เรากับพ่อ ความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีนัก
คือห่างเหินกัน เพราะพ่อกับแม่แยกทาง กันตั้งแต่เด็ก และเราอยู่กับแม่และญาติฝ่ายแม่มาตลอด
ตอนเด็กๆ นานๆ ครั้งพ่อถึงจะมาหา ทุกครั้งที่มาก็พยายามซื้อของมาให้
พอเริ่มโต เป็นวัยรุ่น พ่อกลับยิ่งนานๆ มาที เราก็ยิ่งห่างเหิน
จนเรียนมหาวิทยาลัย เราย้ายต่างต่างจังหวดเข้ากรุงเทพ ก็ยิ่งห่างพ่อไปอีก
ทำให้เราเองไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมพอเท่าไหร่ เพราะอยู่ไกลกันด้วย
หลายๆ ครั้ง เวลากลับบ้านต่างจังหวัด เจอญาติๆ เจอเพื่อนๆเก่าของพ่อ ทุกคนจะถามว่า
ไปหาไปเยี่ยมมพ่อบ้างหรือยัง เห็นพ่อบ่นคิดถึง
ซึ่งเรากับน้องสาวก็ผลัดกันเดินทางไป (แอบมีเกี่ยงกันบ้าง)
จนเราเริ่มทำงาน เราแทบลืมพ่อไปเลย
แล้วส่วนมากพ่อจะติดต่อทางโทรศัพท์ ทุกครั้งที่พ่อโทรมาคือ "กินข้าวหรือยัง"
5 ปีผ่านไป ที่เราไม่ได้กลับไปเยีย่มพ่อเลย มีแต่น้องสาวที่ไปอยู่กับพ่อบ้าง ปีละครั้ง
เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว คืนนั้น ประมาณตีสอง เราได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในบ้าน
แล้วแม่มาเคาะห้อง บอกเราว่า คุณอาโทรมาจากต่างจังหวัด ตอนนี้พ่ออยู่ในห้องไอซียู ไม่ได้สติ
พอตีห้า เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นอีกครั้ง ตอนนั้นเรารู้เลยว่าหมายความว่ายังไง
พอเดินเดินขึ้นมาบอก ในใจเราก็หวิว มันอึ้ง ตื้อ ตัน
แต่พอเห็นน้องสาวน้องร้องไห้ น้ำตาเราก็ไหลไม่หยุด
แล้วเราก็จับรถทัวร์จับต่างจังหวัดเช้ามืดวันนั้นเลย
เราไปถึงวัดประมาณบ่ายๆ ประโยคแรกที่เราพูดออกมาได้ ต่อหน้าโรงศพพ่อคือ
"ทำไมพ่อไม่รอหนู"
ซึ่งอาเล่าให้ฟังทีหลังว่า จริงๆ แล้ว พ่อเราป่วยเป็นมะเร็งตับ (สมัยหนุ่มๆ พ่อกินเหล้าเก่งมาก เป็นเพลย์บอยขึ้นชื่อ)
แล้วพ่อไม่ยอมบอกให้ใครรู้ แม้แต่คุณอาที่อยู่ด้วยกันตลอด ก็ไม่รู้
วันที่พ่อทรุดนั้น คือวันที่พ่อไม่ยอมไปรับยา (ตามปรกติที่เคยไปรับ) เพราะชะล่าใจคิดว่าไปรับช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร
จนปวดท้องมาก อาจึงพาไปโรงบาล จึงได้รู้ความจริง
พ่อบอกว่า ไม่อยากให้ลูกๆ รู้เพราะกลัวพวกเราจะไม่สบายใจ
และวันนั้นก่อนที่พ่อจะหมดสติไป พ่อพยายามติดต่อเราทางโทรศัพท์มือถือหลายครั้งมาก แต่โทรไม่ติดเลย
เพราะโทรศัพท์เราเพิ่งหายไปได้ 2วัน แล้วยังไม่ได้ซื้อใหม่
กว่าอาจะหาเบอร์บ้านเราเจอก็จนพ่อหมดสติไปแล้ว
เราเสียดายและเสียใจมากที่ไม่ได้พูดอะไรกับพ่อเป็นครั้งสุดท้าย
ตอนเด็กๆ เราคิดตามประสาเด็กๆ ว่า ไม่มีพ่อก็ไม่เห็นเป็นไร เราก็อยู่ได้
ทั้งคิดแบบเด็กๆ และคิดดว้ยความโกรธเคืองพ่อ ที่พ่อไม่เอาไหน ไม่เลี้ยงดูลูกอย่างที่ควรจะเป็น
จนวันที่เค้าไม่อยู่แล้ว เราถึงได้รู้ว่า จริงๆ แล้วชีวิตเราควรมีเค้า
เราควรได้ใกล้ชิดกันตามประสาพ่อลูกได้มากกว่านี้ และเราก็ต้องการเค้ามาตลอด
และเราก็สงสารน้องมาก ที่ต้องจากพ่อไปตั้งแต่ยังไม่ถึงขวบ
ทุกวันนี้ ทุกครั้งที่เรามีแว๊บความคิดว่า อยากมีลูกโดยไม่ต้องแคร์ว่าจะมีสามีหรือเปล่า
(เพราะเราเห็นแม่ เป็นซิงเกิ้ลมัม มาตั้งแต่เด็กๆ เราคุ้นกับการไม่มีผู้ชายในบ้านมานาน)
เราก็นึกถึงตัวเอง ที่เติบโตมาแบบไม่มีพ่อให้ให้ใกล้ชิดดูแล แท้ที่จริงแล้ว
ต่อให้เราเข้มแข็งยังไง แน่ข้างใจลึกเรามันก็มันหว้าเหว่
บทจะอ่อนแอ บทจะรู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยว มันก็ Deep มาก
มากจนน่ากลัว เราไม่อยากให้ลูกของเราในอนาคตต้องมาเจอสภาพแบบนั้น
พอนึกได้แบบนั้น ความคิดแบบนั้นก็เลือนหายไปในทันที
ทุกครั้งที่ใครพูดถึงเรื่องปัญหาพ่อกับแม่ ให้เราฟัง
เราจะบอกทุกคนเสมอว่า ทำเถอะ ทำอะไรก็ได้
ทำในวันที่เค้ายังอยู่กับเรา แล้วมันจะได้ไม่ต้องมาเสียดายทีหลังเหมือนเรา