Introduction/Background Information

Introduction/Background Information
Human use of tobacco has existed since before the recording of time itself. Experts believe that by the year 6,000 B.C. inhabitants of North America were already using the plant for smoking and chewing. Christopher Columbus had even encountered the tobacco plant when he first visited America in 1492. It was thought to be a “cure-all” substance, relieving any pain one may have had.

It wasn’t until 1847 when Phillip Morris became the first tobacco company, selling Turkish cigarettes. Their popularity was initially centralized in Russia until British soldiers began bringing them back to England. Then, in 1875 R.J. Reynolds opened its doors to capitalize on this new innovation (Randall). Throughout the 1940’s, 50’s, and 60’s tobacco companies began advertising mainstream, featuring their products in movies and on television. During World War II, “Lucky Strikes” were a general issued cigarette for soldiers fighting overseas.

Whether by habit or addiction, this time tested novelty is still being used today. In the modern age, corporations have caught wind of tobacco use. They have built this common hobby into a world known franchise and business is on the rise.

Ethics of Target Marketing
The most common way for a business to thrive is through the use of advertisement. In the early 19th Century scientists began to analyze the natural chemicals contained within tobacco products. In 1826 they concluded it was an addictive substance and carried health risks. After this proclamation was known to the public, tobacco businesses had run into a problem: popularity of their product was steadily falling and they were losing revenue. On the contrary, managers and other high level employees now understood the potential of their product and used it. The only way they were to get business was to advertise to the public.

Targeting Youth
Presently, the tobacco industry spends $42 million each day on advertisements and promotions. Managers and Chief Executive Officers have mastered this tactic of selling and it is shown statistically. Therefore, it is to be expected that their tactics also appeal to children, especially under the age of 18. Before society began to buckle down on Big Tobacco they were using subliminal advertisement through child activities: television, brightly colored ads, cartoon character mascots, etc. They have also released products with various flavors including cherry, blueberry, bubblegum, apple, cherry, and grape just to name a few. This is an obvious target towards children to make them habitual users. The Food and Drug Administration has recently passed a law to prohibit the sale of flavored tobacco. The following is a passage from a New York Times article:

“The ban is intended to end the sale of tobacco products with chocolate, vanilla, clove and other flavorings that lure children and teenagers into smoking. The agency will study regulating menthol products and hinted that it might soon take action against the far larger market of flavored small cigars and cigarillos. One unique aspect of tobacco marketing is that once the initial sale is made there is little need to reach that same consumer again due to the highly addictive nature of tobacco products. The previous is evidenced by the fact that half the people who start smoking in adolescent years continue to do so for 15 to 20 years. The marketing of tobacco companies is largely responsible for such staggering statistics.” (Harris)

Targeting Women
Last year companies such as Camel and Phillip Morris released products appealing predominately towards the female population. Innovations such as the “purse pack” and “Camel No. 9” presented new ways to attract customers. The “purse pack” is a rectangular box that appears to look like everyday cosmetics, using flower imagery and feministic colors. The cigarettes inside have been names Superslims. This has arguably been related to the female attraction for a slim and slender body image. Camel No. 9 has been advertised in most women’s magazines and implies the same notion as that of any perfume (Lewis).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ข้อมูลเบื้องต้น/พื้นหลังมนุษย์ใช้ยาสูบมีอยู่ตั้งแต่ก่อนการบันทึกเวลาตัวเอง ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า บี 6000 ปี ประชากรของทวีปอเมริกาเหนือแล้วใช้พืชสำหรับสูบบุหรี่ และเคี้ยว คริสโตเฟอร์โคลัมบัสได้แม้พบโรงงานยาสูบเมื่อเขาก่อนมาอเมริกาใน 1492 มันถูกคิดว่า เป็น สาร "cure-all" บรรเทาความเจ็บปวดใด ๆ หนึ่งอาจมีมันไม่ได้จนเมื่อฟิลลิปมอร์ริสเป็น บริษัทยาสูบแรก ขายบุหรี่ตุรกี 1847 ความนิยมของพวกเขาได้เริ่มต้นส่วนกลางในรัสเซียจนกว่าทหารอังกฤษเริ่มนำพวกเขากลับไปประเทศอังกฤษ จากนั้น ใน 1875 เรย์โนลด์ส R.J. เปิดประตูเพื่อนวัตกรรมใหม่นี้ (Randall) ตลอดทั้ง 1940's ของ 50 และ 60's ยาสูบบริษัทเริ่มโฆษณากับ มีผลิตภัณฑ์ของพวกเขา ในภาพยนตร์ และโทรทัศน์ ในระหว่างสงครามโลก "ลัคกี้นัดหยุดงาน" ถูกจุดบุหรี่ออกทั่วไปทหารต่อสู้กับต่างประเทศว่า โดยนิสัยหรือติดยาเสพติด นวัตกรรมนี้เวลาทดสอบจะยังคงใช้วันนี้ ในยุคสมัย บริษัทได้จับลมสูบบุหรี่ พวกเขาได้สร้างงานอดิเรกนี้ทั่วไปในโลกที่เรียกว่าแฟรนไชส์ และเป็นธุรกิจเพิ่มขึ้นจริยธรรมการตลาดเป้าหมายวิธีธรรมดาที่สุดสำหรับธุรกิจเจริญเติบโตโดยใช้โฆษณาได้ ในศตวรรษที่ 19 ต้น นักวิทยาศาสตร์เริ่มต้นการวิเคราะห์สารเคมีธรรมชาติที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ยาสูบ ใน 1826 เขาสรุปมันมีตัวสารเสพติด และดำเนินการสุขภาพ หลังจากที่บัดนี้ถูกเรียกว่าสาธารณะ ธุรกิจยาสูบได้ทำงานเป็นปัญหา: ความนิยมของผลิตภัณฑ์ของพวกเขาถูกลดลงอย่างต่อเนื่อง และพวกเขาได้สูญเสียรายได้ด้วย การ์ตูน ผู้จัดการและพนักงานระดับสูงอื่น ๆ ตอนนี้เข้าใจศักยภาพของผลิตภัณฑ์ของพวกเขา และใช้มัน วิธีเดียวที่พวกเขาจะได้รับธุรกิจคือการ โฆษณาให้ประชาชนกำหนดเป้าหมายเยาวชน ปัจจุบัน อุตสาหกรรมยาสูบใช้ 42 ล้าน $ แต่ละวันในการโฆษณาและโปรโมชั่น ผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารมีมาสเตอร์แทนี้ขาย และมันจะแสดงทางสถิติ ดังนั้น มันคือการคาดหวังว่า กลยุทธ์ของพวกเขายังดึงดูดเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้อายุ 18 ก่อนที่สังคมเริ่มเข็มขัดนิรภัยลงในยาสูบใหญ่ ก็ใช้โฆษณาซึ่งผ่านกิจกรรมเด็ก: โทรทัศน์ โฆษณา การ์ตูนอักขระ mascots ฯลฯ สีสดใส นอกจากนี้พวกเขายังได้ออกผลิตภัณฑ์ มีรสชาติต่าง ๆ รวม ถึงเชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ bubblegum แอปเปิ้ล เชอรี่ องุ่นเพียงเพื่อชื่อไม่กี่ มีเป้าหมายที่ชัดเจนต่อเด็กเพื่อให้ผู้ใช้ที่เคยอยู่ อาหารและยาได้เพิ่งผ่านกฎหมายให้ขายยาสูบ flavored ต่อไปนี้เป็นข้อพระคัมภีร์จากบทความนิวยอร์ก:"บ้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อสิ้นสุดการขายผลิตภัณฑ์ยาสูบกับช็อกโกแลต วานิลลา กานพลู และ flavorings อื่น ๆ ล่อเด็กและวัยรุ่นเป็นบุหรี่ หน่วยงานที่จะศึกษาการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์อินเดีย และ hinted ว่า มันอาจเร็วดำเนินการกับตลาดไกลใหญ่เล็กซิการ์ flavored และ cigarillos หนึ่งเฉพาะด้านการตลาดยาสูบคือ เมื่อทำการขายเริ่มต้นมี มีน้อยต้องเข้าถึงผู้บริโภคที่เดียวกันอีกครั้งเนื่องจากธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ยาสูบเสพติดสูง ก่อนหน้าจะเป็นหลักฐานความจริงที่ว่า คนครึ่งที่เริ่มสูบบุหรี่ในวัยรุ่นปีต่อไปสำหรับ 15-20 ปีดังนั้น การตลาดของบริษัทยาสูบเป็นส่วนใหญ่ชอบสถิติเช่นส่าย" (เบสท์)กำหนดเป้าหมายผู้หญิงปีบริษัทคาเมลและฟิลลิปมอร์ริสออกผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ predominately มีต่อประชากรหญิง นวัตกรรม "ใส่ชุด" และ "อูฐหมายเลข 9" นำเสนอวิธีใหม่ในการดึงดูดลูกค้า "ใส่ชุด" เป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่ปรากฏให้เหมือนเครื่องสำอางประจำวัน ภาพถ่ายดอกไม้และสี feministic บุหรี่ภายในมีชื่อ Superslims นี้มีว่าการเกี่ยวข้องกับเที่ยวหญิงรูปร่างสลิม และสเลนเดอร์ อูฐหมายเลข 9 มีการโฆษณาในนิตยสารของผู้หญิงมากที่สุด และหมายถึงแนวคิดเดียวกันว่าน้ำหอมใด ๆ (Lewis)