The Celts did not have a caste soci

The Celts did not have a caste society, though there were well-defined classes. At the top was the noble class. At some periods of Celtic history, the top man was a king. Often, the king was the head man of an indivudual tribe, though in later times, nations composed of several tribes came under royal rule. In its most refined form, kingship was seen as divine - rulers were men through whom the gods spoke. Kingship was not necessarily inherited, for kings could nominate their successor. The law of royal succession among the Picts was through the mother, though invariably the monarch was male, and often the king's father was a foreighner. There were also queens, who sometimes ruled in their own right. Among them are the legendary Irish warrior queen, Maeve, and the British Boudicca, who led the rebellious Iceni against Roman rule in AD 61.

But kingship was not the only form of rule. In Gaul, before the Roman conquest, kingship was abolished by several tribes, including the Aedui, Lexovii, Lemovices, Santones, Remi, and Treviri. Instead of a king, a magistrate, the Vergobret, elected by the nobility, headed the tribe. The real power was in the hands of the noble class, whose status came from hereditary right. Noble lineages contained men of honorable origin, linked to other families through marriage alliances. They owned the land, and from their ranks came the military generals and the Druids. In Wales, this class, the cenedl, ruled util the Norman conquest.

However in Celtic society there was not a rigid class system imposed by birth. The landless commoners had the possiblility of personal advancement by making a fortune through commerce or war. Some of the lower orders who had fallen upon hard times became clients, having pledged themselves to serve a powerful nobleman. But such an obligation was different from slavery, and the commoner did not give up his rights. Caesar wrote that the object of clientage was to ensure that all common people should have protection against powerful people. Each nobleman had to guarantee that no harm should come to him supporters. If it did, he lost face, and fell in status. Clientage was a form of social welfare, with obligations on both sides. The nobleman supported the client with gifts, that required repayment by loyal service. Unlike some societies, where slavery was hereditary, and there was no chance of future generations becoming free,the Celts' slaves were captive foreigners without civil rights. They could always be freed, to become the client of the noble who had freed them.

Slaves could not fight in times of war. Other men had the right to bear arms, but not all, for some were only permitted to fight when their lives were threatened. In Gaul, it was only possible to go to war if the common people and the priesthood consented, having received favorable omens. Although there was always a commander-in-chief, wars were conducted by an assembly called the Armed Council, that had the final say on strategic matters. Several times during the Gallic War that Caesar won, the Gaulish commander, Vercengetorix, had to give account of his conduct of the war to the Armed Council.

The Roman author Strabo wrote that among the Gauls there wer three groups of men who were held in exceptional honor: the Bards, the Vates, and the Druids. The Bards were the musicians, singers, and poets. The Vates were soothsayers, diviners, and natural diviners. Ancient Celtic religion, that underpinned every aspect of everyday life, was nature-venerating and polytheistic, recognizing many levels of supernatural beings and divinities, female as well as male. The Celts believed that the course of nature is the will of the Gods. Thus they venerated both local and general deities, usually in natural sanctuaries, especially shrines at ssprings, rivers, lakes, and in woodland. The Bards, Vates, and Druids had an integrated relationship with the natural world. They possessed an immense body of traditional lore, concerning nature, the seasons, astronomy, death, and transformation. Most of the ancient skills and wisdom of these men are known still, underlying contemporary Celtic spirituality, that is the synthesis of Celtic Spirituality, that is essential for a continuing, living tradition.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เคลต์ไม่มีสังคมวรรณะ แม้ว่ามีคลาสที่ดีที่กำหนด ด้านบนเป็นระดับโนเบล ในบางช่วงเวลาของประวัติศาสตร์เซลติก คนด้านบนที่เป็นกษัตริย์ มักจะ พระถูกคนหัวของเผ่ามีวิมาน แม้ว่าในเวลาต่อมา ประชาชาติประกอบด้วยชนหลายเผ่ามาอยู่ภายใต้กฎพระราช ในทุกรูปแบบ โคลัมเบียก็เห็นเป็นพระเจ้า - ไม้ถูกผู้ชายที่พูดเทพ กษัตริย์ไม่จำเป็นต้องสืบทอดมา สำหรับกษัตริย์สามารถเสนอชื่อทายาทของพวกเขา กฎหมายของรุ่งเรืองในหมู่ชาวพิคท์ก็ผ่าน แม่ว่าคงเส้นคงวาพระมหากษัตริย์ชาย และมักจะของพระบิดา foreighner มีควีนส์ ผู้ปกครองบางครั้งในสิทธิของตนเอง ในหมู่พวกเขามีตำนานไอริชนักรบราชินี ดารา และ Boudicca ชาวอังกฤษ ผู้นำ Iceni สำหรับกับโรมันกฎในโฆษณา 61แต่กษัตริย์ไม่ เพียงรูปแบบของกฎ ในกอล ก่อนพิชิตโรมัน กษัตริย์ถูกยกเลิก โดยชนเผ่าหลาย รวมทั้งการ Aedui, Lexovii, Lemovices, Santones เรมี่ และ Treviri แทนพระมหากษัตริย์ การปกครอง Vergobret โดยขุนนาง หัวหน้าเผ่า พลังแท้จริงในมือของคลาโนเบิล ที่มีสถานะมาจากขวาทางพันธุกรรมได้ เชื้อชาติโนเบิลอยู่คนกำเนิดเกียรติ เชื่อมโยงกับครอบครัวอื่น ๆ ผ่านพันธมิตรแต่งงาน พวกเขาเป็นเจ้าของที่ดิน และจากการจัดอันดับของพวกเขามานายพลทหารและดรูอิด ในเวลส์ ชั้น cenedl ปกครอง util พิชิตนอร์แมนอย่างไรก็ตาม ในเซลติก มีสังคมไม่ได้ระบบชั้นแข็งเทศบาลเกิด ไพร่ landless มี possiblility ของความก้าวหน้าส่วนบุคคล โดยทำโชคพาณิชย์หรือสงคราม บางส่วนของใบสั่งซื้อที่ต่ำกว่าที่ได้ลดลงเมื่อครั้งยากกลายเป็นลูกค้า มีค้ำประกันตัวเองให้ขุนนางมีประสิทธิภาพ แต่หน้าที่ดังกล่าวแตกต่างจากทาส และองค์การไม่ยอมแพ้สิทธิของเขา ซีซาร์เขียนว่า วัตถุของ clientage คือเพื่อ ให้แน่ใจว่า ทุกคนทั่วไปควรมีการป้องกันกับคนที่มี ขุนนางแต่ละมีการรับประกันว่า ไม่อันตรายควรมาเขาผู้สนับสนุน ถ้ามันไม่ เขาสูญเสียใบหน้า และตกอยู่ในสถานะ Clientage แก้ไขรูปแบบของสวัสดิการสังคม ข้อผูกพันทั้งสองด้าน ขุนนางได้รับการสนับสนุนไคลเอ็นต์ ด้วยของขวัญ ที่ต้องชำระคืนตามบริการซื่อสัตย์ ซึ่งแตกต่างจากสังคมบาง ที่เป็นทาสทางพันธุกรรม และมีโอกาสของคนรุ่นหลังกลายเป็นฟรี ทาสของเคลต์ได้เชลยชาวต่างชาติ โดยไม่มีสิทธิมนุษยชน พวกเขาอาจเสมอจะว่าง เป็น ไคลเอนต์ของโนเบิลที่มีอิสระได้ทาสไม่อาจต่อสู้ในช่วงสงคราม คนอื่น ๆ มีสิทธิที่จะยกแขน แต่ไม่ทั้งหมด สำหรับบางคนได้รับอนุญาตในการต่อสู้เมื่อชีวิตถูกคุกคาม ในกอล มันเป็นเพียงกลับไปสงครามถ้าคนทั่วไปและฐานะปุโรหิตยินยอม ได้รับทรมานดี แม้จะเป็นจอมทัพ สงครามถูกดำเนินการ โดยแอสเซมบลีที่เรียกว่าอาวุธสภา ที่มีในเรื่องยุทธศาสตร์ หลายครั้งในช่วงสงครามกอลที่ที่ชนะซีซาร์ ผู้บัญชาการ Gaulish, Vercengetorix ได้ให้บัญชีของเขาดำเนินสงครามอาวุธสภาผู้เขียนโรมันสตราโบเขียนว่า ในติคและมีน้อสามกลุ่มคนที่ในเกียรติแสน: Bards การ ให้ Vates และดรูอิด นักดนตรี นักร้อง และกวี Bards ได้ Vates มี soothsayers, diviners และ diviners ธรรมชาติ ศาสนาเซลติกโบราณ ที่ภายใต้จรรยาบรรณทุกแง่มุมของชีวิตประจำวัน เป็น venerating ธรรมชาติ และได้เป็น ภาคี ตระหนักหลายระดับของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ และอัน เพศหญิง เป็นเพศชาย เคลต์เชื่อว่า หลักสูตรของธรรมชาติเป็นของพระเจ้า ดังนั้น พวกเขาเฒ่าท้องถิ่น และทั่วไปเทพ มักจะอยู่ ใน เขตอนุรักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาล ssprings แม่น้ำ ทะเลสาบ และ ในป่า Bards, Vates และดรูอิดมีความสัมพันธ์แบบบูรณาการกับธรรมชาติของโลก พวกเขาสิงร่างการอันยิ่งใหญ่ของตำนานดั้งเดิม เกี่ยวกับธรรมชาติ ฤดูกาล ดาราศาสตร์ ความตาย และการแปลง ส่วนใหญ่ทักษะโบราณและภูมิปัญญาของคนเหล่านี้ทราบว่ายังคง ต้นจิตวิญญาณเซลติกร่วมสมัย ที่มีการสังเคราะห์ของเซลติกจิตวิญญาณ ซึ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินการต่อ ประเพณีชีวิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เซลติกส์ไม่ได้มีสังคมวรรณะแม้ว่าจะมีการเรียนที่ดีที่กำหนด ที่ด้านบนเป็นขุนนางชั้นสูง ในบางช่วงเวลาของประวัติศาสตร์เซลติกคนที่ด้านบนเป็นกษัตริย์ บ่อยครั้งที่กษัตริย์เป็นคนที่หัวของชนเผ่า indivudual แต่ในเวลาต่อมาประเทศประกอบด้วยหลายชนเผ่ามาอยู่ภายใต้การปกครองของพระราช ในรูปแบบการกลั่นที่สุดของพระมหากษัตริย์ถูกมองว่าเป็นพระเจ้า - ผู้ปกครองเป็นคนผ่านที่พระเจ้าพูด พระมหากษัตริย์ไม่ได้รับการถ่ายทอดจำเป็นสำหรับพระมหากษัตริย์จะเสนอชื่อทายาทของพวกเขา กฎหมายของการสืบทอดพระราชหมู่รูปภาพผ่านแม่ แต่อย่างสม่ำเสมอพระมหากษัตริย์เป็นเพศชายและบ่อยครั้งที่พ่อของกษัตริย์เป็นที่ foreighner นอกจากนั้นยังมีพระราชินีซึ่งบางครั้งก็ปกครองในสิทธิของตนเอง ในหมู่พวกเขาเป็นตำนานสมเด็จพระราชินีไอริชนักรบ Maeve อังกฤษและ Boudicca ที่นำกบฏ Iceni ต่อต้านการปกครองของโรมันในปี ค.ศ. 61

แต่พระมหากษัตริย์ไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบของการปกครอง กอลก่อนที่จะพิชิตโรมันกษัตริย์ถูกยกเลิกโดยหลายชนเผ่ารวมทั้ง Aedui, Lexovii, Lemovices, Santones, Remi และ Treviri แทนของกษัตริย์ผู้พิพากษาที่ Vergobret การเลือกตั้งโดยขุนนางหัวหน้าเผ่า อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือของขุนนางชั้นสูงที่มีสถานะมาจากทางด้านขวาทางพันธุกรรม lineages โนเบิลที่มีคนของแหล่งกำเนิดเกียรติเชื่อมโยงกับครอบครัวอื่น ๆ ผ่านทางพันธมิตรการแต่งงาน พวกเขาเป็นเจ้าของที่ดินและจากการจัดอันดับของพวกเขามานายพลทหารและดรูอิด ในเวลส์ชั้นนี้ cenedl ปกครอง util พิชิตนอร์แมน.

อย่างไรก็ตามในสังคมเซลติกมีไม่เข้มงวดระบบการเรียนที่กำหนดโดยการเกิด ไพร่ไร้ที่ดินมี possiblility ของความก้าวหน้าส่วนบุคคลโดยการทำให้โชคลาภผ่านพาณิชยกรรมหรือสงคราม บางส่วนของคำสั่งซื้อที่ต่ำกว่าที่เคยลดลงเมื่อเวลาที่ยากกลายเป็นลูกค้าที่มีการให้คำมั่นสัญญากับตัวเองที่จะทำหน้าที่เป็นขุนนางที่มีประสิทธิภาพ แต่เช่นภาระหน้าที่ที่แตกต่างกันจากการเป็นทาสและไพร่ไม่ได้ให้สิทธิของเขา ซีซาร์เขียนว่าวัตถุของ clientage คือเพื่อให้แน่ใจว่าคนทั่วไปทุกคนควรได้รับการคุ้มครองกับคนที่มีอำนาจ แต่ละขุนนางมีการรับประกันว่าไม่มีอันตรายใด ๆ ควรจะมาหาเขาสนับสนุน ถ้ามันไม่เขาสูญเสียใบหน้าและตกอยู่ในสถานะ clientage เป็นรูปแบบของการจัดสวัสดิการสังคมที่มีภาระหน้าที่ทั้งสองด้าน ขุนนางสนับสนุนลูกค้าด้วยของขวัญที่จำเป็นต้องใช้การชำระหนี้โดยบริการซื่อสัตย์ ซึ่งแตกต่างจากบางสังคมที่เป็นทาสเป็นกรรมพันธุ์และมีโอกาสของคนรุ่นอนาคตกลายเป็นฟรีไม่มีทาสเซลติกส์ 'เป็นชาวต่างชาติที่ถูกคุมขังโดยไม่ต้องสิทธิมนุษยชน พวกเขาก็สามารถเป็นอิสระที่จะกลายเป็นลูกค้าของโนเบิลที่ได้ปลดปล่อยพวกเขา.

ทาสไม่สามารถต่อสู้ในช่วงเวลาแห่งสงคราม ผู้ชายคนอื่นมีสิทธิ์ที่จะใช้อาวุธ แต่ไม่ทั้งหมดสำหรับบางคนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะต่อสู้เมื่อชีวิตของพวกเขากำลังถูกคุกคาม กอลมันเป็นไปได้เท่านั้นที่จะไปทำสงครามถ้าคนทั่วไปและเพียินยอมเพราะได้รับลางบอกเหตุดี แม้ว่าจะมีก็มักจะเป็นผู้บัญชาการในหัวหน้าสงครามได้ดำเนินการโดยการชุมนุมที่เรียกว่ากองสภาที่มีสุดท้ายกล่าวว่าในเรื่องยุทธศาสตร์ หลายต่อหลายครั้งในช่วงที่ฝรั่งเศสสงครามที่ซีซาร์ได้รับรางวัลผู้บัญชาการ Gaulish, Vercengetorix มีที่จะให้บัญชีของการดำเนินการของเขาในการทำสงครามกับกองกำลังติดอาวุธสภา.

ผู้เขียนโรมันสตราโบเขียนว่าในกอลมี wer สามกลุ่มของผู้ชายที่ถูกจัดขึ้นใน เกียรติพิเศษที่: อันเลื่องชื่อที่ Vates และดรูอิด The Bards เป็นนักดนตรีนักร้องและกวี Vates เป็นหมอผี, โหรและโหรธรรมชาติ ศาสนาเซลติกโบราณที่ค้ำจุนทุกแง่มุมของชีวิตประจำวันของทุกคนเป็นธรรมชาติและเคารพ polytheistic ตระหนักถึงหลายระดับของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติและพีนาตีหญิงเช่นเดียวกับเพศชาย เซลติกส์เชื่อว่าหลักสูตรของธรรมชาติเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ดังนั้นพวกเขาบูชาเทพทั้งสองประเทศและโดยทั่วไปมักจะอยู่ในเขตรักษาพันธุ์ตามธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลเพียงตา ssprings แม่น้ำทะเลสาบและในป่า The Bards, Vates และดรูอิดมีความสัมพันธ์แบบบูรณาการกับโลกธรรมชาติ พวกเขาจะมีร่างกายอันยิ่งใหญ่ของตำนานดั้งเดิมเกี่ยวกับธรรมชาติฤดูกาลดาราศาสตร์, ความตาย, และการเปลี่ยนแปลง ส่วนใหญ่ของทักษะและภูมิปัญญาโบราณของคนเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันยังคงอยู่ภายใต้จิตวิญญาณเซลติกร่วมสมัยที่มีการสังเคราะห์ของเซลติกจิตวิญญาณที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินการต่อประเพณีที่อาศัยอยู่