Almost everyone needs a good cup of

Almost everyone needs a good cup of joe in the morning to get them going, and, according to legend, it’s all because of a 9th-century Ethiopian goat-herder named Kaldi.
Allegedly, Kaldi observed his goats behaving erratically after eating the red berries from a nearby Coffea arabica tree. He tried some of them himself and was soon acting as hyper as his herd. He then brought a batch to a monastery where they were derided for theirstimulating effects during long hours of prayer. The religious leaders there threw the tree’s beans onto a fire to destroy them, but the pleasing aroma of the roasted beans convinced them to give the coffee a second chance. Much like with tea, they put the roasted beans into warm water and the beverage was born.
Despite the legend, it’s thought that the practice of chewing coffee beans as a stimulant was around for centuries before Kaldi's alleged discovery. People would grind the beans to mix with butter and animal fat to preserve and eat on long journeys. Similarly, Sudanese slaves are thought to have chewed on coffee beans to help them survive their difficult voyages on trade routes.
The cultivation and trade of the beans for the drink began in Arabic countries in the 14th century and spread throughout Egypt, Syria, and Turkey. It's said not a single coffee plant existed outside of Arabia or Africa until the 1600s, when a pilgrim named Baba Budan brought them back to India. In 1616, Pieter van der Broeck smuggled some coffee out of Mocha, Yemen and brought it back to Amsterdam. Soon, the Dutch and their colonies—most notably Sri Lanka and Java—took over the European trade, followed by the French in the Caribbean, the Spanish in Central America, and the Portuguese in Brazil. The drink eventually made its way to America via British colonizers who docked in New York City.
Today, coffee is a 100 billion dollar a year industry, supporting 25 million people worldwide. How did we ever survive mornings without it?

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกือบทุกคนต้องการถ้วยดีของโจในตอนเช้าเพื่อให้พวกเขาไป และ ตำนาน มันทั้งหมดเนื่องจากในศตวรรษที่ 9 เอธิโอเปียแพะ-herder ชื่อ Kaldiถูกกล่าวหาว่า Kaldi สังเกตเห็นแพะของเขาพฤติกรรมไม่แน่นอนหลังจากกินผลเบอร์รี่สีแดงต้นไม้ใกล้เคียงกาแฟอาราบิก้า เขาพยายามบางส่วนของพวกเขาเอง และก็เร็ว ๆ นี้ ทำหน้าที่เป็น hyper เป็นฝูงของเขา เขาจากนั้นนำชุดที่พวกเขาถูกเยาะหยัน theirstimulating ผลในช่วงเวลาของการละหมาดเป็นอาราม ผู้นำทางศาสนามีโยนเมล็ดของต้นไม้ลงในไฟที่จะทำลายพวกเขา แต่กลิ่นที่หอมของถั่วคั่วเชื่อเพื่อให้กาแฟมีโอกาสที่สอง มากเหมือนกับชา พวกเขาใส่ถั่วคั่วลงในน้ำอุ่น และเครื่องดื่มเกิดแม้ มีตำนาน มันเป็นความคิดว่า การปฏิบัติของการเคี้ยวเมล็ดกาแฟเป็นตัวกระตุ้นรอบศตวรรษก่อนของ Kaldi ถูกกล่าวหาค้นพบ ท่านจะบดถั่วผสมกับเนยและไขมันสัตว์ เพื่อกินตลอดการเดินทาง ในทำนองเดียวกัน ทาสซูดานมีความคิดที่ได้เคี้ยวเมล็ดกาแฟช่วยให้รอดของพวกเขาเดินทางยากบนเส้นทางการค้าการเพาะปลูกและการค้าถั่วอาหารและเครื่องดื่มในประเทศอาหรับในศตวรรษที่ 14 และเริ่มกระจายไปทั่วอียิปต์ ซีเรีย และตุรกีด้วย มันบอกไม่พืชกาแฟเดียวอยู่นอกอาระเบีย หรือแอฟริกาจนถึงทศวรรษ เมื่อผู้แสวงบุญที่ชื่อว่า Baba Budan นำพวกเขากลับไปอินเดีย ใน 1616, Pieter van der Broeck ลักลอบกาแฟบางจากมอคค่า เยเมน และนำกลับไปยังอัมสเตอร์ดัม เร็ว ๆ นี้ ดัตช์และอาณานิคมของพวกเขา — ขุนนางชวาและศรีลังกา — พามากกว่าการค้ายุโรป ตาม ด้วยฝรั่งเศสในแคริบเบียน สเปนในอเมริกากลาง และโปรตุเกสในบราซิล เครื่องดื่มมาทางอเมริกาผ่าน colonizers อังกฤษที่ย้ายในนิวยอร์กซิตี้วันนี้ กาแฟเป็น 100 พันล้านดอลลาร์อุตสาหกรรมปี สนับสนุน 25 ล้านคนทั่วโลก วิธีเราเคยรอดตอนเช้าโดยไม่ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกือบทุกคนต้องมีถ้วยที่ดีของโจในตอนเช้าเพื่อให้พวกเขาไปและตามตำนานมันทั้งหมดเป็นเพราะศตวรรษที่ 9 เอธิโอเปียแพะปศุสัตว์ชื่อ Kaldi.
นัยว่า Kaldi สังเกตแพะของเขามีพฤติกรรมที่ผิดปกติหลังจากที่กินผลเบอร์รี่สีแดง จากบริเวณใกล้เคียงต้นไม้กาแฟอาราบิก้า เขาพยายามที่บางส่วนของพวกตัวเองและเร็ว ๆ นี้กำลังทำหน้าที่เป็นไฮเปอร์เป็นฝูงของเขา จากนั้นเขาก็นำชุดไปที่วัดที่พวกเขาถูกเย้ยหยัน theirstimulating ผลกระทบในช่วงเวลาที่ยาวนานของการสวดมนต์ ผู้นำศาสนามีโยนถั่วต้นไม้ลงบนกองไฟที่จะทำลายพวกเขา แต่ชื่นชอบกลิ่นหอมของถั่วคั่วเชื่อว่าพวกเขาเพื่อให้กาแฟโอกาสครั้งที่สอง มากเช่นเดียวกับชาที่พวกเขาใส่ถั่วคั่วลงไปในน้ำอุ่นและเครื่องดื่มเกิด.
แม้จะมีตำนานก็คิดว่าการปฏิบัติของการเคี้ยวเมล็ดกาแฟเป็นสารกระตุ้นเป็นรอบนานหลายศตวรรษก่อนการค้นพบที่ถูกกล่าวหา Kaldi ของ คนจะบดถั่วผสมกับเนยและไขมันสัตว์ที่จะรักษาและกินในการเดินทางไกล ในทำนองเดียวกันทาสซูดานคิดว่าจะได้เคี้ยวเมล็ดกาแฟที่จะช่วยให้พวกเขาอยู่รอดการเดินทางที่ยากลำบากของพวกเขาในเส้นทางการค้า.
การเพาะปลูกและการค้าของถั่วสำหรับเครื่องดื่มเริ่มต้นขึ้นในประเทศอาหรับในศตวรรษที่ 14 และแผ่กระจายไปทั่วอียิปต์ซีเรียและตุรกี . มันบอกไม่ได้เป็นพืชกาแฟเดียวที่มีอยู่ด้านนอกของอารเบียหรือแอฟริกาจนถึงยุค 1600 เมื่อผู้แสวงบุญที่ชื่อบาบา Budan นำพวกเขากลับไปยังประเทศอินเดีย ใน 1616 ปีเตอร์แวนเดอร์ Broeck ลักลอบนำกาแฟบางส่วนออกจากมอคค่า, เยเมนและนำมันกลับไปที่อัมสเตอร์ดัม เร็ว ๆ นี้ชาวดัตช์และอาณานิคม-ที่สุดของพวกเขาสะดุดตาศรีลังกาและ Java-เอาไปค้ายุโรปตามด้วยฝรั่งเศสในทะเลแคริบเบียนสเปนในอเมริกากลางและโปรตุเกสในบราซิล เครื่องดื่มที่ในที่สุดก็ทำมาถึงอเมริกาผ่านอาณานิคมอังกฤษที่เชื่อมต่ออยู่ในนิวยอร์กซิตี้.
วันนี้กาแฟเป็น 100 พันล้านดอลล่าปีอุตสาหกรรมสนับสนุน 25 ล้านคนทั่วโลก เราไม่วิธีการที่เคยอยู่รอดในตอนเช้าโดยไม่ได้?

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เกือบทุกคนต้องมีถ้วยที่ดีของโจในตอนเช้าเพื่อรับพวกเขาไป และ ในตำนาน เพราะเป็นคนเลี้ยงแพะชาวเอธิโอเปียศตวรรษที่ 9 ชื่อ คาลดี .ถูกกล่าวหาว่า ข่าวดีจากเขาแพะของขึ้น หลังจากกินผลเบอร์รี่สีแดงจากบริเวณใกล้เคียง coffea อาราบิก้าต้นไม้ เขาพยายามบางส่วนของพวกเขาเองและได้เร็ว ๆ นี้ทำหน้าที่เป็นไฮเปอร์เป็นฝูงของเขา จากนั้นเขาก็เอาชุดวัดที่พวกเขา derided สำหรับ theirstimulating ผลในช่วงชั่วโมงของการอธิษฐาน ผู้นำศาสนามีโยนเมล็ดของต้นไม้ลงในไฟเพื่อทำลายพวกเขา แต่กลิ่นหอมน่ารื่นรมย์ของถั่วคั่วโน้มน้าวพวกเขาให้กาแฟ โอกาสที่สอง มากเช่นเดียวกับชา ใส่ถั่วคั่วลงในน้ำอุ่น และเครื่องดื่ม เกิดแม้จะมีตำนาน มันคิดว่าฝึกเคี้ยวเมล็ดกาแฟเป็นตัวกระตุ้นอยู่รอบศตวรรษก่อน ข่าวดีก็ถูกค้นพบ ผู้คนจะบดถั่วผสมกับเนยและไขมันสัตว์ไปรักษา และกิน ในการเดินทางที่ยาวนาน ในทำนองเดียวกัน ทาสซูดานคิดว่ามีเคี้ยวเมล็ดกาแฟเพื่อช่วยให้พวกเขาอยู่รอดของพวกเขายากที่การเดินทางบนเส้นทางค้าการเพาะปลูกและการค้าของถั่วสำหรับเครื่องดื่มเริ่มในภาษาอาหรับประเทศในศตวรรษที่ 14 และแผ่กระจายไปทั่วทั้งอียิปต์ ซีเรีย และตุรกี มันบอกว่าไม่ปลูกกาแฟเดียวอยู่ด้านนอกของซาอุดีอาระเบีย หรือ แอฟริกา จนกว่า 1600s เมื่อผู้แสวงบุญที่ชื่อบาบา บูดาน พาพวกเขากลับไปที่อินเดีย เปียเตอร์ ฟาน เดอร์ broeck ใน 1616 , ลักลอบนำเข้ากาแฟจากไมอาและนำมันกลับไปที่อัมสเตอร์ดัม เร็ว ๆนี้ ดัตช์ และอาณานิคมของพวกเขาส่วนใหญ่ยวดศรีลังกาและ Java ได้มากกว่าการค้ายุโรป ตามด้วยฝรั่งเศสในแคริบเบียน , สเปนในอเมริกากลาง และโปรตุเกสในบราซิล เครื่องดื่มในที่สุดได้มาถึงอเมริกาผ่านอังกฤษ colonizers ที่จอดอยู่ในนครนิวยอร์กวันนี้กาแฟเป็น 100 พันล้านปีในอุตสาหกรรมดอลลาร์รองรับ 25 ล้านคนทั่วโลก ทำไมเราเคยรอดเช้าโดยไม่ได้