The main objective of this study is

The main objective of this study is to determine the usability of the straw and reed residues, which are generated during the bleached kraft pulp production, in constructional clay brick production. Due to the environmental regulations, demand for the high insulation capacity bricks is increasing. The thermal conductivity is a decisive factor for the heat-engineering
concept of thermal insulating material. Apart from the molecular composition of a material, it also depends on the air pore content and its structure.For building practice therefore the body density determines the thermal conductivity [5]. One of the most conventional ways to increase the insulation capacity of the brick is to generate porosity in fired clay body. Adding porosifers to the ceramic body can form pores. Most frequently used pore formers, which are used in clay brick
manufacturing can be classified into two groups. Sawdust, styropor, paper sludge, coal and coke are some examples for the organic pore formers. Perlite, diatomite, lime flour, pumice and vermiculite are examplesfor the inorganic (mineral) type pore formers. Organic pore formersare generally cheaper than inorganicsand also when they are burnt; it gives
oversupply of heat to the firing furnace. However, CO2 emission is the main drawback of the organic pore formers. Inorganic pore formers have less environmental problemsbut they may change the plasticity of the clay system negatively and may increase the water demand for the plasticity [6–9]. Organic process residues are extensively used as a pore former in brick industry. Paper making sludge or residues is one of the bestknown organic pore-forming residues. It contains both organic materialsand inorganicssuch as lime, kaolin or bentonite etc. [10].It should be mentioned that papermaking residues, because of the high fiber content, have now become indispensable in many clay products for the
stabilization of drying behaviour, so that apart from its pore forming action, it may also be regarded as a production auxiliary [11]. However, bleached Kraft pulp production, which isearly stage of paper production, also generates an important amount of organic residue, which contains short cellulose fibers without any mineral content, and this has not been utilized sufficiently yet.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์หลักของการศึกษานี้จะใช้ของฟางและลิ้นตก ที่สร้างขึ้นระหว่างการคราฟท์เซลเยื่อผลิต ผลิตอิฐดินโรงส่วน กำหนด เนื่องจากกฎหมายสิ่งแวดล้อม เป็นการเพิ่มความต้องการกำลังการผลิตอิฐฉนวนกันความร้อนสูง การนำความร้อนเป็นปัจจัยเด็ดขาดสำหรับวิศวกรรมความร้อนแนวคิดของวัสดุฉนวนกันความร้อน นอกจากส่วนประกอบระดับโมเลกุลของวัสดุ ยังขึ้นอยู่กับเนื้อหารูอากาศและโครงสร้างสำหรับการสร้างแบบฝึกหัดร่างกายดังนั้น ความหนาแน่นกำหนด [5] การนำความร้อน วิธีทั่วไปมากที่สุดเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตฉนวนกันความร้อนของอิฐจะสร้าง porosity ในเนื้อดินเผาที่ใช้เผาไหม้ เพิ่ม porosifers ตัวเซรามิกสามารถสร้างรูขุมขน ส่วนใหญ่มักใช้ formers รูขุมขนซึ่งจะใช้อิฐมอญผลิตสามารถแบ่งได้ 2 กลุ่ม ขี้เลื่อย styropor ตะกอนกระดาษ ถ่านหิน และโค้กเป็นตัวอย่างสำหรับ formers อินทรีย์รูขุมขน Perlite ผู้พิการทางสายตา แป้งมะนาว ภูเขาไฟ และ vermiculite เป็น examplesfor นินทรีย์ (แร่) พิมพ์ formers รูขุมขน อินทรีย์รูขุมขนโดยทั่วไปถูกกว่า inorganicsand formersare นอกจากนี้เมื่อจะเผา มันทำให้ล้นความร้อนกับเตายิง อย่างไรก็ตาม การปล่อยก๊าซ CO2 เป็นข้อเสียเปรียบหลักของ formers อินทรีย์รูขุมขน รูขุมขนอนินทรีย์ formers มีน้อย problemsbut สิ่งแวดล้อมที่พวกเขาอาจเปลี่ยน plasticity ของระบบดินส่ง และอาจเพิ่มความต้องการน้ำ plasticity [6-9] กระบวนการที่อินทรีย์ตกอย่างกว้างขวางใช้เป็นรูขุมขนเดิมในอุตสาหกรรมอิฐ กระดาษทำให้ตะกอนหรือตกค้างเป็นหนึ่งตกค้างที่รูขุมขนขึ้นรูปอินทรีย์ของ bestknown มันประกอบด้วยทั้ง inorganicssuch materialsand อินทรีย์เป็นมะนาว kaolin หรือ bentonite เป็นต้น [10]ควรกล่าวว่า papermaking ตก เนื่องจากเนื้อหาเส้นใยสูง มีตอนนี้กลายเป็นขาดไม่ได้ในดินหลายผลิตภัณฑ์สำหรับการเสถียรภาพของการอบแห้ง พฤติกรรมที่นอกเหนือจากรูขุมขนเป็นการดำเนินการ มันอาจยังถือเป็นการผลิตเสริม [11] อย่างไรก็ตาม bleached ผลิตเยื่อคราฟท์ ขั้นที่ isearly กระดาษผลิต ยังสร้างยอดสำคัญของอินทรีย์สารตกค้าง ซึ่งประกอบด้วยเส้นใยเซลลูโลสสั้นไม่ มีเนื้อหาใด ๆ แร่ และนี้มีไม่ได้ใช้เพียงพอยัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์หลักของการศึกษาครั้งนี้คือการตรวจสอบการใช้งานของฟางและสารตกค้างกกซึ่งถูกสร้างขึ้นในระหว่างการผลิตเยื่อกระดาษฟอกขาวคราฟท์ในการผลิตอิฐดินเหนียวก่อสร้าง เนื่องจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมความต้องการใช้อิฐกำลังการผลิตฉนวนกันความร้อนสูงจะเพิ่มขึ้น การนำความร้อนเป็นปัจจัยชี้ขาดสำหรับความร้อนวิศวกรรม
แนวคิดของวัสดุฉนวนความร้อน นอกเหนือจากองค์ประกอบโมเลกุลของวัสดุก็ยังขึ้นอยู่กับเนื้อหาของรูขุมขนทางอากาศและการปฏิบัติอาคาร structure.For ดังนั้นความหนาแน่นของร่างกายเป็นตัวกำหนดการนำความร้อน [5] หนึ่งในวิธีที่ธรรมดาที่สุดที่จะเพิ่มกำลังการผลิตฉนวนกันความร้อนจากอิฐคือการสร้างความพรุนในร่างกายดินเหนียวยิง เพิ่ม porosifers ต่อร่างกายเซรามิกสามารถสร้างรูขุมขน ที่ใช้บ่อยที่สุด formers รูขุมขนที่ใช้ในการก่ออิฐดินเหนียว
ผลิตสามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่ม ขี้เลื่อย, Styropor ตะกอนกระดาษถ่านหินและโค้กเป็นตัวอย่างสำหรับ formers รูขุมขนอินทรีย์ Perlite, ไดอะตอมไมท์, แป้งมะนาวภูเขาไฟและ vermiculite เป็น examplesfor นินทรีย์ (แร่) พิมพ์ formers รูขุมขน รูขุมขนอินทรีย์ formersare ทั่วไปราคาถูกกว่า inorganicsand ยังเมื่อพวกเขาถูกเผา; มันจะช่วยให้
อุปทานส่วนเกินของความร้อนเตาเผายิง อย่างไรก็ตามการปล่อยก๊าซ CO2 เป็นเสียเปรียบหลักของ formers รูขุมขนอินทรีย์ formers รูขุมขนนินทรีย์มี problemsbut สิ่งแวดล้อมน้อยกว่าพวกเขาอาจมีการเปลี่ยนแปลงของระบบการปั้นดินเหนียวในทางลบและอาจเพิ่มความต้องการน้ำสำหรับปั้น [6-9] ตกค้างกระบวนการอินทรีย์ถูกใช้อย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นอดีตรูขุมขนในอุตสาหกรรมอิฐ กระดาษทำให้ตะกอนหรือสารตกค้างที่เป็นหนึ่งในการสร้างอินทรีย์รูขุมขน bestknown ตกค้าง มันมีทั้ง inorganicssuch materialsand อินทรีย์มะนาวดินขาวหรือเบนโทไนท์และอื่น ๆ [10] มันควรจะกล่าวว่าสารตกค้าง papermaking, เพราะเนื้อหาที่มีเส้นใยสูงได้กลายเป็นตอนนี้ที่ขาดไม่ได้ในผลิตภัณฑ์ดินเหนียวมากสำหรับการ
รักษาเสถียรภาพของพฤติกรรมการอบแห้งเพื่อให้ นอกเหนือจากการกระทำของรูขุมขนของขึ้นรูปก็ยังอาจจะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ช่วยผลิต [11] อย่างไรก็ตามการผลิตเยื่อกระดาษฟอกขาวคราฟท์ซึ่งขั้นตอนของการผลิต isearly กระดาษยังสร้างจำนวนเงินที่สำคัญของสารตกค้างอินทรีย์ซึ่งมีเส้นใยเซลลูโลสสั้นโดยไม่มีแร่ธาตุใด ๆ และเรื่องนี้ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างพอเพียงยัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์หลักของการศึกษานี้ เพื่อศึกษาการใช้งานของฟางและรีดตกค้าง ซึ่งถูกสร้างขึ้นในระหว่างการฟอกสีเยื่อกระดาษคราฟท์ผลิตในการผลิตอิฐก่อสร้าง . เนื่องจากกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ความต้องการสำหรับฉนวนกันความร้อนอิฐความจุสูงเพิ่มมากขึ้น การนำความร้อนเป็นปัจจัยชี้ขาดสำหรับความร้อนวิศวกรรม
แนวคิดของความร้อนวัสดุฉนวน นอกเหนือจากองค์ประกอบของโมเลกุลของวัสดุนั้นขึ้นอยู่กับเนื้อหาและโครงสร้างของรูพรุนอากาศ เพื่อฝึกสร้างดังนั้นร่างกายกำหนดค่าการนำความร้อนความหนาแน่น [ 5 ] หนึ่งในวิธีแบบดั้งเดิมมากที่สุดเพื่อเพิ่มความจุของอิฐฉนวนกันความร้อนคือการสร้างรูพรุนในยิงตัวเคลย์เพิ่ม porosifers กับร่างกายเซรามิกสามารถสร้างรู ที่ใช้บ่อยที่สุดของแบบฟอร์มที่ใช้ในการผลิตอิฐ
ดินสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ขี้เลื่อย , styropor ตะกอนกระดาษ , ถ่านหินและโค้กมีตัวอย่างแบบฟอร์มรูขุมขนอินทรีย์ เพอร์ไลต์ดินเบา , มะนาว , แป้ง , หินและ vermiculite มี examplesfor อนินทรี ( แร่ ) ประเภทของภาพ .formersare รูขุมขนอินทรีย์โดยทั่วไปราคาถูกกว่า inorganicsand นอกจากนี้เมื่อพวกเขาจะเผามันให้
oversupply ของความร้อนเตาเผา . อย่างไรก็ตาม การปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นข้อเสียเปรียบหลักของแบบฟอร์มรูขุมขนอินทรีย์ อนินทรีย์ Formers รูขุมขนน้อยลงสิ่งแวดล้อม problemsbut พวกเขาอาจเปลี่ยนพลาสติกของดินในระบบ และอาจเพิ่มความต้องการน้ำสำหรับพลาสติก [ 6 – 9 ]คือกระบวนการอินทรีย์จะถูกใช้อย่างกว้างขวางในฐานะของอดีตในอุตสาหกรรมอิฐ กระดาษทําการตะกอนหรือเศษเป็นหนึ่งใน bestknown อินทรีย์จากการขึ้นรูปตกค้าง มีทั้งอินทรีย์วัสดุมุง inorganicssuch เป็นมะนาว ดินขาว หรือ เบนโทไนท์ ฯลฯ [ 10 ] . มันควรจะกล่าวว่า กระดาษเหลือใช้ เพราะปริมาณไฟเบอร์สูงตอนนี้ได้กลายเป็นที่ขาดไม่ได้ในผลิตภัณฑ์ดินเหนียวมาก
เสถียรภาพของพฤติกรรมการอบแห้ง ดังนั้น นอกเหนือจากการสร้างกระรูขุมขน อาจถือเป็นการผลิตเสริม [ 11 ] อย่างไรก็ตาม การผลิตเยื่อกระดาษคราฟท์ฟอกสี ซึ่ง isearly ขั้นตอนของการผลิตกระดาษ ยังสร้างจำนวนเงินที่สำคัญของอินทรีย์สารตกค้าง ซึ่งประกอบด้วยเซลลูโลสเส้นใยสั้นไม่มีแร่เนื้อหาและนี้ไม่ได้ถูกใช้อย่างพอเพียงเลย