะเลจะดีกว่า แต่ผมคิดว่ามีจุดแวะถ้าคุณต้องการที่จะมีความสุข

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความสมดุลของทั้งสองเป็นการส่วนตัว ผมเชื่อว่า ความสมดุลของทั้งความตั้งใจที่ต้องการและพื้นกลางจะดีที่สุด ที่ซึ่งคุณจะยิ่งผูกพัน คุณเป็นคนอื่น และในการเปิดกิจกรรมของพวกเขา ฟังก์ชั่น ฯลฯ คุณอาศัยอยู่ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ คุณอาจจะสามารถที่จะซื้อสิ่งที่คุณต้องการ แต่คุณไม่สามารถเป็นคุณ ถ้าไม่มีการเสียสละ คนจน คือการต่อสู้ มากจนต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิต และไม่สามารถย้ายล่วงหน้า เพราะต้องสังเวยหนึ่งหรืออื่น ๆ โรงเรียนหรือทำงานดังนั้นฉันสามารถมีบ้าน ขับรถให้ผมไม่ต้องเดิน 10 ไมล์ เพื่อทำงานในสายฝน หรือ จ่ายอัตราการประกันที่ไร้สาระ และกังวลเกี่ยวกับความเสียหาย ซึ่งอาจทำให้งานของฉันเมื่อฉันสูญเสียการขนส่งที่เชื่อถือได้ ต้องมีการเสียสละเมื่อคุณยากจน ถ้าคุณคิดว่าตรงกลาง คุณสามารถมีความสุขและรับผิดชอบกับเงินของคุณและต่ำต้อย คุณจะเสียสละตนเองไม่ได้ แต่แน่นอนคุณจะช่วยคนอื่น ๆ จาก หัวใจ และรู้วิธีการที่จะยังคงลงสู่โลก ดังนั้น สรุป เป็น รวยดี แต่ผมคิดว่ามันเป็นจุดหยุดถ้าคุณต้องการมีความสุข