Farms of the Future[1] Skyscrapers

Farms of the Future

[1] Skyscrapers are the ultimate symbol of urban life. City dwellers are used to seeing tall office buildings, multistory five stars hotels, and apartment towers with thousands of residents. Farms, on the other hand, are associated with rural life. However there are experts who think that some skyscrapers should become farms in order to meet the increasing food needs of our planet.

[2] By 2050 some social scientist suggest, almost 80 percent of the earth’s population could live in cities. In addition, the human population could increase to 9.1 billion people during that time yet the amount of land available for farming will be the same. If current farming practices don’t change by the middle of this century, one prominent expert claims, we will need an area of new and larger than Brazil to produce enough food for the planet.

[3] Vertical farms, where urban farmers could grow crops like wheat and rice in environmentally friendly skyscrapers, could be the solution. In spite of concerns over high costs, environmental health experts want to make these urban farms a reality and these skyscrapers to grow crops. They believe that we can increase food production by changing our thinking from out to up.

[4] Vertical farms would have many advantages, supporters say. Vertically grown food would be cultivated with minimal effects on the environment. Unlike traditional farming, vertical farming would not force animals out of their habitats but taking over large areas of land, nor would it pollute the air with the use of heavy farming equipment. Finally, in addition to creating more farmable land, vertical farms would reduce the cost and negative effects of transporting food over long distances.

[5] Growing prosperity around the world has led to many people demanding and expecting that all foods are available all year round. Indoor farming could produce crops constantly and crops would not suffer from weather-related problems like drought or flooiding. In addition, the use of chemical pesticides for controlling insects would be minimal.

[6] Critics of vertical farming point out that altough crops groung in ga tall glass building would get natural sunlight during the day, it wouldn’t be enough. The plants closest to the windoes would grow much more quickly than the plants further inside. The plans growing awa from the windows may not produce as many or as high quality vegetables. For these reasons, vertical farms would need additional light sources.

[7] Researchers have found that even in single-story greenhhouses, artificial light is often needed for year-round crops. For example, Thanet Earth is a large indoor farming complex in the United Kingdom that oroduces 15 percent of the british lettuce crop. During the winter, the complex uses artificial light for 15 hours a day. Experts have concluded that generating enough solar energy requires an area about 20 times larger than the planting area. Therefore, natural light cannot e a workable solution for vertical farms.

[8] Another way of growing fresh food year-round is to build urban farms on rooftops. This more practical approach may be more achievable than the ide of farms in glass skyscrappers, researchers suggest. Howeverm rooftop farming is expensive, and unless people want to pay more fro fresh, local food, the technique may not succeed in the marketplace.



[9] Experts agree that innovative farming ractices are needed to support the planet’s need for more an more food at affordabke costs, both to the farmer and to the consumer, vertical and rooftop farms may be a small-scale answer, but the best ideas could be yet to come

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ฟาร์มในอนาคต[1] ตึกระฟ้าเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของชีวิตเมือง ประชาชนจะใช้ในการชมอาคารสำนักงานสูง โรงแรมห้าดาว multistory และทาวเวอร์อพาร์ทเมนท์พันคน ฟาร์ม คง เกี่ยวข้องกับชีวิตในชนบท อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญที่คิดว่า ตึกระฟ้าบางควรจะ ฟาร์มเพื่อตอบสนองความต้องการอาหารเพิ่มมากขึ้นของดาวเคราะห์ของเรา [2] ภายในปี 2050 นักวิทยาศาสตร์สังคมบางแนะนำ เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของประชากรของโลกอยู่ในเมือง นอกจากนี้ ประชากรมนุษย์อาจเพิ่มถึง 9.1 พันล้านคนในช่วงเวลานั้น ได้จำนวนที่ดินสำหรับทำฟาร์มจะเหมือนกัน ถ้าปฏิบัตินาปัจจุบันไม่เปลี่ยนแปลง โดยตรงกลางของศตวรรษนี้ ผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นหนึ่งอ้าง เราจะได้พื้นที่ใหม่ และใหญ่กว่าประเทศบราซิลเพื่อผลิตอาหารให้เพียงพอสำหรับโลก [3] ฟาร์มแนวตั้ง ที่เมืองเกษตรกรสามารถปลูกพืชเช่นข้าวสาลีและข้าวในตึกระฟ้ามิตร สามารถแก้ปัญหา แม้ความกังวลผ่านต้นทุนสูง ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพสิ่งแวดล้อมต้องทำฟาร์มเมืองเหล่านี้เป็นจริงและตึกระฟ้าเหล่านี้จะเติบโตพืช พวกเขาเชื่อว่า เราสามารถเพิ่มการผลิตอาหาร โดยการเปลี่ยนความคิดของเราจากออกขึ้น[4] ผู้สนับสนุนกล่าวว่า ฟาร์มแนวตั้งจะมีข้อดีมากมาย อาหารแนวตั้งปลูกจะปลูกกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ซึ่งแตกต่างจากการทำนาแบบดั้งเดิม ทำฟาร์มแนวตั้งจะบังคับสัตว์จากการอยู่อาศัยแต่การผ่านพื้นที่ขนาดใหญ่ของแผ่นดิน หรือจะมันก่อให้เกิดมลพิษอากาศกับใช้อุปกรณ์หนักนา ในที่สุด นอกจากสร้างที่ดินขึ้น farmable ฟาร์มแนวตั้งจะช่วยลดต้นทุนและผลกระทบเชิงลบของการขนส่งอาหารไกล ๆ[5] ความเจริญรุ่งเรืองทั่วโลกเติบโตได้นำไปหลายคนเรียกร้อง และคาดหวังว่า อาหารทั้งหมดมีตลอดทั้งปี เลี้ยงในร่มสามารถผลิตพืชได้อย่างต่อเนื่อง และพืชจะไม่ประสบปัญหาเกี่ยวกับสภาพอากาศเช่นภัยแล้งหรือ flooiding นอกจากนี้ การใช้สารเคมียาฆ่าแมลงเพื่อควบคุมแมลงจะน้อยที่สุด[6] นักวิจารณ์ทำฟาร์มแนวตั้งจุดออก groung ที่พืช altough ga แก้วอาคารจะได้รับแสงธรรมชาติในระหว่างวัน มันจะไม่เป็นการเพียงพอ พืชที่ใกล้เคียงกับ windows จะเติบโตได้อย่างรวดเร็วกว่าพืชเพิ่มเติมภายใน แผนเติบโต awa จากหน้าต่างไม่อาจผลิต เป็นจำนวนมาก หรือ เป็นผักคุณภาพสูง ด้วยเหตุนี้ ฟาร์มแนวตั้งจะได้แหล่งแสงเพิ่มเติม[7] นักวิจัยได้พบว่า แม้ในเรื่องเดียว greenhhouses แสงประดิษฐ์มักจะจำเป็นสำหรับพืชตลอดทั้งปี ตัวอย่าง ธเนศโลกคือ เลี้ยงในร่มขนาดใหญ่ซับซ้อนในสหราชอาณาจักรที่ครอบ oroduces 15 เปอร์เซ็นต์ของผักกาดหอมภาษาอังกฤษ ซับซ้อนใช้แสงประดิษฐ์ตลอด 15 ชั่วโมงในช่วงฤดูหนาว ผู้เชี่ยวชาญได้สรุปว่า สร้างพลังงานแสงอาทิตย์เพียงพอต้องใช้พื้นที่ประมาณ 20 ครั้งขนาดใหญ่กว่าพื้นที่ปลูก ดังนั้น แสงธรรมชาติไม่อีโซลูชั่นรูปสำหรับฟาร์มแนวตั้ง[8] อีกวิธีหนึ่งของการเจริญเติบโตอาหารสดน่าจะสร้างฟาร์มเมืองบนหลังคา นักวิจัยแนะนำวิธีการปฏิบัติเพิ่มเติมนี้อาจทำได้มากขึ้นกว่า ide ของฟาร์มในแก้ว skyscrappers Howeverm ดาดฟ้านาแพง และเว้นแต่คนต้องการชำระเพิ่มเติมอาหารสดจาก ท้องถิ่น เทคนิคอาจไม่ประสบความสำเร็จในตลาด[9] ผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่า ractices นานวัตกรรมมีการของโลกต้องการมากขึ้นเป็นอาหารมากขึ้นในต้นทุน affordabke ทั้งเกษตรกร และผู้บริโภค ฟาร์มแนวตั้งและบนดาดฟ้าอาจเป็นคำตอบที่ระบุ แต่ความคิดที่ดีที่สุดอาจจะได้มา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฟาร์มแห่งอนาคต[1] ตึกระฟ้าเป็นสัญลักษณ์ที่ดีที่สุดของชีวิตในเมือง ชาวเมืองเคยเห็นอาคารสำนักงานสูง multistory โรงแรมห้าดาวและอาคารอพาร์ทเม้นที่มีมากมายของผู้อยู่อาศัย ฟาร์มในมืออื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตในชนบท อย่างไรก็ตามมีผู้เชี่ยวชาญที่คิดว่าตึกระฟ้าบางควรจะเป็นฟาร์มเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของอาหารโลกของเรามี. [2] โดย 2050 นักวิทยาศาสตร์บางคนแนะนำให้สังคมเกือบร้อยละ 80 ของประชากรโลกจะอาศัยอยู่ในเมือง นอกจากนี้ประชากรมนุษย์จะเพิ่มขึ้น 9.1 พันล้านคนในช่วงเวลาที่ยังปริมาณของที่ดินที่มีอยู่เพื่อการเพาะเลี้ยงจะไม่เหมือนเดิม หากการเลี้ยงในปัจจุบันไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงกลางของศตวรรษนี้หนึ่งเรียกร้องผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จเราจะต้องมีพื้นที่ใหม่และมีขนาดใหญ่กว่าบราซิลในการผลิตอาหารเพียงพอสำหรับโลกที่. [3] ฟาร์มแนวตั้งซึ่งเกษตรกรสามารถเจริญเติบโตได้ในเมือง พืชเช่นข้าวสาลีและข้าวในตึกระฟ้าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจจะแก้ปัญหา ทั้งๆที่มีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสูง, ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อมต้องการที่จะทำให้ฟาร์มในเมืองเหล่านี้เป็นจริงและตึกระฟ้าเหล่านี้ในการปลูกพืช พวกเขาเชื่อว่าเราสามารถเพิ่มการผลิตอาหารโดยการเปลี่ยนจากความคิดของเราออกไปขึ้น. [4] ฟาร์มแนวตั้งจะมีข้อได้เปรียบหลายผู้สนับสนุนกล่าวว่า อาหารที่ปลูกในแนวตั้งจะได้รับการเพาะปลูกที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ซึ่งแตกต่างจากการเกษตรแบบดั้งเดิมการเกษตรแนวตั้งจะไม่บังคับให้สัตว์ออกมาจากแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกเขา แต่การยึดพื้นที่ขนาดใหญ่ของที่ดินหรือมันจะก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศที่มีการใช้อุปกรณ์การเกษตรหนัก ในที่สุดนอกเหนือจากการสร้างที่ดิน farmable เพิ่มเติมฟาร์มแนวตั้งจะช่วยลดผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายและเชิงลบของการขนส่งอาหารในระยะทางไกล. [5] ความเจริญรุ่งเรืองเติบโตทั่วโลกได้นำไปสู่หลาย ๆ คนเรียกร้องและคาดหวังว่าอาหารทั้งหมดที่มีอยู่ตลอดทั้งปี . การเกษตรในร่มสามารถผลิตพืชอย่างต่อเนื่องและพืชจะไม่ประสบปัญหาเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศเช่นภัยแล้งหรือ flooiding นอกจากนี้การใช้สารเคมีในการควบคุมแมลงจะน้อยที่สุด. [6] นักวิจารณ์ของการทำการเกษตรตามแนวตั้งที่ชี้ให้เห็นว่าพืช Altough groung ในจอร์เจียอาคารกระจกสูงจะได้รับแสงแดดธรรมชาติในระหว่างวันก็จะไม่เพียงพอ พืชที่ใกล้เคียงกับ windoes จะเติบโตมากขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าพืชต่อไปภายใน แผนการเจริญเติบโต AWA จากหน้าต่างอาจจะไม่ผลิตเป็นจำนวนมากหรือสูงถึงผักที่มีคุณภาพ ด้วยเหตุผลเหล่านี้ฟาร์มแนวตั้งจะต้องแหล่งกำเนิดแสงเพิ่มเติม. [7] นักวิจัยได้พบว่าแม้ใน greenhhouses เดียวเรื่องแสงเทียมมักจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพืชตลอดทั้งปี ยกตัวอย่างเช่น Thanet โลกมีความซับซ้อนการเกษตรในร่มขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักรที่ oroduces ร้อยละ 15 ของพืชผักกาดหอมอังกฤษ ในช่วงฤดูหนาวที่ซับซ้อนใช้แสงประดิษฐ์เป็นเวลา 15 ชั่วโมงต่อวัน ผู้เชี่ยวชาญได้ข้อสรุปว่าการสร้างพลังงานแสงอาทิตย์พอต้องใช้พื้นที่ประมาณ 20 ครั้งใหญ่กว่าพื้นที่ปลูกที่ ดังนั้นแสงธรรมชาติไม่สามารถแก้ปัญหาที่สามารถทำงานได้ EA สำหรับฟาร์มแนวตั้ง. [8] วิธีของการเจริญเติบโตอาหารสดตลอดทั้งปีก็คือการสร้างฟาร์มในเมืองบนหลังคา วิธีนี้การปฏิบัติมากขึ้นอาจจะประสบความสำเร็จกว่า IDE ของฟาร์มใน skyscrappers แก้วนักวิจัยแนะนำ การเลี้ยงบนชั้นดาดฟ้า Howeverm มีราคาแพงและถ้าคนต้องการที่จะจ่ายไปๆมาๆสด, อาหารท้องถิ่นเทคนิคอาจจะไม่ประสบความสำเร็จในตลาด. [9] ผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่า ractices การเกษตรที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีความจำเป็นที่จะรองรับความต้องการของโลกมานานอาหารเพิ่มเติมได้ที่ affordabke ค่าใช้จ่ายทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคฟาร์มแนวตั้งและบนชั้นดาดฟ้าที่อาจจะเป็นคำตอบที่ขนาดเล็ก แต่คิดที่ดีที่สุดอาจจะยังมาไม่ถึง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฟาร์มแห่งอนาคต

[ 1 ] ตึกระฟ้าเป็นสัญลักษณ์ที่ดีที่สุดของชีวิตในเมือง ชาวเมืองเคยเห็นอาคารสูง , multistory ห้าดาวโรงแรม , อพาร์ทเม้นท์และอาคารที่มีหลายพันคน ฟาร์มบนมืออื่น ๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในชนบทอย่างไรก็ตามมีผู้เชี่ยวชาญที่คิดว่าบางตึกควรเป็นฟาร์มเพื่อตอบสนองความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้นของดาวเคราะห์ของเรา

[ 2 ] โดย 2050 สังคมนักวิทยาศาสตร์แนะนำ เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของประชากรของโลกจะอาศัยอยู่ในเมือง นอกจากนี้ ประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้นเป็น 9.1 พันล้านคน ในช่วงเวลานั้น แต่ปริมาณของที่ดินของเกษตรกร จะเหมือนกันถ้าการปฏิบัติการเกษตรในปัจจุบันไม่ได้เปลี่ยนจากกลางศตวรรษนี้ , หนึ่งที่โดดเด่นผู้เชี่ยวชาญอ้างว่า เราต้องหาพื้นที่ใหม่และมีขนาดใหญ่กว่าบราซิลเพื่อผลิตอาหารเพียงพอสำหรับดาวเคราะห์

[ 3 ] ในฟาร์ม ซึ่งเกษตรกรเมืองสามารถปลูกพืช เช่น ข้าวและข้าวสาลีในมิตรกับสิ่งแวดล้อมตึกระฟ้า อาจเป็นการแก้ปัญหา ทั้งๆที่มีความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายสูงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อม อยากทำฟาร์มในเมืองเหล่านี้เป็นจริงและตึกระฟ้าเหล่านี้ไปปลูกพืช พวกเขาเชื่อว่า เราสามารถเพิ่มการผลิตอาหารด้วยการเปลี่ยนความคิดของเราจากออกไปขึ้น

[ 4 ] ในฟาร์มจะมีข้อดีหลายประการที่สนับสนุนว่า แนวตั้งปลูกอาหารจะปลูกที่มีผลกระทบน้อยที่สุดต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งแตกต่างจากการเลี้ยงแบบดั้งเดิมฟาร์มแนวตั้งจะไม่บังคับสัตว์ออกจากที่อยู่อาศัยของพวกเขา แต่เอาพื้นที่ขนาดใหญ่ของที่ดิน หรือมันจะก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ ด้วยการใช้อุปกรณ์การเลี้ยงหนาแน่น ในที่สุด นอกเหนือจากการสร้างที่ดิน farmable เพิ่มเติมฟาร์มแนวตั้ง จะช่วยลดต้นทุนและผลกระทบของการขนส่งอาหารไกล