RESULTS During the Mn depletion pha

RESULTS During the Mn depletion phase (0–8 wk), the average egg production of all the birds declined from 85.6 to 82.3% (data not shown in the table). During 9 to 12 wk, the egg production was not affected by dietary supplementation of Mn. Within the whole experimental phase, dietary Mn deficiency did not influence bird mortality (1.32%). Layers fed with 25 mg/kg of Mn had the highest egg production, but no differences were observed between the control group and the Mn-supplemented treatments in egg production, feed efficiency, or feed intake (Table 3; P > 0.05). The eggshell quality data are shown in Table 4. Dietary Mn supplementation at 100 mg/kg significantly increased eggshell breaking strength, thickness, and fracture toughness (P < 0.05) compared with the control group, whereas dietary Mn supplementation at 25 mg/kg had no significant effect on these properties (P > 0.05). Dietary Mn supplementation of 100 mg/kg significantly increased the eggshell breaking strength by 15.4%, the shell thickness by 9.72%, and the fracture toughness by 12.2% compared with the control group (P < 0.01). There were no differences in breaking strength, thickness, elastic modulus, or fracture toughness between the control and the dietary Mn supplementation of 25 mg/kg (P > 0.05). Moreover, there were no differences in egg weight, shell ratio, eggshell shape index, and stiffness between the control and the Mn-added groups (P > 0.05). Scanning electronic microscopy photographs (Figure 1) showed that dietary Mn deficiency caused a different eggshell ultrastructure compared with the Mn-added group. Manganese deficiency gave rise to larger and abnormally arranged mammillary cones, and there were obvious cracks on the outer surface in the control group. The thickness of the mammillary layer was 56.5% greater (Table 5) and the width of mammillary cones was 23.6% greater in the control group relative to the Mn-added group (100 mg/kg). Dietary supplementation of Mn at 100 mg/kg significantly reduced the thickness of the mammillary layer and the width of mammillary cones (P < 0.01). Furthermore, dietary Mn addition decreased the cuticle cracks on the outer surface of the eggshell. The content of uronic acids and GAG in the eggshell membrane, but not in the calcified eggshell, responded significantly to dietary Mn addition (P < 0.05). The mRNA expression of GlcAT-I in eggshell glands was also enhanced by dietary Mn supplementation (P < 0.05). There was no difference in mRNA expression of GlcAT-I between the control and dietary supplementation of 25 mg/kg Mn (P > 0.05). Dietary Mn supplementation of 25 mg/kg increased uronic acids and GAG in the eggshell membrane by 19.0 and 17.6% (Table 6), respectively, compared with the control group, but no significant differences were observed (P > 0.05). There were no differences in GAG and uronic acids in the calcified eggshell between the Mn-supplemented group and the control (P > 0.05). Western blot analysis indicated that the GlcAT-I synthesis was reduced because of Mn deficiency (Figure 2).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลลัพธ์ระหว่าง Mn เชิงเฟส (0-8 สัปดาห์), การผลิตไข่เฉลี่ยของนกทั้งหมดปฏิเสธจาก 85.6 คมนาคม (ข้อมูลไม่แสดงในตาราง) ระหว่าง 9 ถึง 12 สัปดาห์ การผลิตไข่ได้รับผลกระทบจากอาหารเสริมของ Mn ในขั้นตอนการทดลองทั้งหมด ขาดธาตุ Mn อาหารไม่มีผลนกตาย (1.32%) ชั้นเลี้ยง ด้วย 25 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของ Mn มีผลผลิตไข่สูงที่สุด แต่ข้อสังเกตไม่มีความแตกต่างระหว่างกลุ่มควบคุมและการรักษาเสริม Mn ในการผลิตไข่ อาหารประสิทธิภาพ หรือฟีดบริโภค (ตารางที่ 3 P > 0.05) ข้อมูลคุณภาพสีเปลือกไข่จะแสดงในตารางที่ 4 อาหารเสริม Mn ที่ 100 มิลลิกรัมกิโลกรัมเพิ่มแบ่งสีเปลือกไข่แข็งแรง หนา และกระดูก (P < 0.05) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ในขณะที่อาหารเสริม Mn ที่ 25 มิลลิกรัมกิโลกรัมมีคุณสมบัติเหล่านี้ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ (P > 0.05) อาหารเสริม Mn 100 มิลลิกรัมกิโลกรัมเพิ่มเปลือกไข่แรงทำลาย 15.4% ความหนาเปลือก 9.72% และความเหนียวแตกหัก โดย 12.2% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (P < 0.01) มีไม่มีความแตกต่างในการทำลายความแข็งแรง ความหนา โมดูลัสยืดหยุ่น หรือความเหนียวแตกหักระหว่างการควบคุมและการเสริม Mn อาหาร 25 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (P > 0.05) นอกจากนี้ มีไม่แตกต่างในน้ำหนักไข่ เปลือกสม ดัชนีรูปร่างสีเปลือกไข่ และความแข็งระหว่างตัวควบคุมและกลุ่มที่เพิ่ม Mn (P > 0.05) การสแกนภาพถ่ายไมโครสโคอิเล็กทรอนิกส์ (รูปที่ 1) พบอาหารที่ขาด Mn เกิด ultrastructure สีเปลือกไข่แตกต่างกันเมื่อเทียบกับกลุ่มเพิ่ม Mn ก่อให้เกิดการขาดธาตุแมงกานีสการกรวย mammillary ขนาดใหญ่ และจัดผิดปกติ และมีรอยแตกเห็นได้ชัดบนพื้นผิวด้านนอกในกลุ่มควบคุม ความหนาของชั้น mammillary 56.5% มากขึ้น (ตาราง 5) และความกว้างของกรวย mammillary 23.6% มากกว่าในกลุ่มควบคุมกับกลุ่มเพิ่ม Mn (100 mg/kg) อาหารเสริมของ Mn ที่ 100 มิลลิกรัมกิโลกรัมลดความหนาของชั้น mammillary และความกว้างของโคน mammillary (P < 0.01) นอกจากนี้ นอกจากนี้ Mn อาหารลดลงหนังรอยแตกบนพื้นผิวด้านนอกของเปลือกไข่ เนื้อหาของกรด uronic และปิดปาก ในเยื่อสีเปลือกไข่ แต่ ในเปลือก ไข่เศษ ไม่ตอบสนองอย่างมีนัยสำคัญนอกจาก Mn อาหาร (P < 0.05) การแสดงออกของ mRNA ของ GlcAT-ฉันในต่อมสีเปลือกไข่ยังเพิ่ม ด้วยอาหารเสริม Mn (P < 0.05) ดาวในนิพจน์ mRNA ของ GlcAT-ฉันระหว่างควบคุมอาหารเสริม 25 มิลลิกรัมกิโลกรัม Mn (P > 0.05) การเสริมอาหารกรด uronic 25 มิลลิกรัมกิโลกรัมเพิ่มขึ้นและปิดปาก Mn ในเมมเบรนสีเปลือกไข่โดย 19.0 และ 17.6% (ตาราง 6), ตามลำดับ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม แต่ข้อสังเกตไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (P > 0.05) มีไม่มีความแตกต่างในกรดก็อกและ uronic ในเปลือกไข่เศษระหว่างกลุ่มเสริม Mn และการควบคุม (P > 0.05) วิเคราะห์รอยเปื้อนตะวันตกระบุว่า การ GlcAT-ผมสังเคราะห์ลดลงเนื่องจากขาด Mn (รูป 2)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลในระหว่างขั้นตอนการพร่อง Mn (0-8 สัปดาห์) ที่ผลิตไข่เฉลี่ยของนกทั้งหมดลดลง 85.6-82.3% (ไม่ได้แสดงข้อมูลในตาราง) ในช่วงวันที่ 9-12 สัปดาห์, การผลิตไข่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการบริโภคอาหารเสริมของ Mn ในขั้นตอนการทดลองทั้งขาด Mn อาหารไม่ได้มีอิทธิพลต่อการตายของนก (1.32%) ชั้นที่เลี้ยงด้วย 25 mg / kg ของ Mn มีการผลิตไข่สูงสุด แต่ไม่แตกต่างกันถูกตั้งข้อสังเกตระหว่างกลุ่มควบคุมและรักษา MN-เสริมในการผลิตไข่ประสิทธิภาพการใช้อาหารหรือกินอาหาร (ตารางที่ 3; p> 0.05) ข้อมูลที่มีคุณภาพเปลือกไข่จะแสดงในตารางที่ 4 การเสริมอาหาร Mn ที่ 100 มก. / กก. เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญความแข็งแรงทำลายเปลือกไข่หนาและแตกหัก (P <0.05) เทียบกับกลุ่มควบคุมในขณะที่การบริโภคอาหารเสริม Mn ที่ 25 มก. / กก. มี ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับคุณสมบัติเหล่านี้ (p> 0.05) อาหารเสริม Mn 100 มิลลิกรัม / กิโลกรัมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเปลือกไข่ทำลายความแข็งแรงโดย 15.4%, ความหนาของเปลือกจาก 9.72% และแตกหักโดย 12.2% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (p <0.01) มีความแตกต่างในการทำลายความแข็งแรงความหนาของโมดูลัสยืดหยุ่นหรือแตกหักระหว่างการควบคุมและการเสริมอาหาร Mn 25 มก. / กก. ไม่ได้ (p> 0.05) นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างกันไม่มีน้ำหนักไข่เปลือกอัตราส่วนดัชนีรูปร่างเปลือกไข่และตึงระหว่างการควบคุมและกลุ่ม Mn เพิ่ม (p> 0.05) กล้องจุลทรรศน์อิเล็กทรอนิกส์รูปถ่าย (รูปที่ 1) พบว่าการขาด Mn อาหารที่เกิดจากการ ultrastructure เปลือกไข่ที่แตกต่างกันเมื่อเทียบกับกลุ่ม Mn เพิ่ม ขาดแมงกานีสก่อให้เกิดกรวย mammillary ขนาดใหญ่และจัดผิดปกติและมีรอยแตกที่เห็นได้ชัดบนพื้นผิวด้านนอกในกลุ่มควบคุม ความหนาของชั้น mammillary ได้มากขึ้น 56.5% (ตารางที่ 5) และความกว้างของกรวย mammillary เป็น 23.6% มากขึ้นในกลุ่มควบคุมเทียบกับกลุ่ม Mn เพิ่ม (100 มก. / กก.) เสริมอาหารของ Mn ที่ 100 มก. / กก. ลดลงอย่างมีนัยสำคัญความหนาของชั้น mammillary และความกว้างของกรวย mammillary (p <0.01) นอกจากนี้การบริโภคอาหาร Mn นอกจากลดลงรอยแตกหนังกำพร้าบนพื้นผิวด้านนอกของเปลือกไข่ เนื้อหาของกรด uronic และ GAG ในเยื่อหุ้มเปลือกไข่ แต่ไม่ได้อยู่ในเปลือกไข่จนใจตอบสนองอย่างมีนัยสำคัญในการบริโภคอาหาร Mn นอกจาก (P <0.05) การแสดงออกของ mRNA GlcAT-I ในต่อมเปลือกไข่ก็ยังได้รับการปรับปรุงโดยการบริโภคอาหารเสริม Mn (P <0.05) มีความแตกต่างในการแสดงออกของ GlcAT-I ระหว่างการควบคุมและเสริมอาหาร 25 มก. ไม่ได้ / กก Mn (p> 0.05) อาหารเสริม Mn 25 มก. / กก. เพิ่มขึ้นกรด uronic และ GAG ในเยื่อหุ้มเปลือกไข่โดย 19.0 และ 17.6% (ตารางที่ 6) ตามลำดับเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม แต่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (p> 0.05) มีความแตกต่างในการ GAG และกรด uronic ในเปลือกไข่จนใจระหว่างกลุ่ม MN-เสริมและการควบคุมได้ (p> 0.05) วิเคราะห์ดวงตะวันชี้ให้เห็นว่าการสังเคราะห์ GlcAT ฉันก็ลดลงเนื่องจากการขาด Mn (รูปที่ 2)