Increasing the maize plant populati

Increasing the maize plant population has undergone a constant evolution over the years, with the purpose of enhancing the crop yield. Field trials, in which 2 different experiments were considered, have been conducted in NW Italy in order to analyze the yield benefit of high plant density on recent hybrids, considering both intra-row and inter-row plant spacings. The first experiment, which was carried out during the 2013 and 2014 season, evaluated the effects of 4 growing plant densities (from 7.5 to 12 plants m−2 ) combined with 2 row widths (the traditional 0.75 m and a narrow inter-row spacing of 0.50 m) on plant architecture and grain yield. Two hybrids, with different ear developments (fixed and flex), were taken into account. The higher plant density led to a decrease in the stalk area (−20%), leaf greenness (−5.2%) and cob length (−10.8%). It also negatively affected the kernel weight (−7.1%) and the number of kernels per row (−10%). The grain yield only increased significantly, for both hybrids (+7.4%), if a density of 10.5 plants m−2 was reached when the inter-row spacing was reduced (0.50 m). In the second study, an innovative system (narrow inter-row spacing combined with a plant population of about 10.5 plants m−2 ) was compared with a standard planting system (7.5 plants m−2 sown on 0.75 m wide rows), considering 32 different production situations (PS) over 4 growing seasons (2011–2014). This study has confirmed that even though the single plant yield potential was reduced in terms of ear weight and thousand kernels weight by 18% and 6%, respectively for a high planting density, the final grain yield increased on 90% of the PS with an average gain of 11.7%. This work has proved that, in the conditions in which the experiments were conducted, a high planting density of up to 10.5 plants m−2 can lead to a significant yield increase, but only when it is combined with narrow inter-row spacing. These conditions increase plant stresses, and modify plant morphology and development to the detriment of the single plant yield.
However, the lower yield per plant is fully compensated by the higher plant population.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพิ่มประชากรข้าวโพดพืชมีระดับวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องเป็นปี มีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มผลผลิตพืช ทดลอง ซึ่งการทดลองแตกต่างกัน 2 การพิจารณาว่า ผู้ดำเนินการในอิตาลี NW เพื่อวิเคราะห์ประโยชน์ผลผลิตของพืชสูงความหนาแน่นบนล่าลูกผสม พิจารณาระหว่างแถวและระยะปลูกระหว่างแถวพืช การทดลองแรก ซึ่งออกในช่วงฤดูกาล 2013 และ 2014 ได้รับการประเมินผลกระทบของการเจริญเติบโตพืชแน่น (จาก 7.5 การ m−2 พืช 12) รวมกับความกว้างของแถว 2 (0.75 ม.แบบดั้งเดิมและมีระยะห่างระหว่างแถวแคบ 0.50 เมตร) 4 อาคารสถาปัตยกรรมและธัญพืชผลผลิต อย่า พัฒนาหูแตกต่างกัน (fixed และ flex), ถูกนำมาพิจารณา ความหนาแน่นของพืชสูงขึ้นนำไปสู่การลดลง (−20%) ที่ตั้งก้าน ใบไวน์ (−5.2%) และความยาวซัง (−10.8%) มันส่งผลเสียกระทบน้ำหนักเคอร์เนล (−7.1%) และจำนวนเมล็ดต่อแถว (−10%) ผลผลิตข้าวเพิ่ม significantly สำหรับทั้งลูกผสม (+7.4%), ถ้าความหนาแน่นของพืช 10.5 m−2 ก็มาถึงเมื่อระยะห่างระหว่างแถว ลด (0.50 ม) ในการศึกษาที่สอง มีระบบนวัตกรรม (ระยะห่างระหว่างแถวแคบที่รวมกัน มีประชากรพืชพืชประมาณ 10.5 m−2) การเปรียบเทียบมาตรฐานการปลูกระบบ (m−2 7.5 พืชหว่านบนแถวกว้าง 0.75 เมตร), พิจารณาสถานการณ์การผลิตต่าง ๆ ที่ 32 (PS) 4 ซีซั่น (2011 – 2014) การเจริญเติบโต การศึกษานี้มี confirmed ว่า แม้ลดลงศักยภาพผลผลิตโรงงานเดียวในแง่ของน้ำหนักหูและน้ำหนักเมล็ดพัน โดย 18% และ 6% ตามลำดับสำหรับหนาแน่นปลูก ผลผลิตธัญพืชพิจารณาเพิ่มขึ้น 90% ของ PS กับมีกำไรเฉลี่ย 11.7% งานนี้ได้พิสูจน์ว่า ในสภาพที่ดำเนินการทดลอง หนาแน่นปลูกพืชสูงถึง 10.5 m−2 สามารถนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตงมาก แต่เฉพาะเมื่อนั้นพร้อมกับแคบระยะห่างระหว่างแถว เงื่อนไขเหล่านี้เพิ่มความเครียดของพืช และปรับเปลี่ยนลักษณะทางสัณฐานวิทยาของพืชและพัฒนาผลผลิตโรงงานเดียวกับกบุคคลอย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนต่ำกว่าโรงละครบชดเชย โดยประชากรพืชสูงขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเพิ่มขึ้นของประชากรพืชข้าวโพดที่มีระดับการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่มีวัตถุประสงค์ในการเพิ่มผลผลิตพืช การทดลองภาคสนามซึ่งในการทดลองที่ 2 ได้รับการพิจารณาที่แตกต่างกันได้รับการดำเนินการใน NW อิตาลีเพื่อวิเคราะห์อัตราผลตอบแทน Bene Fi T ของความหนาแน่นของพืชสูงในลูกผสมที่ผ่านมาพิจารณาทั้งภายในแถวและระยะปลูกพืชระหว่างแถว การทดลองแรกซึ่งได้รับการดำเนินการในช่วงปี 2013 และฤดูกาล 2014, การประเมินผลกระทบของ 4 การเจริญเติบโตความหนาแน่นของพืช (7.5-12 พืช M-2) ร่วมกับ 2 ความกว้างแถว (แบบดั้งเดิม 0.75 เมตรและระยะห่างระหว่างแถวแคบ 0.50 เมตร) บนสถาปัตยกรรมอาคารและผลผลิตข้าว สองเจียวกับการพัฒนาหูแตกต่างกัน (คงที่และอดีต FL) ถูกนำเข้าบัญชี ความหนาแน่นของพืชที่สูงขึ้นจะนำไปสู่การลดลงในพื้นที่ก้าน (-20%), ใบเขียว (-5.2%) และระยะเวลาในซัง (-10.8%) นอกจากนี้ยังได้รับผลกระทบในเชิงลบน้ำหนักเคอร์เนล (-7.1%) และจำนวนเมล็ดต่อแถว (-10%) ผลผลิตเพิ่มขึ้นเพียงอย่างมีนัยสำคัญสำหรับทั้งลูกผสม (+ 7.4%) ถ้าความหนาแน่นของพืช 10.5 M-2 ก็มาถึงเมื่อระยะห่างระหว่างแถวก็ลดลง (0.50 เมตร) ในการศึกษาที่สองระบบนวัตกรรม (แคบระยะห่างระหว่างแถวรวมกับประชากรพืชประมาณ 10.5 พืช M-2) เมื่อเทียบกับระบบการปลูกมาตรฐาน (7.5 พืช M-2 ตกที่ 0.75 เมตรแถวกว้าง) พิจารณา 32 สถานการณ์ที่แตกต่างกันการผลิต (PS) มากกว่า 4 การเจริญเติบโตฤดูกาล (2011-2014) การศึกษาครั้งนี้มีนักโทษ Fi rmed ว่าแม้ว่าศักยภาพผลผลิตโรงงานเดียวก็ลดลงในแง่ของน้ำหนักฝักและน้ำหนักพันเมล็ด 18% และ 6% ตามลำดับสำหรับความหนาแน่นของการปลูกสูงผลผลิตข้าว Fi NAL เพิ่มขึ้นจาก 90% ของ PS ที่มี กำไรเฉลี่ย 11.7% งานนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าในสภาพที่ได้ทดลอง, ความหนาแน่นของการปลูกสูงถึง 10.5 พืช M-2 สามารถนำไปสู่ ​​Fi ลาดเทเพิ่มขึ้นอัตราผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญ แต่เมื่อมีการรวมกับระยะห่างระหว่างแถวแคบ เงื่อนไขเหล่านี้เพิ่มขึ้นโรงงานเน้นและปรับเปลี่ยนลักษณะทางสัณฐานวิทยาของพืชและการพัฒนาเพื่อความเสียหายของผลผลิตพืชเดียว.
อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบแทนที่ลดลงต่อพืชได้รับการชดเชยอย่างเต็มที่โดยประชากรพืชที่สูงขึ้น