ข้อหารือกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องเลขที่หนังสือ: กค 0702/88วันที่: 7 มกรา การแปล - ข้อหารือกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องเลขที่หนังสือ: กค 0702/88วันที่: 7 มกรา ไทย วิธีการพูด

ข้อหารือกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้องเลขท

ข้อหารือกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้อง

เลขที่หนังสือ

: กค 0702/88

วันที่

: 7 มกราคม 2552

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีจ่ายค่าน้ำมันรถยนต์แก่พนักงาน

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 65 ตรี มาตรา 65 ตรี (13) และมาตรา 42(1) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

บริษัท ท. ประกอบธุรกิจให้เช่าและจำหน่ายเครื่องจักรมือสอง บริษัทฯ ได้ให้พนักงานขายออกไปหาลูกค้า โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวของพนักงานเอง บริษัทฯ จึงคิดเปรียบเทียบว่า หากบริษัทฯ ซื้อรถยนต์มาไว้สำหรับพนักงานขายทุกคน บริษัทฯ ต้องรับผิดชอบในค่าเสื่อมราคา ค่าซ่อมแซม ค่าเบี้ยประกันภัย ค่าทะเบียน และค่าน้ำมัน แต่หากให้พนักงานขายนำรถยนต์ส่วนตัวขอพนักงานมาใช้ และบริษัทฯ จ่ายค่าตอบแทนตามกิโลเมตรที่ใช้ไปจริงในการปฏิบัติงาน จะเป็นการประหยัดต้นทุของบริษัทฯ มากกว่าการที่บริษัทฯ ซื้อรถยนต์เอง บริษัทฯ จะคำนวณค่าตอบแทนจาก 2 ส่วน ได้แก่
1. คำนวณจากราคาน้ำมัน 1 ลิตร ต่อ 10 กิโลเมตร เช่น น้ำมันดีเซลลิตรละ 36.84 บาท เท่ากับ 3.68 บาท ต่อ 1 กิโลเมตร และน้ำมันเบนซินลิตรละ 37.99 บาท เท่ากับ 3.80 บาท ต่อ 1 กิโลเมตร
2. คำนวณโดยนำผลต่างของราคาระหว่างรถยนต์ใหม่กับรถยนต์ที่ใช้งานแล้ว 100,000 กิโลเมตร และคำนวณออกมาเป็นต่อกิโลเมตร เช่น รถยนต์ใหม่ราคา 600,000 บาท ใช้ไป100,000 กิโลเมตร ราคารถยนต์หลังใช้งานแล้วอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท (คำนวณจากราคาตลาดโดยเฉลี่ย) สรุปว่า มูลค่ารถยนต์ลดลงไป 300,000 บาท ซึ่งเท่ากับ 3 บาทต่อ 1 กิโลเมตร)
การคำนวณข้างต้น บริษัทฯ ได้อนุมัติให้จ่ายค่าตอบแทนสำหรับน้ำมันดีเซล 6.50 บาท ต่อกิโลเมตร และน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 7 บาท ต่อกิโลเมตร (ตามราคาน้ำมัน ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2551) ในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าว บริษัทฯ ระบุไว้ในระเบียบบริษัทฯ และมีการติดประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน พนักงานขายทุกคนจะต้องทำรายงานการเดินทาง โดยให้พนักงานรักษาความปลอดภัย จดเลขกิโลเมตรทั้งไปและกลับ มีการขออนุมัติจากหัวหน้างาน แนบใบเสร็จค่าน้ำมันที่ระบุ เลขทะเบียนรถซึ่งต้องตรงกับที่นำไปใช้ในการปฏิบัติงาน บริษัทฯ เข้าใจว่า บริษัทฯ สามารถนำค่าตอบแทนที่จ่ายไปในกรณีดังกล่าวมาถือเป็นค่าใช้จ่ายได้ทั้งจำนวน และพนักงานก็ไม่ต้องนำไปถือเป็นรายได้ เพราะเป็นการชดเชยที่พนักงานต้องลงทุนซื้อรถยนต์เพื่อมาใช้ในการปฏิบัติงานและรายจ่ายเกี่ยวกับรถยนต์บริษัทฯ ไม่ได้ร่วมรับผิดชอบ บริษัทฯ ถือว่าเป็นอัตราที่ยุติธรรมที่สุดแล้วระหว่างบริษัทฯ กับพนักงาน บริษัทฯ จึงขอทราบว่าถูกต้องหรือไม่

แนววินิจฉัย

1. กรณีบริษัทฯ จ่ายค่าน้ำมันรถยนต์ให้กับพนักงานของบริษัทฯ ตามจำนวนที่จ่ายจริงในกรณีที่พนักงานใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปทำงานให้บริษัทฯ ถือเป็นรายจ่ายเกี่ยวกับการประกอบกิจการของบริษัทฯๆ มีสิทธินำค่าน้ำมันดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณ กำไรสุทธิได้ไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับค่าน้ำมันรถยนต์
ส่วนที่บริษัทฯ ได้จ่ายไปเกินกว่าจำนวนที่พนักงานของบริษัทฯ ได้จ่ายไปจริงถือเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว ต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร 2. กรณีพนักงานจะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำค่าน้ำมันไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42(1) แห่งประมวลรัษฎากร นั้น จะต้องมีหลักฐานการใช้รถยนต์และพิสูจน์จนเป็นที่เชื่อถือแก่การตรวจสอบ ไต่สวนของเจ้าพนักงานประเมิน ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็น เฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมด เพื่อการปฏิบัติงานตามหน้าที่นั้นด้วย ประกอบกับบริษัทฯ ต้องมีระเบียบอนุญาตให้มีการเบิกจ่ายค่าน้ำมัน รถยนต์ได้ และมีหนังสืออนุญาตพร้อมทั้งการบันทึกอนุญาตให้เดินทางไปติดต่องานจากที่ใดถึงที่ใดระยะทางเท่าใด ชื่อเจ้าของรถยนต์ หมายเลขทะเบียนรถยนต์ ใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันรถยนต์ที่มีการระบุชื่อเจ้าของรถยนต์ หมายเลขทะเบียนรถยนต์ให้ชัดเจน
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ข้อหารือกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้อง

เลขที่หนังสือ

: กค 0702/88

วันที่

: 7 มกราคม 2552

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากรณีจ่ายค่าน้ำมันรถยนต์แก่พนักงาน

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 65 ตรีมาตรา 65 ตรี (13) และมาตรา 42(1) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

บริษัทท ประกอบธุรกิจให้เช่าและจำหน่ายเครื่องจักรมือสองบริษัทฯ ได้ให้พนักงานขายออกไปหาลูกค้าโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวของพนักงานเองบริษัทฯ จึงคิดเปรียบเทียบว่าหากบริษัทฯ ซื้อรถยนต์มาไว้สำหรับพนักงานขายทุกคนบริษัทฯ ค่าซ่อมแซมค่าเบี้ยประกันภัยค่าทะเบียนและค่าน้ำมันแต่หากให้พนักงานขายนำรถยนต์ส่วนตัวขอพนักงานมาใช้และบริษัทฯ จ่ายค่าตอบแทนตามกิโลเมตรที่ใช้ไปจริงในการปฏิบัติงานจะเป็นการประหยัดต้นทุของบริษัทฯ ซื้อรถยนต์เองบริษัทฯ จะคำนวณค่าตอบแทนจาก 2 ส่วนได้แก่
1. คำนวณจากราคาน้ำมัน 1 ลิตรต่อ 10 กิโลเมตรเช่นน้ำมันดีเซลลิตรละ 36.84 บาทเท่ากับ 3.68 บาทต่อ 1 กิโลเมตรและน้ำมันเบนซินลิตรละ 37.99 บาทเท่ากับ 3.80 บาทต่อ 1 กิโลเมตร
2 คำนวณโดยนำผลต่างของราคาระหว่างรถยนต์ใหม่กับรถยนต์ที่ใช้งานแล้ว 100000 กิโลเมตรและคำนวณออกมาเป็นต่อกิโลเมตรเช่นรถยนต์ใหม่ราคา 600000 บาท ใช้ไป100, 000 กิโลเมตรราคารถยนต์หลังใช้งานแล้วอยู่ที่ประมาณ 300000 บาท (คำนวณจากราคาตลาดโดยเฉลี่ย) สรุปว่ามูลค่ารถยนต์ลดลงไป 300,000 บาทซึ่งเท่ากับ 3 บาทต่อ 1 กิโลเมตร)
การคำนวณข้างต้นบริษัทฯ ได้อนุมัติให้จ่ายค่าตอบแทนสำหรับน้ำมันดีเซล 650 บาทต่อกิโลเมตรและน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 7 วรรคต่อกิโลเมตร (ตามราคาน้ำมันณวันที่ 5 สิงหาคม 2551) ในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าวบริษัทฯ ระบุไว้ในระเบียบบริษัทฯ และมีการติดประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน โดยให้พนักงานรักษาความปลอดภัยจดเลขกิโลเมตรทั้งไปและกลับมีการขออนุมัติจากหัวหน้างานแนบใบเสร็จค่าน้ำมันที่ระบุเลขทะเบียนรถซึ่งต้องตรงกับที่นำไปใช้ในการปฏิบัติงานบริษัทฯ เข้าใจว่าบริษัทฯ และพนักงานก็ไม่ต้องนำไปถือเป็นรายได้เพราะเป็นการชดเชยที่พนักงานต้องลงทุนซื้อรถยนต์เพื่อมาใช้ในการปฏิบัติงานและรายจ่ายเกี่ยวกับรถยนต์บริษัทฯ ไม่ได้ร่วมรับผิดชอบบริษัทฯ กับพนักงานบริษัทฯ จึงขอทราบว่าถูกต้องหรือไม่

แนววินิจฉัย

1 กรณีบริษัทฯ จ่ายค่าน้ำมันรถยนต์ให้กับพนักงานของบริษัทฯ ตามจำนวนที่จ่ายจริงในกรณีที่พนักงานใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปทำงานให้บริษัทฯ ถือเป็นรายจ่ายเกี่ยวกับการประกอบกิจการของบริษัทฯ ๆ กำไรสุทธิได้ไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรีแห่งประมวลรัษฎากรสำหรับค่าน้ำมันรถยนต์
ส่วนที่บริษัทฯ ได้จ่ายไปเกินกว่าจำนวนที่พนักงานของบริษัทฯ ได้จ่ายไปจริงถือเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัวต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร 2 กรณีพนักงานจะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำค่าน้ำมันไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42(1) แห่งประมวลรัษฎากรนั้นจะต้องมีหลักฐานการใช้รถยนต์และพิสูจน์จนเป็นที่เชื่อถือแก่การตรวจสอบ ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดเพื่อการปฏิบัติงานตามหน้าที่นั้นด้วยประกอบกับบริษัทฯ ต้องมีระเบียบอนุญาตให้มีการเบิกจ่ายค่าน้ำมัน และมีหนังสืออนุญาตพร้อมทั้งการบันทึกอนุญาตให้เดินทางไปติดต่องานจากที่ใดถึงที่ใดระยะทางเท่าใดชื่อเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียนรถยนต์ใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันรถยนต์ที่มีการระบุชื่อเจ้าของรถยนต์
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ข้อหารือกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้อง

เลขที่หนังสือ

: กค 0702/88

วันที่

: 7 มกราคม 2552

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีจ่ายค่าน้ำมันรถยนต์แก่พนักงาน

ข้อกฎหมาย

: มาตรา 65 ตรี มาตรา 65 ตรี (13) และมาตรา 42(1) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

บริษัท ท. ประกอบธุรกิจให้เช่าและจำหน่ายเครื่องจักรมือสอง บริษัทฯ ได้ให้พนักงานขายออกไปหาลูกค้า โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวของพนักงานเอง บริษัทฯ จึงคิดเปรียบเทียบว่า หากบริษัทฯ ซื้อรถยนต์มาไว้สำหรับพนักงานขายทุกคน บริษัทฯ ต้องรับผิดชอบในค่าเสื่อมราคา ค่าซ่อมแซม ค่าเบี้ยประกันภัย ค่าทะเบียน และค่าน้ำมัน แต่หากให้พนักงานขายนำรถยนต์ส่วนตัวขอพนักงานมาใช้ และบริษัทฯ จ่ายค่าตอบแทนตามกิโลเมตรที่ใช้ไปจริงในการปฏิบัติงาน จะเป็นการประหยัดต้นทุของบริษัทฯ มากกว่าการที่บริษัทฯ ซื้อรถยนต์เอง บริษัทฯ จะคำนวณค่าตอบแทนจาก 2 ส่วน ได้แก่
1. คำนวณจากราคาน้ำมัน 1 ลิตร ต่อ 10 กิโลเมตร เช่น น้ำมันดีเซลลิตรละ 36.84 บาท เท่ากับ 3.68 บาท ต่อ 1 กิโลเมตร และน้ำมันเบนซินลิตรละ 37.99 บาท เท่ากับ 3.80 บาท ต่อ 1 กิโลเมตร
2. คำนวณโดยนำผลต่างของราคาระหว่างรถยนต์ใหม่กับรถยนต์ที่ใช้งานแล้ว 100,000 กิโลเมตร และคำนวณออกมาเป็นต่อกิโลเมตร เช่น รถยนต์ใหม่ราคา 600,000 บาท ใช้ไป100,000 กิโลเมตร ราคารถยนต์หลังใช้งานแล้วอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาท (คำนวณจากราคาตลาดโดยเฉลี่ย) สรุปว่า มูลค่ารถยนต์ลดลงไป 300,000 บาท ซึ่งเท่ากับ 3 บาทต่อ 1 กิโลเมตร)
การคำนวณข้างต้น บริษัทฯ ได้อนุมัติให้จ่ายค่าตอบแทนสำหรับน้ำมันดีเซล 6.50 บาท ต่อกิโลเมตร และน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 7 บาท ต่อกิโลเมตร (ตามราคาน้ำมัน ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2551) ในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าว บริษัทฯ ระบุไว้ในระเบียบบริษัทฯ และมีการติดประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน พนักงานขายทุกคนจะต้องทำรายงานการเดินทาง โดยให้พนักงานรักษาความปลอดภัย จดเลขกิโลเมตรทั้งไปและกลับ มีการขออนุมัติจากหัวหน้างาน แนบใบเสร็จค่าน้ำมันที่ระบุ เลขทะเบียนรถซึ่งต้องตรงกับที่นำไปใช้ในการปฏิบัติงาน บริษัทฯ เข้าใจว่า บริษัทฯ สามารถนำค่าตอบแทนที่จ่ายไปในกรณีดังกล่าวมาถือเป็นค่าใช้จ่ายได้ทั้งจำนวน และพนักงานก็ไม่ต้องนำไปถือเป็นรายได้ เพราะเป็นการชดเชยที่พนักงานต้องลงทุนซื้อรถยนต์เพื่อมาใช้ในการปฏิบัติงานและรายจ่ายเกี่ยวกับรถยนต์บริษัทฯ ไม่ได้ร่วมรับผิดชอบ บริษัทฯ ถือว่าเป็นอัตราที่ยุติธรรมที่สุดแล้วระหว่างบริษัทฯ กับพนักงาน บริษัทฯ จึงขอทราบว่าถูกต้องหรือไม่

แนววินิจฉัย

1. กรณีบริษัทฯ จ่ายค่าน้ำมันรถยนต์ให้กับพนักงานของบริษัทฯ ตามจำนวนที่จ่ายจริงในกรณีที่พนักงานใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปทำงานให้บริษัทฯ ถือเป็นรายจ่ายเกี่ยวกับการประกอบกิจการของบริษัทฯๆ มีสิทธินำค่าน้ำมันดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณ กำไรสุทธิได้ไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับค่าน้ำมันรถยนต์
ส่วนที่บริษัทฯ ได้จ่ายไปเกินกว่าจำนวนที่พนักงานของบริษัทฯ ได้จ่ายไปจริงถือเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว ต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร 2. กรณีพนักงานจะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำค่าน้ำมันไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42(1) แห่งประมวลรัษฎากร นั้น จะต้องมีหลักฐานการใช้รถยนต์และพิสูจน์จนเป็นที่เชื่อถือแก่การตรวจสอบ ไต่สวนของเจ้าพนักงานประเมิน ว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็น เฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมด เพื่อการปฏิบัติงานตามหน้าที่นั้นด้วย ประกอบกับบริษัทฯ ต้องมีระเบียบอนุญาตให้มีการเบิกจ่ายค่าน้ำมัน รถยนต์ได้ และมีหนังสืออนุญาตพร้อมทั้งการบันทึกอนุญาตให้เดินทางไปติดต่องานจากที่ใดถึงที่ใดระยะทางเท่าใด ชื่อเจ้าของรถยนต์ หมายเลขทะเบียนรถยนต์ ใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันรถยนต์ที่มีการระบุชื่อเจ้าของรถยนต์ หมายเลขทะเบียนรถยนต์ให้ชัดเจน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ข้อหารือกรมสรรพากรที่เกี่ยวข้อง

เลขที่หนังสือ

: กค 0702 / 88

วันที่

: 7 มกราคม 2552

เรื่อง

: ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากรณีจ่ายค่าน้ำมันรถยนต์แก่พนักงาน

ข้อกฎหมาย

:มาตรา 65 ตรีมาตรา 65 ตรี ( 13 ) และมาตรา 42 ( 1 ) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

บริษัท Officerประกอบธุรกิจให้เช่าและจำหน่ายเครื่องจักรมือสองบริษัทฯได้ให้พนักงานขายออกไปหาลูกค้าโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวของพนักงานเองบริษัทฯจึงคิดเปรียบเทียบว่าหากบริษัทฯซื้อรถยนต์มาไว้สำหรับพนักงานขายทุกคนบริษัทฯค่าซ่อมแซมค่าเบี้ยประกันภัยค่าทะเบียนและค่าน้ำมันแต่หากให้พนักงานขายนำรถยนต์ส่วนตัวขอพนักงานมาใช้และบริษัทฯจ่ายค่าตอบแทนตามกิโลเมตรที่ใช้ไปจริงในการปฏิบัติงานจะเป็นการประหยัดต้นทุของบริษัทฯซื้อรถยนต์เองบริษัทฯจะคำนวณค่าตอบแทนจากส่วนได้แก่
21 . คำนวณจากราคาน้ำมัน 1 ลิตรใหม่ให้ 10 กิโลเมตรเช่นน้ำมันดีเซลลิตรละ 36.84 บาทเท่ากับ 3.68 บาทใหม่ให้ 1 กิโลเมตรและน้ำมันเบนซินลิตรละ 37.99 บาทเท่ากับ 3.80 บาทใหม่ให้ 1 กิโลเมตร
2คำนวณโดยนำผลต่างของราคาระหว่างรถยนต์ใหม่กับรถยนต์ที่ใช้งานแล้ว 100000 กิโลเมตรและคำนวณออกมาเป็นต่อกิโลเมตรเช่นรถยนต์ใหม่ราคา 600000 บาทใช้ไป 100000 กิโลเมตรราคารถยนต์หลังใช้งานแล้วอยู่ที่ประมาณ 300 ,000 บาท ( คำนวณจากราคาตลาดโดยเฉลี่ย ) สรุปว่ามูลค่ารถยนต์ลดลงไป 300000 บาทซึ่งเท่ากับ 3 บาทต่อ 1 กิโลเมตร )
การคำนวณข้างต้นบริษัทฯได้อนุมัติให้จ่ายค่าตอบแทนสำหรับน้ำมันดีเซล 650 บาทต่อกิโลเมตรและน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 7 บาทต่อกิโลเมตร ( ตามราคาน้ำมันณวันที่ 5 สิงหาคม 2551 ) ในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าวบริษัทฯระบุไว้ในระเบียบบริษัทฯและมีการติดประกาศให้ทราบโดยทั่วกันโดยให้พนักงานรักษาความปลอดภัยจดเลขกิโลเมตรทั้งไปและกลับมีการขออนุมัติจากหัวหน้างานแนบใบเสร็จค่าน้ำมันที่ระบุเลขทะเบียนรถซึ่งต้องตรงกับที่นำไปใช้ในการปฏิบัติงานบริษัทฯเข้าใจว่าบริษัทฯและพนักงานก็ไม่ต้องนำไปถือเป็นรายได้เพราะเป็นการชดเชยที่พนักงานต้องลงทุนซื้อรถยนต์เพื่อมาใช้ในการปฏิบัติงานและรายจ่ายเกี่ยวกับรถยนต์บริษัทฯไม่ได้ร่วมรับผิดชอบบริษัทฯกับพนักงานบริษัทฯจึงขอทราบว่าถูกต้องหรือไม่

แนววินิจฉัย

1กรณีบริษัทฯจ่ายค่าน้ำมันรถยนต์ให้กับพนักงานของบริษัทฯตามจำนวนที่จ่ายจริงในกรณีที่พนักงานใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปทำงานให้บริษัทฯถือเป็นรายจ่ายเกี่ยวกับการประกอบกิจการของบริษัทฯๆกำไรสุทธิได้ไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรีแห่งประมวลรัษฎากรสำหรับค่าน้ำมันรถยนต์
ส่วนที่บริษัทฯได้จ่ายไปเกินกว่าจำนวนที่พนักงานของบริษัทฯได้จ่ายไปจริงถือเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัวต้องห้ามมิให้ถือเป็นรายจ่ายตามมาตรา 65 ตรี ( 3 ) แห่งประมวลรัษฎากร 2กรณีพนักงานจะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำค่าน้ำมันไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42 ( 1 ) แห่งประมวลรัษฎากรนั้นจะต้องมีหลักฐานการใช้รถยนต์และพิสูจน์จนเป็นที่เชื่อถือแก่การตรวจสอบว่าได้จ่ายไปโดยสุจริตตามความจำเป็นเฉพาะในการที่ต้องปฏิบัติการตามหน้าที่ของตนและได้จ่ายไปทั้งหมดเพื่อการปฏิบัติงานตามหน้าที่นั้นด้วยประกอบกับบริษัทฯต้องมีระเบียบอนุญาตให้มีการเบิกจ่ายค่าน้ำมันและมีหนังสืออนุญาตพร้อมทั้งการบันทึกอนุญาตให้เดินทางไปติดต่องานจากที่ใดถึงที่ใดระยะทางเท่าใดชื่อเจ้าของรถยนต์หมายเลขทะเบียนรถยนต์ใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันรถยนต์ที่มีการระบุชื่อเจ้าของรถยนต์
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: