“ยิ่งได้ถ่ายภาพ ก็ยิ่งชอบ” วลีสั้นๆ ที่ให้ความหมายครบถ้วนในงานอาชีพของ "โอ๊ต" ชัยสิทธิ์ จุนเจือดี ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ ที่พูดได้เต็มว่า มีอาชีพเป็นช่างภาพ และเป็นช่างภาพแบบมืออาชีพ
จากจุดเริ่มต้นที่หากใครได้อ่านเรื่องราวของเขาตามหน้านิตยสารหรือหนังสือพิมพ์มาบ้าง จะเห็นได้ว่า เขามุ่งมั่นที่จะก้าวเข้าสู่งานอาชีพนี้ แม้จะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บหอมรอมริมได้ทุนก้อนหนึ่ง เพื่อเดินทางไปเรียนด้านการถ่ายภาพโดยเฉพาะถึงประเทศอังกฤษ หลังจบปริญญาตรีในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มาแล้ว
เขาเริ่มจับกล้องตั้งแต่ตอนอายุ 18 ปี พอจบ ม.6 ก็รับงานแรกคือ การถ่ายภาพปริญญา ผลงานออกมาเขารู้ดีว่ามันไม่ดี แม้จะพัฒนาไปเรื่อยผ่านการถ่ายภาพงานแต่งงาน และอีกสารพัด นี่เอง...ที่ทำให้เขาคิดว่า ถ้ารักจะถ่ายภาพเป็นอาชีพ ก็ควรต้องเรียนรู้อย่างจริงจัง
ช่วงเวลาของการใช้ชีวิตในอังกฤษ 3 ปี ถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าสมกับความมุ่งมั่นของเขา ตั้งแต่เริ่มเรียน ก็เริ่มหางานไปด้วย กระทั่งผ่านไป 8 เดือน จึงได้งาน เป็นผู้ช่วยช่างภาพงานแต่งงาน และถือเป็นความโชคดีได้ทำงานกับช่างภาพที่เก่ง ชื่อ จูลี่ คิม ซึ่งเคยติดท็อป 5 ของช่างภาพงานแต่งงานของอังกฤษ แม้ในงานนี้เขาจะมีโอกาสได้ถ่ายภาพนิดหน่อยก่อนงานเลิก แต่พอ จูลี่ คิม เห็นรูปก็ชอบ งานถัดไปเลยได้เลื่อนมาเป็นมือรอง หรือช่างภาพคนที่ 2 ทำงานคู่กับช่างภาพมือหนึ่งเลยทีเดียว
"การทำงานของอังกฤษ กับช่างภาพในเมืองไทย โดยเฉพาะงานแต่งงานต่างกันเกือบ 100% ของอังกฤษ จะมีช่างภาพมือหลักกับมือรอง ยืนคนละตำแหน่ง แต่ทำงานสัมพันธ์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวเดียวกัน รับส่งภาพกัน เช่น ถ้าเขากำลังถ่ายภาพเจ้าสาวกำลังคุยอยู่ เราก็มาดูถ่ายอีกมุมให้เห็นว่า เจ้าสาวกำลังคุยอยู่กับใคร" โอ๊ต บอกเล่าถึงประสบการณ์การเรียนรู้ และการได้ไปถ่ายภาพงานแต่งงานที่อังกฤษ ถือว่า เป็นจุดที่เราสามารถทำให้คนต่างชาติยอมรับในตัวเราได้ เพราะเป็นเรื่องยากที่อยู่ดีๆ ช่างภาพจากเมืองไทยจะได้รับการยอมรับที่นั่น เพราะช่างภาพระดับโลก ช่างภาพที่เก่งๆ อยู่ที่อังกฤษเยอะแยะไปหมด
“ดีใจที่ได้รับเลือกไปถ่ายภาพงานแต่งงานของดาราเซเลบของอังกฤษ ซึ่งคนระดับดาราที่นั่นจะจ้างช่างภาพระดับโลกมาถ่ายให้ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่พอเขาเลือกเราไปถ่ายเพียงคนเดียว วันนั้น สู้ตาย ผลลัพธ์ออกมาดี แล้วเขาก็ชอบมาก”
จากภาพงานแต่งงานธรรมดา สู่การประกวดภาพถ่าย ซึ่งโอ๊ตบอกว่า การผ่านคัดเลือกเข้าไปอยู่ในองค์กรถ่ายภาพระดับสากลหรือสมาคมต่างๆ ที่รับรองความเป็นมืออาชีพของเราเป็นสิ่งสำคัญ เพราะปัจจุบันช่างภาพมีเยอะมาก ใครๆ ก็เข้ามาทำอาชีพนี้ได้ โดยเขาสมัครเข้าไปอยู่ในสมาพันธ์ช่างภาพแต่งงานโลก เมื่อสอบผ่านการคัดเลือกไปแล้ว จะมีการจัดประกวดผลงานปีละ 4 ครั้ง จึงได้เข้าร่วมประกวดด้วย เพื่อกระตุ้นตัวเองให้มีมาตรฐานที่ดี
ผลตอบแทนของการพัฒนาที่ได้ คือรางวัล เริ่มจากรางวัลเล็กๆ จนถึงรางวัลใหญ่สุด คือ ได้รางวัลอันดับ 1 ในหัวข้อ First Dance ในการจัดประกวดช่วง 3 เดือนแรกของปี 2557 (2014) พอได้รางวัลก็มาประกวดภาพที่ดีที่สุดในปี 2014 ก็ได้รับคัดเลือกติด 1 ใน 80 ภาพ และติด 1 ใน 20 ภาพที่ดีที่สุดในปี 2014
ถึงวันนี้ พูดได้เต็มปากว่า ถ้าคิดถึงช่างภาพงานแต่งงาน ชื่อของ "โอ๊ต" ชัยสิทธิ์ มักติดอยู่ด้วย จากการทำงานถ่ายภาพมา 10 ปี มีงานแต่งงานที่ผ่านการลั่นชัตเตอร์ของเขามาแล้วหลายร้อยคู่ กระทั่งปัจจุบันต้องจำกัดการรับงาน เหลือปีละไม่เกิน 40 คู่ เพื่อรักษาคุณภาพของงาน และเพื่อความประณีตมากขึ้น
เจ้าตัวบอกว่า ทุกวันนี้มีความสุขกับการเป็นช่างภาพมาก ชอบแนวถ่ายภาพเกี่ยวกับคน เรียกว่า เป็น Portrait Photographer
ความสำเร็จของใครบางคน อาจจะไม่ใช่ความสำเร็จของอีกคน แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ทำงานที่ใช่และที่ชอบ เหมือนผู้ชายคนนี้ที่มุ่งมั่นเรียนรู้เกี่ยวกับการถ่ายภาพ จนได้รับการยอมรับในระดับสากล