หาดปากเมง เป็นหาดทรายที่ยาวเหยียดไป

หาดปากเมง เป็นหาดทรายที่ยาวเหยียดไปตามชายฝั่งทะเลอันดามัน เป็นหาดที่สวยงามและสงบเงียบแห่งหนึ่ง ชวนพักผ่อนในบรรยากาศชายทะเล หาดทรายรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวแห่งนี้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลแห่งแรกของเมืองตรัง โดดเด่นด้วยเขาใหญ่กลางน้ำรูปคล้ายคนนอนหงายคือเขาเมงหรือเกาะเมงถือเป็นสัญลักษณ์ของหาดนี้ ชายหาดเรียงรายด้วยสนทะเลขึ้นตลอดแนวกว่า 5 กม.เมื่อน้ำลงต่ำสุดจะเป็นหาดทรายกว้างร่วม 500 เมตร ทรายริมหาดแน่นมากสามารถขับรถยนต์ไปตามชายหาดได้ มีท่าเรือปากเมงซึ่งมีเรือบริการไปเกาะไหงและเกาะอื่นๆในบริเวณนั้นได้ ในตอนเย็นๆนักท่องเที่ยวมักมาเฝ้ารอชมความงดงามสุดแสนโรแมนติกของพระอาทิตย์ ที่จะค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าที่บริเวณหลังเกาะแห่งนี้

จังหวัดตรัง เป็นหนึ่งในจังหวัดริมฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่ามีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอยู่อย่างมากมาย จุดตั้งต้นการเดินทางไปถึงธรรมชาติอันงดงามเหล่านั้น ที่เปรียบเสมือนเป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งก็คือชายหาดเก่าแก่ที่เรียกกันว่า “หาดปากเมง”

หาดปากเมง ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พื้นที่ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา หรืออยู่ห่างจากตัวเมืองตรังเป็นระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร ลัดเลาะมาตามถนนทางหลวงหมายเลข 4046-4162 (ตรัง-สิเกา-ปากเมง) หรือหากท่านใดไม่มีรถส่วนตัว ก็สามารถใช้บริการรถตู้ปรับอากาศ สายตรัง-ปากเมง ได้ ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็จะมาถึงจุดหมาย

บริเวณสุดชายหาดด้านฝั่งทิศตะวันออกจะมี “ท่าเทียบเรือปากเมง”เพื่อให้บริการเรือเดินทางไปยังเกาะแก่งต่างๆ ของทะเลตรัง เพราะทริปท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จะเริ่มต้นรับ-ส่งนักท่องเที่ยวที่ “หาดปากเมง” นอกจากนั้น ริมชายหาดก็ยังมีร้านค้าต่างๆตั้งอยู่มากมาย โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีจุดเด่นอยู่ที่อาหารทะเลสดๆ รวมทั้งร้านของที่ระลึก และที่พักแบบบังกะโล

หาดปากเมง แห่งนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่าเป็น Unseen อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือ “หอยตะเภา” หอยหายากประจำถิ่นที่กำลังจะใกล้สูญพันธุ์แล้ว ซึ่งสามารถเห็นได้เฉพาะเวลาน้ำลงต่ำสุด ในช่วงข้างขึ้นหรือข้างแรม 13-14 ค่ำเท่านั้น จนทำให้เกิด “งานอนุรักษ์หอยตะเภา” ประจำปีขึ้น ทุกๆ วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน เพื่อเป็นการปกปักรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หาดปากเมง ชวนพักผ่อนในบรรยากาศชายทะเล 5 500 เมตร ที่จะค่อยๆ "หาดปากเมง" หาดปากเมง พื้นที่ตำบลไม้ฝาดอำเภอสิเกา 35 กิโลเมตรลัดเลาะมาตามถนนทางหลวงหมายเลข 4046-4162 (ตรัง - สิเกา - ปากเมง) หรือหากท่านใดไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถใช้บริการรถตู้ปรับอากาศสายตรัง - ปากเมงได้ ของทะเลตรังเพราะทริปท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเริ่มต้นรับ - ส่งนักท่องเที่ยวที่ "หาดปากเมง" นอกจากนั้น รวมทั้งร้านของที่ระลึกและที่พักแบบบังกะโลหาดปากเมงแห่งนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่าเป็น Unseen อีกอย่างหนึ่งซึ่งก็คือ "หอยตะเภา" ในช่วงข้างขึ้นหรือข้างแรม 13-14 ค่ำเท่านั้นจนทำให้เกิด "งานอนุรักษ์หอยตะเภา" ประจำปีขึ้นทุกๆวันเสาร์ - อาทิตย์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หาดปากเมง เป็นหาดทรายที่ยาวเหยียดไปตามชายฝั่งทะเลอันดามัน เป็นหาดที่สวยงามและสงบเงียบแห่งหนึ่ง ชวนพักผ่อนในบรรยากาศชายทะเล หาดทรายรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวแห่งนี้ โดดเด่นด้วยเขาใหญ่กลางน้ำรูปคล้ายคนนอนหงายคือเขาเมงหรือเกาะเมงถือเป็นสัญลักษณ์ของหาดนี้ชายหาดเรียงรายด้วยสนทะเลขึ้นตลอดแนวกว่า 5 กม .เมื่อน้ำลงต่ำสุดจะเป็นหาดทรายกว้างร่วม 500 เมตรทรายริมหาดแน่นมากสามารถขับรถยนต์ไปตามชายหาดได้มีท่าเรือปากเมงซึ่งมีเรือบริการไปเกาะไหงและเกาะอื่นๆในบริเวณนั้นได้ที่จะค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าที่บริเวณหลังเกาะแห่งนี้

จังหวัดตรัง เป็นหนึ่งในจังหวัดริมฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีว่ามีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอยู่อย่างมากมาย จุดตั้งต้นการเดินทางไปถึงธรรมชาติอันงดงามเหล่านั้น ซึ่งก็คือชายหาดเก่าแก่ที่เรียกกันว่า " หาดปากเมง "

หาดปากเมง ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พื้นที่ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา หรืออยู่ห่างจากตัวเมืองตรังเป็นระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร ลัดเลาะมาตามถนนทางหลวงหมายเลข 4046-4162 (ตรัง-สิเกา-ปากเมง) ก็สามารถใช้บริการรถตู้ปรับอากาศสายตรัง - ปากเมงได้ใช้ระยะเวลาเพียงแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะมาถึงจุดหมาย

บริเวณสุดชายหาดด้านฝั่งทิศตะวันออกจะมี “ท่าเทียบเรือปากเมง”เพื่อให้บริการเรือเดินทางไปยังเกาะแก่งต่างๆ ของทะเลตรัง เพราะทริปท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จะเริ่มต้นรับ-ส่งนักท่องเที่ยวที่ “หาดปากเมง” นอกจากนั้น โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีจุดเด่นอยู่ที่อาหารทะเลสดๆ รวมทั้งร้านของที่ระลึก และที่พักแบบบังกะโล

หาดปากเมง แห่งนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่าเป็น Unseen อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือ “หอยตะเภา” หอยหายากประจำถิ่นที่กำลังจะใกล้สูญพันธุ์แล้ว ซึ่งสามารถเห็นได้เฉพาะเวลาน้ำลงต่ำสุด ในช่วงข้างขึ้นหรือข้างแรม 13-14 จนทำให้เกิด “งานอนุรักษ์หอยตะเภา” ประจำปีขึ้น ทุกๆ วันเสาร์-อาทิตย์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน เพื่อเป็นการปกปักรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม