An experiment was carried out in 6

An experiment was carried out in 6 earthen ponds to investigate the effects of stocking density on growth, survival and production of Thai climbing perch (Anabas testudineus). Three stocking densities (treatments) were compared: ponds with 350, 400 and 550 individuals per decimal (0.01 acre). All treatments were randomly assigned and in duplicate. Artificial feed containing 34% crude protein was applied initially 20% of total fish weight per day. Gradually the feeding rate was reduced to 15, 12, 10, 8 and 5% of total fish weight per day. Feeding rates per pond were adjusted fortnightly after weighing minimum 20% of the fish stocked. The duration of the experiment was 90 days. Results showed that all growth parameters were higher in ponds with lower stocking density than the ponds with higher stocking density, while total fish yield was higher in ponds with higher stocking density than in the ponds with lower stocking density. Cost-benefit analysis revealed that all three systems were economically profitable. However, the ponds with a stocking density of 550 individuals per decimal were the most profitable system. More research is still needed to further optimize stocking density of Thai climbing perch in aquaculture ponds. Until then, stocking 550 individuals of Thai climbing perch per decimal will yield a good production to fish farmers in the South and South-East Asian regions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การทดลองที่ดำเนินในบ่อ 6 เป็นการตรวจสอบผลกระทบของการสร้างความหนาแน่นเจริญเติบโต ความอยู่รอด และผลิตปลากะพงปีนเขาไทย (สกุลปลาหมอ testudineus) สามมิติความหนาแน่น (รักษา) ได้เปรียบเทียบ: บ่อกับ 350, 400 และ 550 บุคคลต่อทศนิยม (0.01 เอเคอร์) รักษาทั้งหมดถูกกำหนดแบบสุ่ม และซ้ำ อาหารประดิษฐ์ 34% มีโปรตีนหยาบถูกใช้ครั้งแรก 20% ของน้ำหนักปลาทั้งหมดต่อวัน อัตราอาหารค่อย ๆ ถูกลดลงไป 15, 12, 10, 8 และ 5% ของน้ำหนักปลาทั้งหมดต่อวัน มีปรับราคาอาหารต่อบ่อ fortnightly หลังจากชั่งน้ำหนักต่ำสุด 20% ของปลาที่เก็บ ระยะเวลาทดลอง 90 วันได้ ผลพบว่า พารามิเตอร์ทั้งหมดเจริญเติบโตได้สูงในบ่อมีมิติความหนาแน่นน้อยกว่าบ่อที่มีความหนาแน่นมิติสูง ในขณะที่ผลผลิตปลารวมที่สูงกว่าในบ่อด้วยสูงมิติความหนาแน่นมากกว่าในบ่อที่มีความหนาแน่นน้อยมิติ ต้นทุนผลได้เปิดเผยว่า ระบบสามทั้งหมดได้อย่างมีกำไร อย่างไรก็ตาม บ่อ มีความหนาแน่นมิติบุคคล 550 ต่อทศนิยมถูกระบบกำไรมากที่สุด ยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะสมมิติความหนาแน่นของปลาปีนเขาไทยกะพงในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จนแล้ว มิติบุคคล 550 ของปลากะพงปีนเขาไทยต่อทศนิยมจะได้ผลิตดีปลาเกษตรกรในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การทดลองได้ดำเนินการใน 6 บ่อดินเพื่อศึกษาผลของความหนาแน่นต่อการเจริญเติบโตของการอยู่รอดและการผลิตของปลาปีนไทย (Anabas testudineus) สามความหนาแน่น (การรักษา) ถูกนำมาเปรียบเทียบ: บ่อที่มี 350, 400 และ 550 ต่อบุคคลทศนิยม (0.01 เอเคอร์) การรักษาทั้งหมดได้รับการสุ่มและซ้ำกัน ฟีดประดิษฐ์ที่มี 34% โปรตีนถูกนำมาใช้ครั้งแรก 20% ของน้ำหนักปลารวมต่อวัน ค่อยๆอัตราการให้อาหารก็ลดลงถึง 15, 12, 10, 8 และ 5% ของน้ำหนักปลารวมต่อวัน อัตราการให้อาหารต่อบ่อมีการปรับรายปักษ์หลังชั่งน้ำหนักขั้นต่ำ 20% ของปลาที่สต็อคไว้ ระยะเวลาของการทดลองคือ 90 วัน ผลการศึกษาพบว่าทุกพารามิเตอร์การเจริญเติบโตที่สูงขึ้นในบ่อที่มีความหนาแน่นต่ำกว่าบ่อที่มีความหนาแน่นสูงขึ้นในขณะที่ผลผลิตปลารวมที่สูงขึ้นในบ่อที่มีความหนาแน่นสูงกว่าในบ่อที่มีความหนาแน่นต่ำ การวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์เปิดเผยว่าทั้งสามระบบมีผลกำไรทางเศรษฐกิจ แต่บ่อที่มีความหนาแน่นของ 550 บุคคลต่อทศนิยมเป็นระบบการทำกำไรมากที่สุด จำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมยังคงเพิ่มประสิทธิภาพความหนาแน่นของปลาปีนเขาไทยบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์ จนแล้วปล่อย 550 บุคคลของเกาะปีนไทยต่อทศนิยมจะให้ผลผลิตที่ดีในการผลิตปลาเกษตรกรในภาคใต้และตะวันออกเฉียงใต้ภูมิภาคเอเชีย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การทดลองได้ดำเนินการใน 6 บ่อดิน เพื่อศึกษาผลของความหนาแน่นต่อการเจริญเติบโต การรอดตาย และการผลิตของไทยปลาหมอไทย ( หัสตินาปุระ testudineus ) 3 ) จัดเก็บ ( การรักษา ) : บ่อเปรียบเทียบกับ 350 , 400 และ 550 บุคคลต่อทศนิยม ( 0.01 เอเคอร์ ) การรักษาทั้งหมดเป็นแบบสุ่มและที่ซ้ำกันประดิษฐ์อาหารที่มี 34 % โปรตีนถูกใช้ครั้งแรก 20% ของน้ำหนักรวมของปลาต่อวัน ค่อย ๆอัตราการกินอาหารลดลงถึง 15 , 12 , 10 , 8 และ 5 % ของน้ำหนักรวมของปลาต่อวัน อัตราการให้อาหารต่อบ่อ ปรับข้อมูลรายปักษ์ หลังจากชั่งอย่างน้อย 20% ของปลาเลี้ยง . ระยะเวลาในการทดลอง 90 วันผลการทดลองพบว่า พารามิเตอร์การเจริญสูงกว่าในบ่อที่มีความหนาแน่นต่ำกว่าบ่อที่มีความหนาแน่นสูงกว่า ในขณะที่ผลผลิตปลารวมสูงกว่าในบ่อที่มีความหนาแน่นสูงกว่าในบ่อลดความหนาแน่น . การวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ พบว่า ทั้ง 3 ระบบ คือกำไรทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามบ่อที่มีความหนาแน่นของ 550 บุคคลต่อทศนิยมเป็นระบบที่ทำกำไรมากที่สุด วิจัยเพิ่มเติม ก็ยังคงต้องมีต่อไปปรับความหนาแน่นของปลาหมอไทยในบ่อ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จนกว่าจะถึงตอนนั้น , 550 บุคคลของปลาหมอไทยต่อทศนิยมจะให้ผลผลิตดี ปลาของเกษตรกรในภาคใต้และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถุงน่อง