Methyl mercury is more toxic to man

Methyl mercury is more toxic to man than inorganic form, because it cannot be excreted from the body and can cross the blood brain barrier to the nervous system, so it is a well – known neurotoxicant, resulting in progressive and irreversible brain damage [2]. Consumption of mercury contaminated fish may result in Mina Mata disease in human which is characterized by loss of sensation at extremities of the fingers and toes and areas around the mouth, muscular weakness, loss of vision, loss of hearing, slurred speech, cerebral palsy, paralysis and coma. In addition, mercury poisoning may cause gonadotoxic, mutagenic and nephrotoxic effects, mental retardation in children, myocardial infarction, coronary heart disease (CHD), congestive impairment, dyspnoea, chills, bilateral infiltration in the lung [22].
Cadmium is an industrial and environmental pollutant that affects adversely human health, and progressively accumulates inside the body particularly kidneys. Results given in table (3) indicated that the concentrations of cadmium ranged from 0.03 to 0.24 and 0.04 to 0.42 mg/kg in imported frozen P. hypophthalmus and sardine samples, respectively. There was no significant difference in the cadmium content of P. hypophthalmus (0.11 ± 0.01 mg/kg) and sardine (0.14 ± 0.02 mg/kg) samples. Furthermore, 14.29% of P. hypophthalmus and 11.43% of sardine samples under investigation exceeded the permissible limits of the cadmium (0.10 mg/kg) recommended by EOS [10]. Nearly similar results were recorded by El-Sayed (0.14 ± 0.01 mg/kg) [11]. However, lower results were previously obtained by Hassan (0.05 ± 0.01 mg/kg) [15]. Cadmium occurs in nature as a natural component of rock and sediment, soil and dust, air and water, plant and animal tissues. Cadmium exposure occurs mainly through two sources, the first is the oral route through water and food contaminated with cadmium, since food contributes 80-90% of the cadmium dose received by most people and the second source is through inhalation of cadmium particles, which arise from tobacco smoke and cigarette smoking. Mining, metal processing, house dust, electroplating, jewelry industry, zinc and lead refining, smelting of cadmium and lead and the burning of coal and other fossil fuels. Cadmium is also present in several unlicensed medicinal herbal remedies used widely in parts of India and Nigeria [3]. Cadmium is a cumulative toxic agent with a biological half – life of 10-30 years. Cadmium burden of the body increases with age and found to be greater in smokers than in non smokers. Accurately, cadmium acts on sulphhydryl groups of essential enzymes and also binds to albumin, phospholipids and nucleic acids, interferes with oxidative phosphorylation and replaces zinc in enzymes so changing their activities [4]. Cadmium is a severe pulmonary and gastrointestinal irritant, which can be fatal if inhaled or ingested. Furthermore, cadmium plays a role in hypertension, prediabetes

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Methyl mercury เป็นพิษมากขึ้นจะแมนกว่าฟอร์มอนินทรีย์ เนื่องจากไม่สามารถ excreted จากร่างกาย และสามารถข้ามอุปสรรคสมองเลือดระบบประสาท มีดี – รู้จัก neurotoxicant ผลก้าวหน้า และให้สมอง [2] ปริมาณปรอทปนเปื้อนปลาอาจทำ Mina ภะรัตมะตะโรคในมนุษย์ซึ่งเป็นลักษณะ โดยสูญเสียความรู้สึกที่กระสับกระส่ายมือเท้า และพื้นที่รอบ ๆ ปาก กล้ามเนื้ออ่อนแอ สูญเสียวิสัยทัศน์ สูญเสียการได้ยิน slurred speech สมอง อัมพาต และหมดสติ นอกจากนี้ พิษของสารปรอทอาจทำให้ gonadotoxic, mutagenic และ nephrotoxic ผล ปัญญาในเด็ก ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย โรค (เด็ฏ), congestive ผล dyspnoea หนาวสั่น แทรกซึมระดับทวิภาคีในปอด [22] แคดเมียมจะมีมลพิษอุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์กระทบ ความก้าวหน้าสะสมภายในร่างกาย โดยเฉพาะไต ผลลัพธ์ที่กำหนดในตาราง (3) ระบุว่า ความเข้มข้นของแคดเมียมอยู่ในช่วงจาก$ 0.03 ถึง 0.24 และ 0.04-0.42 มิลลิกรัม/กิโลกรัมในการนำเข้าแช่แข็ง P. hypophthalmus ปลาซาร์ดีนตัวอย่างและ ตามลำดับ มีไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในเนื้อหาของ P. hypophthalmus แคดเมียม (0.11 ± 0.01 mg/kg) และปลาซาร์ดีน (0.14 ± 0.02 mg/kg) ตัวอย่างการ นอกจากนี้ 14.29% ของ P. hypophthalmus และ 11.43% ของตัวอย่างปลาซาร์ดีนภายใต้ตรวจสอบเกินขีดจำกัดอนุญาตของแคดเมียม (0.10 mg/kg) แนะนำ EOS [10] ผลคล้ายเกือบถูกบันทึก โดยเอล Sayed (0.14 ± 0.01 mg/kg) [11] อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ต่ำกว่าก่อนหน้านี้ได้รับ โดย Hassan (0.05 ± 0.01 mg/kg) [15] แคดเมียมที่เกิดขึ้นในธรรมชาติเป็นส่วนประกอบตามธรรมชาติของหิน และตะกอน ดิน และฝุ่น อากาศ และน้ำ พืช และเนื้อเยื่อสัตว์ สัมผัสแคดเมียมที่เกิดส่วนใหญ่ผ่านสอง แรกคือ เส้นทางปากน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนแคดเมียม ตั้งแต่ 80-90% ของปริมาณแคดเมียมที่คนส่วนใหญ่รับการจัดสรรอาหาร และแหล่งที่สองคือดมของอนุภาค แคดเมียมที่เกิดจากการสูบบุหรี่และการสูบบุหรี่ การทำเหมืองแร่ โลหะการประมวลผล ฝุ่นบ้าน ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเครื่องประดับ สังกะสี และนำโรงก ลั่น smelting แคดเมียม และลูกค้าเป้าหมาย และการเผาถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีแคดเมียมในหลายใช้ยาสมุนไพรวิธีแก้ใช้กันอย่างแพร่หลายในอินเดียและไนจีเรีย [3] แคดเมียมเป็นตัวแทนสารพิษสะสม ด้วยชีวิตครึ่ง – ชีวภาพ 10-30 ปี แคดเมียมภาระของร่างกายเพิ่มขึ้นกับอายุ และพบมากในผู้สูบบุหรี่มากกว่าในผู้สูบบุหรี่ไม่ แม่นยำ แคดเมียมทำหน้าที่ sulphhydryl กลุ่มของเอนไซม์ที่จำเป็น และยัง binds albumin, phospholipids และกรดนิวคลีอิก รบกวนปฏิกิริยาออกซิเด phosphorylation และแทนที่สังกะสีในเอนไซม์เพื่อ เปลี่ยนแปลงกิจกรรมของพวกเขา [4] แคดเมียมรุนแรงระบบทางเดินหายใจ และระบบออกฤทธิ์ระคายเคือง ซึ่งสามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตถ้าช่วยใน หรือกินได้ นอกจากนี้ แคดเมียมมีบทบาทในความดันโลหิตสูง prediabetes

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมธิลปรอทเป็นพิษต่อมนุษย์กว่ารูปแบบอนินทรีเพราะมันไม่สามารถขับออกจากร่างกายและสามารถข้ามอุปสรรคเลือดสมองระบบประสาทจึงเป็นสิ่งที่ดี - ที่รู้จักกัน neurotoxicant ทำให้เกิดความเสียหายสมองก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ [2] . การบริโภคปลาที่ปนเปื้อนสารปรอทอาจส่งผลให้เกิดโรคมินามาตาฮารีในมนุษย์ซึ่งเป็นลักษณะโดยสูญเสียความรู้สึกที่ขาของนิ้วมือและนิ้วเท้าและพื้นที่รอบปาก, กล้ามเนื้ออ่อนแอ, การสูญเสียการมองเห็นการสูญเสียการได้ยินการพูดอ้อแอ้สมองพิการ อัมพาตและอาการโคม่า นอกจากนี้ยังมีพิษปรอทอาจทำให้เกิด gonadotoxic ผลกระทบต่อการกลายพันธุ์และไต, ปัญญาอ่อนในเด็กกล้ามเนื้อหัวใจตายและโรคหลอดเลือดหัวใจ (CHD) การด้อยค่าวาย, หายใจลำบากหนาวสั่นแทรกซึมทวิภาคีในปอด [22].
แคดเมียมเป็นอุตสาหกรรมและ มลพิษด้านสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อสุขภาพของมนุษย์ในทางลบและความก้าวหน้าที่สะสมในร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งไต ผลที่ได้รับในตาราง (3) ระบุว่าความเข้มข้นของแคดเมียมอยู่ในช่วง 0.03-0.24 และ 0.04-0.42 มิลลิกรัม / กิโลกรัมในการแช่แข็งที่นำเข้า hypophthalmus พีและตัวอย่างปลาซาร์ดีนตามลำดับ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในเนื้อหาของแคดเมียมพี hypophthalmus (0.11 ± 0.01 mg / kg) และปลาซาร์ดีน (0.14 ± 0.02 mg / kg) ตัวอย่าง นอกจากนี้ 14.29% ของ hypophthalmus พีและ 11.43% ของกลุ่มตัวอย่างปลาซาร์ดีนภายใต้การสอบสวนเกินขีด จำกัด ที่อนุญาตของแคดเมียม (0.10 mg / kg) แนะนำโดย EOS [10] ผลที่คล้ายกันเกือบถูกบันทึกโดย El-Sayed (0.14 ± 0.01 mg / kg) [11] อย่างไรก็ตามผลที่ต่ำกว่าที่ได้รับก่อนหน้านี้โดยฮัสซัน (0.05 ± 0.01 mg / kg) [15] แคดเมียมเกิดขึ้นในธรรมชาติเป็นส่วนประกอบตามธรรมชาติของหินและตะกอนดินและฝุ่นละอองในอากาศและน้ำพืชสัตว์และเนื้อเยื่อ การเปิดรับแคดเมียมเกิดขึ้นส่วนใหญ่ผ่านสองแหล่งแรกคือเส้นทางในช่องปากผ่านน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนแคดเมียมตั้งแต่อาหารก่อ 80-90% ของปริมาณแคดเมียมที่ได้รับจากคนส่วนใหญ่และแหล่งที่สองคือการสูดดมของอนุภาคแคดเมียมที่เกิดขึ้น จากควันบุหรี่และการสูบบุหรี่ การทำเหมืองแร่โลหะการประมวลผลฝุ่น, ไฟฟ้า, อุตสาหกรรมเครื่องประดับสังกะสีและการกลั่นตะกั่วถลุงแคดเมียมและตะกั่วและการเผาไหม้ของถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ แคดเมียมยังอยู่ในสมุนไพรหลายที่ไม่มีใบอนุญาตยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในส่วนของประเทศอินเดียและไนจีเรีย [3] แคดเมียมเป็นสารพิษที่สะสมมีครึ่งทางชีวภาพ - ชีวิต 10-30 ปี ภาระแคดเมียมของร่างกายเพิ่มขึ้นตามอายุและพบว่ามีมากขึ้นในผู้สูบบุหรี่กว่าในไม่สูบบุหรี่ อย่างถูกต้องแคดเมียมทำหน้าที่ในกลุ่ม sulphhydryl ของเอนไซม์ที่จำเป็นและยังจับกับโปรตีนชนิดหนึ่ง, phospholipids และกรดนิวคลีอิกรบกวน oxidative phosphorylation และแทนที่สังกะสีเอนไซม์เพื่อการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมของพวกเขา [4] แคดเมียมเป็นระคายเคืองปอดและระบบทางเดินอาหารที่รุนแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากสูดดมหรือกิน นอกจากนี้แคดเมียมมีบทบาทในความดันโลหิตสูง prediabetes

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมทิลปรอทมีความเป็นพิษต่อมนุษย์มากกว่าจากสารอนินทรีย์ เพราะมันไม่สามารถถูกขับออกจากร่างกาย และสามารถข้ามอุปสรรคเลือดสมองกับระบบประสาท จึงเป็นที่รู้จักและ neurotoxicant ส่งผลให้สมองกลับไม่ได้ก้าวหน้าและ [ 2 ]การปนเปื้อนของปรอทปลาอาจส่งผลให้เกิดโรคมินามะตะในมนุษย์ซึ่งเป็นลักษณะการสูญเสียความรู้สึกที่รุนแรงของนิ้วมือ นิ้วเท้า และบริเวณรอบปาก , กล้ามเนื้ออ่อนแรง , การสูญเสียของวิสัยทัศน์ สูญเสียการได้ยิน รู้เรื่องการพูด สมองพิการ อัมพาต และอาการโคม่า นอกจากนี้ปรอทเป็นพิษอาจทำให้เกิดสารก่อกลายพันธุ์ และ nephrotoxic gonadotoxic , ผล ,ปัญญาอ่อนในเด็ก โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดหัวใจ ( CHD ) , ภาวะบกพร่องทำเป็นเล่น , หนาว , ทวิภาคี , การแทรกซึมในปอด [ 22 ]
แคดเมียมเป็นอุตสาหกรรมและมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้สุขภาพของมนุษย์ และค่อยๆ สะสมอยู่ในไต ร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลลัพธ์ที่ได้รับในโต๊ะ ( 3 ) พบว่า ความเข้มข้นของแคดเมียมมีค่า 0.03 0.24 และ 0.04 0.42 มก. / กก. ในหน้า Hypophthalmus นำเข้าแช่แข็ง และตัวอย่างปลาซาร์ดีนตามลำดับ มีความแตกต่างในเนื้อหาของหน้า Hypophthalmus แคดเมียม ( 0.11 ± 0.01 มิลลิกรัม / กิโลกรัม ) ปลาซาร์ดีน ( 0.14 ± 0.02 mg / kg ) ตัวอย่าง นอกจากนี้ ร้อยละ 14.29 และหน้า Hypophthalmus 1143 % ของตัวอย่างปลาซาร์ดีนภายใต้การสอบสวนเกินขอบเขตการอนุญาตของแคดเมียม ( 0.10 มก. / กก. ) แนะนำโดยกล้อง [ 10 ] ผลที่คล้ายกันเกือบจะถูกบันทึกไว้โดย El Sayed ( 0.14 ± 0.01 มิลลิกรัม / กิโลกรัม ) [ 11 ] อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้จากราคาก่อนหน้านี้ฮัสซัน ( 0.05 ± 0.01 มิลลิกรัม / กิโลกรัม ) [ 15 ] แคดเมียมเกิดขึ้นในธรรมชาติเป็นส่วนประกอบตามธรรมชาติของหินและตะกอนดินและฝุ่น อากาศ และน้ำพืชและสัตว์เนื้อเยื่อ แคดเมียมส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากสองแหล่งแรกคือ ช่องปาก เส้นทางผ่านของน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนแคดเมียม ตั้งแต่อาหารมีส่วนช่วย 80-90% ของปริมาณรังสีที่ได้รับ โดยคนส่วนใหญ่และแหล่งที่สองคือผ่านการสูดอนุภาคแคดเมี่ยม ซึ่งเกิดขึ้นจากควันยาสูบและการสูบบุหรี่ เหมืองแร่ การแปรรูปโลหะ ฝุ่นบ้านไฟฟ้า , อุตสาหกรรมอัญมณี , สังกะสีและการกลั่นตะกั่วหลอมตะกั่วแคดเมียมและการเผาไหม้ของถ่านหินและเชื้อเพลิงอื่น ๆ แคดเมียมเป็นยังมีอยู่ในหลายธุรกิจสมุนไพรสมุนไพรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในส่วนของอินเดียและไนจีเรีย [ 3 ] แคดเมียมเป็นสารเป็นพิษสะสมกับครึ่งของชีวิตทางชีวภาพ ( 10-30 ปี