P. massoniana and R. regia. P. mass

P. massoniana and R. regia. P. massoniana had the lowest understory biomass
at 10 g m−2 but similar litter biomass to the other forest types.
R. regia also had very little understory biomass and litter. Litter biomass
was highest in the shrubland at 1020 g m−2
, whereas the mass of litter
in the forest plantations—except for R. regia—ranged from 180 to 325 g
m−2 (Table 1). Understory dry mass and litter dry mass were signifi-
cantly correlated, but this was largely due to the one point from the
shrubland plots (Fig. 3).
Mean percent ground cover was highest in the shrubland plots at
91%, while ground cover in the forest plots ranged from 55% in
Roystonea to 83% in the indigenous forest. Cassava and lemon grass
had 63% and 79% ground cover, respectively, indicating no clear difference
in ground cover between the latter stages of these crops and the
various forest types (Table 1). Mean percent ground cover was correlated
with understory biomass (r = 0.51) and inversely correlated with
canopy openness (r = −0.44), but these correlations were not statistically
significant.
Soil texture did not vary greatly among the land-use types, as percent
silt plus clay was always at least 74% (Table 2). Lemon grass had
the lowest mean clay content and the highest mean sand content,
whereas cassava had the highest mean clay content and the lowest percent
sand (Table 2). Notably, the bare land also had relatively high mean
percent sand at nearly 26% (Table 2).
Soil bulk densities ranged from 0.86 to 1.31 g cm−3 with the highest
bulk density being in the shrubland (1.31 g cm−3
), followed by R. regia
(1.18 g cm−3
) (Table 2). Soil bulk densities in the forest land types
ranged from 0.98 to 1.18 g cm−3
, with the highest density in the
R. regia stands and the lowest in P. massoniana and Acacia ssp.
Soil hardness was highest in the lemon grass and bare lands at more
than 18 MPa. The forest and shrub lands generally had values below
11 mm except for the Roystonea plots at 13 mm and the A. mangium
plots at 12 mm (Table 2). There was no clear pattern in mean soil
water content between the plots (Table 2), and this can be attributed
to the varying rainfall over the sampling period

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

P. massoniana และ R. regia P. massoniana มีชีวมวลการศึกษาต่ำที่ m−2 10 กรัมแต่แคร่ชีวมวลที่คล้ายกับป่าชนิดอื่น ๆอาร์ regia มีชีวมวลศึกษาน้อยมากและทิ้ง ชีวมวลแคร่สูงที่สุดใน shrubland ที่ 1020 g m−2ในขณะที่มวลชนกระบะในการปลูกป่า — ยกเว้นอาร์ regia ซึ่งอยู่ในช่วงจาก 180 ไป 325 gm−2 (ตารางที่ 1) ศึกษามวลแห้งและทิ้งมวลแห้งมีความ -cantly correlated แต่ส่วนใหญ่คราวหนึ่งจุดจากการshrubland ลงจุด (Fig. 3)หมายถึง การครอบคลุมพื้นดินร้อยละสูงที่สุดในผืน shrubland ที่91% ในขณะที่ฝาครอบพื้นดินในผืนป่าอยู่ในช่วงจาก 55% ในรอยสโตเนย 83% ในป่าพื้นเมือง มันสำปะหลังและตะไคร้มี 63% และฝาครอบพื้นดิน 79% ตามลำดับ เพื่อแสดงความแตกต่างไม่ชัดเจนในฝาครอบพื้นดินระหว่างระยะหลังของพืชเหล่านี้และต่าง ๆ ป่าชนิด (ตาราง 1) หมายถึง เปอร์เซ็นต์ดินปะถูก correlatedมีชีวมวลศึกษา (r = 0.51) และ inversely correlated กับวิอย่างยิ่ง (r = −0.44), แต่ความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่ทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญเนื้อดินได้ไม่แตกต่างกันมากระหว่างการใช้ที่ดินชนิด เปอร์เซ็นต์ตะกอนและดินเหนียวได้เสมอน้อย 74% (ตารางที่ 2) มีตะไคร้เนื้อหาดินเฉลี่ยต่ำสุดและสูงสุดเฉลี่ยทรายเนื้อหาในขณะที่มันสำปะหลังมีเนื้อหาดินเฉลี่ยสูงสุดและเปอร์เซ็นต์ต่ำสุดทราย (ตาราง 2) ยวด ที่ดินเปลือยยังมีค่าเฉลี่ยค่อนข้างสูงทรายเปอร์เซ็นต์เกือบ 26% (ตารางที่ 2)ความหนาแน่นเป็นกลุ่มดินที่อยู่ในช่วงจาก 0.86 การ cm−3 1.31 g กับสูงสุดความหนาแน่นจำนวนมากใน shrubland (1.31 กรัม cm−3), ตาม ด้วยอาร์ regia(1.18 g cm−3) (ตารางที่ 2) ความหนาแน่นจำนวนมากดินประเภทดินป่าอยู่ในช่วงจาก 0.98 กับ 1.18 g cm−3มีความหนาแน่นสูงสุดในการยืน R. regia และต่ำสุดใน P. massoniana และ ssp. เซียดินความแข็งสูงที่สุดในตะไคร้และที่ดินเปล่าที่เพิ่มเติมกว่าแรง 18 ที่ดินป่าและพุ่มไม้โดยทั่วไปมีค่าด้านล่าง11 มม.ยกเว้นรอยสโตเนยลงจุดที่ 13 mm และ mangium อ.ผืนที่ 12 มม. (ตาราง 2) มีรูปแบบไม่ชัดเจนหมายถึงดินสามารถบันทึกปริมาณน้ำระหว่างโครงการ (ตารางที่ 2), และนี้กับปริมาณน้ำฝนแตกต่างกันในช่วงที่สุ่มตัวอย่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

P. massoniana และรกรดกัดทอง P. massoniana มีชีวมวล understory ที่ต่ำสุด
อยู่ที่ 10 กรัม-2 แต่ชีวมวลครอกคล้ายกับป่าประเภทอื่น ๆ .
อาร์ กรดกัดทองยังมีชีวมวล understory น้อยมากและครอก ชีวมวลครอก
เป็นที่สูงที่สุดในชรับแลนด์ที่ 1,020 กรัม-2
ในขณะที่มวลของเศษซากพืช
ในป่าสวน-ยกเว้นอากรดกัดทองอยู่ระหว่าง 180-325 กรัม
M-2 (ตารางที่ 1) understory มวลแห้งและครอกมวลแห้งมีนัยสำคัญ
ด้วยกันมีความสัมพันธ์ แต่นี่เป็นส่วนใหญ่เนื่องจากการจุดหนึ่งจาก
แผนการชรับแลนด์ (รูปที่. 3).
คลุมดินร้อยละค่าเฉลี่ยสูงสุดในแปลงชรับแลนด์ที่
91% ในขณะที่พืชคลุมดินใน แปลงป่าตั้งแต่ 55%
Roystonea 83% ในป่าพื้นเมือง มันสำปะหลังและตะไคร้
มี 63% และ 79% คลุมดินตามลำดับแสดงให้เห็นไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจน
ในการคลุมดินระหว่างช่วงหลังของพืชเหล่านี้และ
ป่าประเภทต่างๆ (ตารางที่ 1) ร้อยละค่าเฉลี่ยคลุมดินมีความสัมพันธ์
กับชีวมวล understory (r = 0.51) และมีความสัมพันธ์ผกผันกับ
การเปิดกว้างหลังคา (r = -0.44) แต่ความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่ได้ทางสถิติ
อย่างมีนัยสำคัญ.
เนื้อดินไม่ได้แตกต่างกันมากในหมู่ประเภทการใช้ที่ดินเป็นร้อยละ
ตะกอนดินเหนียวบวกอยู่เสมออย่างน้อย 74% (ตารางที่ 2) ตะไคร้มี
ค่าเฉลี่ยเนื้อหาดินที่ต่ำสุดและสูงสุดหมายถึงเนื้อหาทราย
ในขณะที่มันสำปะหลังมีค่าเฉลี่ยเนื้อหาดินสูงสุดและต่ำสุดร้อยละ
ทราย (ตารางที่ 2) ยวดที่ดินเปล่ายังมีค่อนข้างสูงหมายความว่า
ทรายที่เกือบร้อยละ 26% (ตารางที่ 2).
ความหนาแน่นเป็นกลุ่มดินอยู่ในช่วง 0.86-1.31 กรัมเซนติเมตร-3 กับสูงสุด
ความหนาแน่นอยู่ในชรับแลนด์ (1.31 กรัมซม. 3
) ตามด้วยอาร์กรดกัดทอง
(1.18 กรัมซม. 3
) (ตารางที่ 2) ความหนาแน่นเป็นกลุ่มของดินในพื้นที่ป่าไม้ประเภท
อยู่ในช่วง 0.98-1.18 กรัมเซนติเมตร-3
ที่มีความหนาแน่นสูงสุดใน
อาร์ กรดกัดทองยืนและต่ำสุดใน P. massoniana และ Acacia เอสเอส.
ความแข็งของดินเป็นที่สูงที่สุดในตะไคร้และที่ดินเปล่าที่มากขึ้น
กว่า 18 เมกะปาสคาล ที่ดินป่าไม้และไม้พุ่มโดยทั่วไปมีค่าต่ำกว่า
11 มิลลิเมตรยกเว้นแปลง Roystonea ที่ 13 มิลลิเมตรและ A. mangium
แปลงที่ 12 มิลลิเมตร (ตารางที่ 2) ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจนในดินเฉลี่ย
ปริมาณน้ำระหว่างแปลง (ตารางที่ 2) และนี้สามารถนำมาประกอบ
กับปริมาณน้ำฝนที่แตกต่างกันในช่วงเวลาการสุ่มตัวอย่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หน้า massoniana และ R . เร . หน้า massoniana มี
ชีวมวล understory สุดที่ 10 g m − 2 แต่ขยะชีวมวลชนิดอื่น ๆที่คล้ายกันกับป่า
R . Regia ยังมีน้อยมาก understory ชีวมวลและขยะ ขยะชีวมวล
มีค่าสูงสุดใน shrubland ที่ 1020 กรัม m − 2

ส่วนมวลของขยะในป่าสวน ยกเว้นอาร์เรตั้งแต่ 180 ถึง 325 กรัม
m − 2 ( ตารางที่ 1 )understory แห้งและซากพืชแห้ง signifi -
ลดลงอย่างมีนัยสําคัญเมื่อมีความสัมพันธ์กัน แต่นี้เป็นส่วนใหญ่เนื่องจากจุดหนึ่งจาก
shrubland แปลง ( รูปที่ 3 ) .
หมายถึงเปอร์เซ็นต์พืชคลุมดินมีค่าสูงสุดในแปลงทดลอง shrubland
91% ในขณะที่คลุมดินในป่าแปลงระหว่าง 55% ใน
roystonea เพื่อ 83% ในป่าพื้นเมือง มันสำปะหลังและตะไคร้
ได้ 63% และ 79 % ปกดิน ตามลำดับระบุว่า ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง
ในพื้นดินครอบคลุมในระยะหลังของพืชเหล่านี้และ
ป่าชนิดต่างๆ ( ตารางที่ 1 ) หมายถึงเปอร์เซ็นต์ครอบคลุมพื้นดิน มีความสัมพันธ์กับมวลชีวภาพ understory
( r = 0.51 ) และความสัมพันธ์ผกผันกับ
ท้องฟ้าเปิดกว้าง ( r = − 2 ) แต่ความสัมพันธ์เหล่านี้ไม่ได้มีนัยสำคัญ
.
เนื้อดินไม่แตกต่างกันมากในประเภทการใช้ที่ดินเป็นร้อยละ
ทรายแป้งและดินเหนียวอยู่เสมออย่างน้อย 74% ( ตารางที่ 2 ) ตะไคร้มี
เฉลี่ยสูงสุดหมายถึง ทรายและดินเนื้อหาเนื้อหา
ส่วนมันสำปะหลังมีค่าเฉลี่ยปริมาณดินเหนียวและทรายร้อยละ
น้อยที่สุด ( ตารางที่ 2 ) ยวด , ที่ดินเปล่ามีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างสูงหมายถึง
ทรายเกือบ 26 ล้านบาท ( ตารางที่ 2 ) และความหนาแน่นรวมของดิน
ระหว่าง 0.86 ถึง 1.31 กรัม cm − 3 สูงสุด
ความหนาแน่นอยู่ใน shrubland ( 1.31 กรัม cm − 3
) , ตาม โดย เจีย
( 1.18 g cm − 3
) ( ตารางที่ 2 ) ความหนาแน่นดินขนาดใหญ่ในประเภทป่าบก
มีค่า 0.98 1.18 g cm − 3
ที่มีความหนาแน่นสูงสุดใน
R . เรยืนและต่ำสุดในหน้า massoniana และกระถิน ssp .
ความแข็งของดินมีค่าสูงสุดในตะไคร้และเปลือย ดินแดนที่มากขึ้น
กว่า 18 MPaป่า และไม้พุ่มมีที่ดินโดยทั่วไปค่าด้านล่าง
11 มม. ยกเว้น roystonea แปลงที่ 13 มิลลิเมตร และ ก. กระถินเทพา
แปลงที่ 12 มม. ( ตารางที่ 2 ) ไม่มีรูปแบบชัดเจนในหมายถึงดิน
ปริมาณน้ำระหว่างแปลง ( ตารางที่ 2 ) และนี้สามารถนำมาประกอบกับการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำฝน
การศึกษา