The evaluation of the fatty acid pr

The evaluation of the fatty acid profile of fats and oils, such as soybean oil, that are subjected to heat can provide important data concerning the changes to each fatty acid during this process. Some studies have shown that the alteration of vegetable oils is influenced by the amount of unsaturated fatty acids present, and that the loss of a-linolenic acid(C18:3) can vary from 20 to 25% (Juárez et al. 2005). Initially, samples revealed linoleic acid (C18:2) to be the main fatty acid, corresponding to more than 50% of the total fatty acids identified (Table 3). Kim et al. (2010) also found that linoleic acid is the major fatty acid in soybean oil, representing 50.5%. According to the Codex Alimentarium, soybean oil should contain between 4.5 and 11% a-linolenic acid. In this study, the oils were made up of between 3.81 and 5.64% of this fatty acid at 0 h. On the other hand, samples heated for 20 h had values below those recommended by the Codex Alimentarium

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การประเมินของโพรไฟล์กรดไขมันของไขมันและน้ำมัน เช่นน้ำมันถั่วเหลือง ที่ที่ต้องการความร้อนสามารถให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงแต่ละกรดไขมันระหว่างกระบวนการนี้ บางการศึกษาได้แสดงว่า เปลี่ยนน้ำมันพืชมีผลต่อจำนวนของกรดไขมันในระดับที่สมปัจจุบัน และที่สูญเสียมี linolenic acid(C18:3) อาจแตกต่างกันจาก 20 เป็น 25% (Juárez et al. 2005) เริ่มแรก ตัวอย่างเปิดเผยกรด linoleic (C18:2) เป็น กรดไขมันหลัก จะมากกว่า 50% ของการรวมกรดไขมันระบุ (ตาราง 3) คิม et al. (2010) นอกจากนี้ยังพบกรด linoleic ซึ่งเป็นกรดไขมันหลักในน้ำมันถั่วเหลือง 50.5% แทน ตาม Alimentarium ตซูบิชิ น้ำมันถั่วเหลืองควรประกอบด้วยระหว่าง 4.5 และ 11% เป็น linolenic กรด ในการศึกษานี้ น้ำมันที่ทำขึ้นระหว่าง 3.81 และ 5.64% ของกรดไขมันนี้ที่ 0 h บนมืออื่น ๆ ตัวอย่างเร่าร้อนสำหรับ 20 h มีค่าต่ำกว่าที่แนะนำ โดย Alimentarium ตซูบิชิ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การประเมินผลรายละเอียดของกรดไขมันไขมันและน้ำมันเช่นน้ำมันถั่วเหลืองที่มีการยัดเยียดให้ความร้อนสามารถให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละกรดไขมันในระหว่างกระบวนการนี​​้ บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของน้ำมันพืชได้รับอิทธิพลจากปริมาณของกรดไขมันไม่อิ่มตัวในปัจจุบันและการสูญเสียของกรดไลโนเลนิ (ที่ C18: 3) สามารถแตกต่างกัน 20-25% (. Juárez et al, 2005) ในขั้นต้นตัวอย่างเปิดเผยกรดไขมัน (C18: 2) ให้เป็นกรดไขมันหลักที่สอดคล้องกันให้มากขึ้นกว่า 50% ของกรดไขมันทั้งหมดระบุ (ตารางที่ 3) คิม et al, (2010) ยังพบว่ากรดไลโนเลอิกเป็นกรดไขมันที่สำคัญในน้ำมันถั่วเหลืองคิดเป็น 50.5% ตามที่ Codex Alimentarium น้ำมันถั่วเหลืองควรมีระหว่าง 4.5 และ 11% กรดไลโนเลนิ ในการศึกษานี้น้ำมันที่ถูกสร้างขึ้นระหว่าง 3.81 และ 5.64% ของกรดไขมันนี้ที่ 0 ชั่วโมง บนมืออื่น ๆ ตัวอย่างความร้อนเป็นเวลา 20 ชั่วโมงได้ค่าต่ำกว่าที่แนะนำโดย Codex Alimentarium

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลของกรดไขมันของไขมันและน้ำมัน เช่น น้ำมันถั่วเหลือง ที่ถูกความร้อน สามารถให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของแต่ละกรดไขมัน ในระหว่างขั้นตอนนี้ บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของน้ำมันพืชนั้นได้รับอิทธิพลจากปริมาณของกรดไขมันไม่อิ่มตัวปัจจุบันและการสูญเสียของ a-linolenic acid ( c18 :3 ) สามารถเปลี่ยนจาก 20 ถึง 25% ( จูซัวเรซ et al . 2005 ) ตอนแรกพบกรดไลโนเลนิก ( C18 ) เป็นกรดไขมันหลักที่มากกว่า 50 % ของกรดไขมันทั้งหมดระบุ ( ตารางที่ 3 ) Kim et al . ( 2010 ) นอกจากนี้ยังพบว่า กรดไลโนเลนิกเป็นกรดไขมันที่สำคัญในน้ำมันถั่วเหลืองแทน 50.5 % ตาม Codex alimentarium น้ำมันถั่วเหลืองควรมีระหว่าง 45 และ 11 % a-linolenic กรด ในการศึกษานี้ น้ำมันที่ถูกสร้างขึ้นระหว่าง 3.81 5.64 % และกรดไขมันที่ เดิมพัน บนมืออื่น ๆ , ตัวอย่างร้อน 20 H มีค่านิยมที่แนะนำโดย Codex alimentarium ด้านล่าง