The CAA has a long history, taking

The CAA has a long history, taking its modern form in 1970 under President Richard
Nixon. It has been substantially amended only twice since then, in 1977 and again in
1990. Throughout most of the last decade, the Bush administration argued that greenhouse
gases (GHGs) were not ‘‘pollutants’’ as intended under the Act. However, in 2007, in
Massachusetts v. EPA, the Supreme Court confirmed the authority of the Environmental Protection
Agency (EPA) to regulate GHGs under the CAA.1 Subsequently, the agency made
a formal science-based determination that GHGs were dangerous to human health and
the environment.2 This ‘‘endangerment finding’’ compelled the agency to mitigate that harm
and formed the basis for the agency
s first regulation of carbon emissions under the
CAA—the new corporate average fuel efficiency (CAFE) standards for cars and trucks.
Although these regulations focus on transportation sector emissions, they commit the

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ซีเอเอโฮมีประวัติยาวนาน มีรูปแบบทันสมัยในปี 1970 ภายใต้ประธานาธิบดีริชาร์ดNixon มันได้ถูกมากแก้ไขเฉพาะตั้งแต่สองแล้ว 1977 และอีกครั้งในปี 1990 ตลอดทั้งทศวรรษ บุโต้เถียงเรือนกระจกที่ก๊าซ (GHGs) ไม่ได้ "สารมลพิษ" ตามวัตถุประสงค์ตามพระราชบัญญัตินี้ อย่างไรก็ตาม ในปี 2007 ในรัฐแมสซาชูเซตส์ v. EPA ศาลฎีกายืนยันอำนาจของการป้องกันสิ่งแวดล้อมหน่วยงาน (EPA) เพื่อควบคุม GHGs ภายใต้ CAA.1 ในเวลาต่อมา หน่วยงานที่ทำการทางวิทยาศาสตร์โดยกำหนดว่า GHGs มีอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ และenvironment.2 นี้ ''ค้นหา endangerment'' ถูกหน่วยงานเพื่อลดอันตรายที่และรูปแบบพื้นฐานสำหรับหน่วย s แรกข้อบังคับของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้การซีเอเอโฮ – มาตรฐานประสิทธิภาพ (คาเฟ่) น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยของใหม่สำหรับรถยนต์และรถบรรทุกแม้ว่ากฎระเบียบเหล่านี้เน้นปล่อยภาคขนส่ง พวกเขายอมรับการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

CAA มีประวัติศาสตร์อันยาวนานการรูปแบบที่ทันสมัยในปี 1970 ภายใต้ประธานาธิบดีริชาร์ด
นิกสัน มันได้รับการแก้ไขอย่างมีนัยสำคัญเพียงสองครั้งตั้งแต่นั้นมาในปี 1977 และอีกครั้งใน
1990 ตลอดเวลาเกือบทศวรรษที่ผ่านมารัฐบาลอ้างว่าเรือนกระจก
ก๊าซ (ก๊าซเรือนกระจก) ไม่ได้ '' มลพิษ '' ตามที่ตั้งใจไว้ตามพระราชบัญญัติ อย่างไรก็ตามในปี 2007 ใน
แมสซาชูเซต v. EPA ที่ศาลฎีกายืนยันอำนาจของการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
Agency (EPA) เพื่อควบคุมก๊าซเรือนกระจกภายใต้ CAA.1 ต่อมาหน่วยงานที่ทำ
ความมุ่งมั่นบนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการว่าก๊าซเรือนกระจกเป็นอันตรายต่อมนุษย์ สุขภาพและความ
environment.2 นี้ '' เสี่ยงการค้นพบ '' บังคับให้หน่วยงานที่จะลดอันตรายที่
และเป็นพื้นฐานสำหรับหน่วยงานหรือไม่ s ระเบียบแรกของการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายใต้
CAA-ใหม่ขององค์กรการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย (คาเฟ่) มาตรฐานสำหรับรถยนต์ และรถบรรทุก.
แม้ว่ากฎระเบียบเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การปล่อยก๊าซภาคขนส่งที่พวกเขากระทำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การ caa มีประวัติยาวนาน ใช้รูปแบบทันสมัยใน 1970 ภายใต้
ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน มันได้รับการแก้ไขอย่างเต็มที่เพียงสองครั้งหลังจากนั้น ในปี 1977 และอีกครั้งใน
1990 ตลอดที่สุดของทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลแย้งว่าก๊าซเรือนกระจก
( GHGs ) ไม่ใช่ ' 'pollutants ' ' ตามที่ตั้งใจไว้ ภายใต้พระราชบัญญัติ อย่างไรก็ตาม ในปี 2007 ในแมสซาชูเซต V
EPA ,ศาลฎีกายืนยันอำนาจของหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ( EPA )
เพื่อควบคุมก๊าซเรือนกระจกภายใต้ caa 1 ต่อมาหน่วยงานทำ
กำหนดตามวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการว่าก๊าซเรือนกระจกเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และ
. 2 ' 'endangerment หา ' ' บังคับหน่วยงานบรรเทาอันตราย
ว่าและสร้างพื้นฐานสำหรับหน่วยงาน
s ระเบียบแรกของการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายใต้
caa ใหม่ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงเฉลี่ยขององค์กร ( คาเฟ่ ) มาตรฐานสำหรับรถยนต์และรถบรรทุก
แม้ว่าข้อบังคับเหล่านี้มุ่งเน้นการภาคการขนส่ง พวกเขายอมรับ