ประวัติเมืองเลย ดินแดนซึ่งเป็นที่ก่อตั้งของจังหวัดเลย มีหลักฐานและประว การแปล - ประวัติเมืองเลย ดินแดนซึ่งเป็นที่ก่อตั้งของจังหวัดเลย มีหลักฐานและประว ไทย วิธีการพูด

ประวัติเมืองเลย ดินแดนซึ่งเป็นที่ก่

ประวัติเมืองเลย
ดินแดนซึ่งเป็นที่ก่อตั้งของจังหวัดเลย มีหลักฐานและประวัติความเป็นมาว่าก่อตั้งโดยชนเผ่าไทยที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่ก่อตั้งอาณาจักรโยนก โดยพ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมือง ได้อพยพผู้คนจากอาณาจักรโยนกที่ล่มสลายแล้ว ผ่านดินแดนล้านช้าง ข้ามลำน้ำเหืองขึ้นไปทางฝั่งขวาของลำน้ำหมันจนถึงบริเวณที่ราบ พ่อขุนผาเมืองได้ตั้งบ้านด่านขวา ส่วนพ่อขุนบางกลางหาวได้แบ่งไพร่พลข้ามลำน้ำหมันไปทางฝั่งซ้าย สร้างบ้านด่านซ้าย จากนั้นได้อพยพขึ้นไปตามลำน้ำและได้สร้างบ้านหนองคูขึ้น พร้อมกับนำชื่อหมู่บ้านด่านซ้ายมาขนานนามหมู่บ้านหนองคูใหม่เป็นเมืองด่านซ้าย และอพยพไปอยู่ที่บางยางในที่สุด
ต่อมามีชาวโยนกกลุ่มหนุ่งได้อพยพมาตั้งบ้านเรือนระหว่างชายแดนตอนใต้ของอาณาเขตล้านช้างอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะอพยพหนีภัยสงครามข้ามลำน้ำเหืองมาตั้งเมืองเซไลขึ้น จากหลักฐานสมุดข่อยที่มีการค้นพบเมืองเซไลอยู่ด้วยความสงบร่มเย็นมาจนกระทั่งถึงสมัยเจ้าเมืองคนที่ 5 เกิดทุพภิกขภัยขึ้นจึงได้พาผู้คนอพยพไปตามลำแม่น้ำเซไล และได้ตั้งบ้านเรือนขึ้น ขนานนามว่า "ห้วยหมาน"
ในปี 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพิจารณาเห็นว่าหมู่บ้านแฮ่ ซึ่งตั้งอยู่ริมห้วยน้ำหมานและอยู่ใกล้กับแม่น้ำเลย มีผู้คนเพิ่มมากขึ้น สมควรจะได้ตั้งเป็นเมืองเพื่อประโยชน์ในการปกครองอย่างใกล้ชิด จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งเป็นเมือง เรียกชื่อตามนามของแม่น้ำเลยว่า "เมืองเลย"
ต่อมาในปี พ.ศ. 2440 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองพื้นที่ ร.ศ.116 แบ่งการปกครองเมืองเลยออกเป็น 4 อำเภอ อำเภอที่ตั้งเมืองคือ อำเภอกุดป่อง ในปี พ.ศ.2442-2449 ได้เปลี่ยนชื่อเมืองเลยเป็นบริเวณลำน้ำเหือง และในปี 2450 ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2450 ยกเลิกบริเวณลำน้ำเหืองให้คงเหลือไว้เฉพาะเมืองเลย โดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่อง เป็น อำเภอเมืองเลย จนถึงปัจจุบัน

ยุคก่อนประวัติศาสตร์
9,000 ปี ยุคหิน วัฒนธรรมโฮบินเนียนตอนปลาย ครั้งที่มนุษย์ยังเร่ร่อนยังชีพด้วยการเก็บของป่าล่าสัตว์และเก็บพืชพันธุ์ในป่าเป็นอาหาร มีการค้นพบหลักฐานพวกเครื่องมือหินกะเทาะ ซึ่งทำจากกรวดแม่น้ำ และเศษภาชนะดินเผา บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ในท้องที่อำเภอเชียงคาน
5,000 ปี ยุคหิน ร่วมสมัยกับแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี มีการค้นพบหลักฐานคือเครื่องมือหินขัด เช่น ขวานหินขัด และกำไลหิน กระจายอยู่ตามแหล่งต่าง ๆ เกือบ 100 แห่ง ในท้องที่อำเภอท่าลี่ อำเภอปากชม และอำเภอเชียงคาน ทางตอนเหนือ ต่อลงมาตามแนวที่ราบตอนกลาง และตอนใต้ของจังหวัด ในบริเวณอำเภอเมืองเลย และอำเภอวังสะพุง
4,000-2,000 ปี ยุคสัมฤทธิ์ พบหลักฐานที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่า มีการขุดแร่เหล็กและทองแดงในบริเวณอำเภอปากชม และอำเภอเมืองเลย ขึ้นมาใช้
ยุคประวัติศาสตร์
พุทธศตวรรษที่ 13-17 ยุคทราวดี พบใบเสมาหินที่ตำบลวังสะพุง อำเภอวังสะพุง
พุทธศตวรรษที่ 21 เกิดการสร้างบ้านแปงเมืองสามแห่งในพื้นที่จังหวัดเลย คือ บ้านเซไล ในที่ราบลุ่มตอนกลางของจังหวัด เมืองเชียงคาน ทางตอนเหนือ ติดริมฝั่งแม่น้ำโขง และเมืองด่านซ้าย ทางทิศตะวันตก เมืองทั้งสามแห่งนี้และเมืองใกล้เคียงภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านช้าง
พ.ส.2103 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา กับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต ทรงร่วมกันสร้างพระธาตุศรีสองรักขึ้น ที่เมืองด่านซ้าย เพื่อเป็นสักขีพยานในการทำสัมพันธไมตรีระหว่างสองอาณาจักรคือ อยุธยากับล้านช้างขณะนั้นพม่าในรัชสมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ถึงสมัยพระเจ้าบุเรงนอง กำลังแผ่ขยายอำนาจเข้ามายังลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำโขง
พ.ศ. 2220 มีจารึกการสร้างที่วัดศรีภูมิ ตำบลกุดป่อง ซึ่งเมืองด่านซ่ายและเมืองเชียงคาน เป็นเมืองที่ถูกเอ่ยถึงในประวัติศาสตร์ ส่วนร่องรอยของเมืองในสมัยโบราณเป็นคูเมือง เช่น เมืองตูม ที่อำเภอท่าลี่
พ.ศ. 2238 เกิดความวุ่นวายในอาณาจักรล้านนา เป็นเหตุให้ต้องแบ่งแยกออกเป็น 2 แคว้น คือ หลวงพระบางทางเหนือ และเวียงจันทน์ทางใต้ เมืองเชียงคานกลายเป็นเมืองหน้าด่านของหลวงพระบาง ป้องกันการรุกรานจากฝ่ายเวียงจันทน์ ขณะนั้นเมืองเชียงคานตั้งอยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงในอาณาเขตประเทศลาว
พ.ศ.2321 ลานช้างรวมทั้งเชียงคาน ตกเป็นประเทศราชของไทยในสมัยกรุงธนบุรี
พ.ศ.2396 เลยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองเลย ขึ้นกับมณฑลอุดร รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ตั้งท้าวคำแสนเป็น "หลวงศรีสงคราม" เจ้าเมืองคนแรก
พ.ศ.2446 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส จนไทยต้องเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส คนจากเมืองเชียงคานเดิมจึงอพยพมาตั้งบ้านเมืองใหม่อยู่ฝั่งไทย โดยใช้ชื่อเดิมคือ เชียงคาน
พ.ศ.2476 ยกฐานะเมืองเลย ขึ้นเป็นจังหวัด
พ.ศ.2504 ตัดทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 201 เชื่อมขอนแก่นกับเมืองเลย ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม นับเป็นการเปิดเมืองเลยออกสู่โลกภายนอก เส้นทางสายนี้ยังทำให้คนจากต่างถิ่นอพยพเข้าสู่เมืองเลยมากขึ้น
พ.ศ.2535 พัฒนาเมืองเลย เป็นศูนย์สนับสนุนการท่องเที่ยวบริเวณริมแม่น้ำโขง
พ.ศ.2440 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองพื้นที่ ร.ศ.116 แบ่งการปกครองเมืองเลย ออกเป็น 4 อำเภอ อำเภอที่ตั้งเมือง คือ อำเภอกุดป่อง
พ.ศ.2442-2449 เปลี่ยนชื่อเมืองเลย เป็นบริเวณลำน้ำเลย
พ.ศ.2559-24450 เปลี่ยนชื่อเมืองเลย เป็นบริเวณลำน้ำเหือง
พ.ศ.2450 มีประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2450 ยกเลิกบริเวณลำน้เหือง ให้คงเหลือไว้เฉพาะเมืองเลย โดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่อง เป็นอำเภอเมืองเลย จนถึงปัจจุบัน
ให้คงเหลือไว้เฉพาะเมืองเลย
โดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่อง เป็นอำเภอเมืองเลย จนถึงปัจจุบัน
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติเมืองเลย ดินแดนซึ่งเป็นที่ก่อตั้งของจังหวัดเลยมีหลักฐานและประวัติความเป็นมาว่าก่อตั้งโดยชนเผ่าไทยที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่ก่อตั้งอาณาจักรโยนกโดยพ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองได้อพยพผู้คนจากอาณาจักรโยนกที่ล่มสลายแล้วผ่านดินแดนล้านช้างข้ามลำน้ำเหืองขึ้นไปทางฝั่งขวาของลำน้ำหมันจนถึงบริเวณที่ราบพ่อขุนผาเมืองได้ตั้งบ้านด่านขวาส่วนพ่อขุนบางกลางหาวได้แบ่งไพร่พลข้ามลำน้ำหมันไปทางฝั่งซ้ายสร้างบ้านด่านซ้ายจากนั้นได้อพยพขึ้นไปตามลำน้ำและได้สร้างบ้านหนองคูขึ้นพร้อมกับนำชื่อหมู่บ้านด่านซ้ายมาขนานนามหมู่บ้านหนองคูใหม่เป็นเมืองด่านซ้ายและอพยพไปอยู่ที่บางยางในที่สุด ต่อมามีชาวโยนกกลุ่มหนุ่งได้อพยพมาตั้งบ้านเรือนระหว่างชายแดนตอนใต้ของอาณาเขตล้านช้างอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะอพยพหนีภัยสงครามข้ามลำน้ำเหืองมาตั้งเมืองเซไลขึ้นจากหลักฐานสมุดข่อยที่มีการค้นพบเมืองเซไลอยู่ด้วยความสงบร่มเย็นมาจนกระทั่งถึงสมัยเจ้าเมืองคนที่ 5 เกิดทุพภิกขภัยขึ้นจึงได้พาผู้คนอพยพไปตามลำแม่น้ำเซไลและได้ตั้งบ้านเรือนขึ้นขนานนามว่า "ห้วยหมาน" ในปี 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงพิจารณาเห็นว่าหมู่บ้านแฮ่ซึ่งตั้งอยู่ริมห้วยน้ำหมานและอยู่ใกล้กับแม่น้ำเลยมีผู้คนเพิ่มมากขึ้นสมควรจะได้ตั้งเป็นเมืองเพื่อประโยชน์ในการปกครองอย่างใกล้ชิดจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งเป็นเมืองเรียกชื่อตามนามของแม่น้ำเลยว่า "เมืองเลย" ต่อมาในปีพ.ศ. 2440 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองพื้นที่ ร.ศ.116 แบ่งการปกครองเมืองเลยออกเป็น 4 ตำบลอำเภอที่ตั้งเมืองคืออำเภอกุดป่องในปีได้เปลี่ยนชื่อเมืองเลยเป็นบริเวณลำน้ำเหือง พ.ศ.2442-2449 และในปี 2450 ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2450 ยกเลิกบริเวณลำน้ำเหืองให้คงเหลือไว้เฉพาะเมืองเลยโดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่องเป็นอำเภอเมืองเลยจนถึงปัจจุบัน ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ปี 9000 ยุคหินวัฒนธรรมโฮบินเนียนตอนปลายครั้งที่มนุษย์ยังเร่ร่อนยังชีพด้วยการเก็บของป่าล่าสัตว์และเก็บพืชพันธุ์ในป่าเป็นอาหารมีการค้นพบหลักฐานพวกเครื่องมือหินกะเทาะซึ่งทำจากกรวดแม่น้ำและเศษภาชนะดินเผาบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงในท้องที่อำเภอเชียงคาน 5000 ปียุคหินร่วมสมัยกับแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงจังหวัดอุดรธานีมีการค้นพบหลักฐานคือเครื่องมือหินขัดเช่นขวานหินขัดและกำไลหินกระจายอยู่ตามแหล่งต่างๆ เกือบ 100 แห่งในท้องที่อำเภอท่าลี่อำเภอปากชมและอำเภอเชียงคานทางตอนเหนือต่อลงมาตามแนวที่ราบตอนกลางและตอนใต้ของจังหวัดในบริเวณอำเภอเมืองเลยและอำเภอวังสะพุง 4000 2000 ปียุคสัมฤทธิ์พบหลักฐานที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่ามีการขุดแร่เหล็กและทองแดงในบริเวณอำเภอปากชมและอำเภอเมืองเลยขึ้นมาใช้ ยุคประวัติศาสตร์ อำเภอวังสะพุงพบใบเสมาหินที่ตำบลวังสะพุงยุคทราวดีพุทธศตวรรษที่ 13-17 พุทธศตวรรษที่ 21 เกิดการสร้างบ้านแปงเมืองสามแห่งในพื้นที่จังหวัดเลยคือบ้านเซไลในที่ราบลุ่มตอนกลางของจังหวัดเมืองเชียงคานทางตอนเหนือติดริมฝั่งแม่น้ำโขงและเมืองด่านซ้ายทางทิศตะวันตกเมืองทั้งสามแห่งนี้และเมืองใกล้เคียงภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านช้าง พ.ส.2103 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยากับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุตทรงร่วมกันสร้างพระธาตุศรีสองรักขึ้นที่เมืองด่านซ้ายเพื่อเป็นสักขีพยานในการทำสัมพันธไมตรีระหว่างสองอาณาจักรคืออยุธยากับล้านช้างขณะนั้นพม่าในรัชสมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ถึงสมัยพระเจ้าบุเรงนองกำลังแผ่ขยายอำนาจเข้ามายังลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำโขง พ.ศ. 2220 มีจารึกการสร้างที่วัดศรีภูมิตำบลกุดป่องซึ่งเมืองด่านซ่ายและเมืองเชียงคานเป็นเมืองที่ถูกเอ่ยถึงในประวัติศาสตร์ส่วนร่องรอยของเมืองในสมัยโบราณเป็นคูเมืองเช่นเมืองตูมที่อำเภอท่าลี่ พ.ศ. 2238 เกิดความวุ่นวายในอาณาจักรล้านนาเป็นเหตุให้ต้องแบ่งแยกออกเป็น 2 แคว้นคือหลวงพระบางทางเหนือและเวียงจันทน์ทางใต้เมืองเชียงคานกลายเป็นเมืองหน้าด่านของหลวงพระบางป้องกันการรุกรานจากฝ่ายเวียงจันทน์ขณะนั้นเมืองเชียงคานตั้งอยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงในอาณาเขตประเทศลาว พ.ศ.2321 ลานช้างรวมทั้งเชียงคานตกเป็นประเทศราชของไทยในสมัยกรุงธนบุรี พ.ศ.2396 เลยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองเลยขึ้นกับมณฑลอุดรรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ตั้งท้าวคำแสนเป็น "หลวงศรีสงคราม" เจ้าเมืองคนแรก พ.ศ.2446 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสจนไทยต้องเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศสคนจากเมืองเชียงคานเดิมจึงอพยพมาตั้งบ้านเมืองใหม่อยู่ฝั่งไทยโดยใช้ชื่อเดิมคือเชียงคาน พ.ศ.2476 ยกฐานะเมืองเลยขึ้นเป็นจังหวัด พ.ศ.2504 ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 เชื่อมขอนแก่นกับเมืองเลยในสมัยจอมพลป.พิบูลสงครามนับเป็นการเปิดเมืองเลยออกสู่โลกภายนอกเส้นทางสายนี้ยังทำให้คนจากต่างถิ่นอพยพเข้าสู่เมืองเลยมากขึ้น พ.ศ.2535 พัฒนาเมืองเลยเป็นศูนย์สนับสนุนการท่องเที่ยวบริเวณริมแม่น้ำโขง พ.ศ.2440 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองพื้นที่ ร.ศ.116 แบ่งการปกครองเมืองเลยออกเป็น 4 ตำบลอำเภอที่ตั้งเมืองคืออำเภอกุดป่อง เป็นบริเวณลำน้ำเลยเปลี่ยนชื่อเมืองเลย พ.ศ.2442-2449 เป็นบริเวณลำน้ำเหืองเปลี่ยนชื่อเมืองเลย พ.ศ.2559-24450 พ.ศ.2450 มีประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2450 ยกเลิกบริเวณลำน้เหืองให้คงเหลือไว้เฉพาะเมืองเลยโดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่องเป็นอำเภอเมืองเลยจนถึงปัจจุบัน ให้คงเหลือไว้เฉพาะเมืองเลย โดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่องเป็นอำเภอเมืองเลยจนถึงปัจจุบัน
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!

ผ่านดินแดนล้านช้าง พ่อขุนผาเมืองได้ตั้งบ้านด่านขวา สร้างบ้านด่านซ้าย
5 และได้ตั้งบ้านเรือนขึ้นขนานนามว่า "ห้วยหมาน"
ในปี 2396 รัชกาลที่ 4 ทรงพิจารณาเห็นว่าหมู่บ้านแฮ่ มีผู้คนเพิ่มมากขึ้น จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งเป็นเมืองเรียกชื่อตามนามของแม่น้ำเลยว่า "เมืองเลย"
ต่อมาในปี พ.ศ. 2440 ร.ศ. 116 แบ่งการปกครองเมืองเลยออกเป็น 4 อำเภออำเภอที่ตั้งเมืองคืออำเภอกุดป่องในปี พ.ศ. 2442-2449 และในปี 2450 ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2450 โดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่องเป็นอำเภอเมืองเลย ปียุคหินวัฒนธรรมโฮบินเนียนตอนปลาย ซึ่งทำจากกรวดแม่น้ำและเศษภาชนะดินเผาบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงในท้องที่อำเภอเชียงคาน5,000 ปียุคหินร่วมสมัยกับแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงจังหวัดอุดรธานี เช่นขวานหินขัดและกำไลหินกระจายอยู่ตามแหล่งต่าง ๆ เกือบ 100 แห่งในท้องที่อำเภอท่าลี่อำเภอปากชมและอำเภอเชียงคานทางตอนเหนือต่อลงมาตามแนวที่ราบตอนกลางและตอนใต้ของจังหวัดในบริเวณอำเภอเมืองเลยและอำเภอวังสะพุง4,000 -2,000 ปียุคสัมฤทธิ์พบหลักฐานที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่า และอำเภอเมืองเลย 13-17 ยุคทราวดีพบใบเสมาหินที่ตำบลวังสะพุงอำเภอวังสะพุงพุทธศตวรรษที่ 21 คือบ้านเซไลในที่ราบลุ่มตอนกลางของจังหวัดเมืองเชียงคานทางตอนเหนือติดริมฝั่งแม่น้ำโขงและเมืองด่านซ้ายทางทิศตะวันตก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ที่เมืองด่านซ้าย ถึงสมัยพระเจ้าบุเรงนอง และลุ่มน้ำโขงพ.ศ. 2220 มีจารึกการสร้างที่วัดศรีภูมิตำบลกุดป่องซึ่งเมืองด่านซ่ายและเมืองเชียงคาน เช่นเมืองตูมที่อำเภอท่าลี่พ.ศ. 2238 เกิดความวุ่นวายในอาณาจักรล้านนาเป็นเหตุให้ต้องแบ่งแยกออกเป็น 2 แคว้นคือหลวงพระบางทางเหนือและเวียงจันทน์ทางใต้ ลานช้างรวมทั้งเชียงคาน ขึ้นกับมณฑลอุดรรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯตั้งท้าวคำแสนเป็น "หลวงศรีสงคราม" เจ้าเมืองคนแรกพ.ศ. 2446 ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยใช้ชื่อเดิมคือเชียงคานพ.ศ. 2476 ยกฐานะเมืองเลยขึ้นเป็นจังหวัดพ.ศ. 2504 ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 เชื่อมขอนแก่นกับเมืองเลยในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม พัฒนาเมืองเลย ร.ศ. 116 แบ่งการปกครองเมืองเลยออกเป็น 4 อำเภออำเภอที่ตั้งเมืองคืออำเภอกุดป่องพ.ศ. 2442-2449 บชื่อเมืองเลยเป็นแห่งในลำน้ำเลยพ.ศ. 2559-24450 เปลี่ยนชื่อเมืองเลยเป็นบริเวณ ลำน้ำเหืองพ.ศ. 2450 มีประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2450 ยกเลิกบริเวณลำน้เหืองให้คงเหลือไว้เฉพาะเมืองเลยโดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่องเป็นอำเภอเมืองเลย เป็นอำเภอเมืองเลยจนถึงปัจจุบัน






















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติเมืองเลย
ดินแดนซึ่งเป็นที่ก่อตั้งของจังหวัดเลยมีหลักฐานและประวัติความเป็นมาว่าก่อตั้งโดยชนเผ่าไทยที่สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่ก่อตั้งอาณาจักรโยนกโดยพ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองผ่านดินแดนล้านช้างข้ามลำน้ำเหืองขึ้นไปทางฝั่งขวาของลำน้ำหมันจนถึงบริเวณที่ราบพ่อขุนผาเมืองได้ตั้งบ้านด่านขวาส่วนพ่อขุนบางกลางหาวได้แบ่งไพร่พลข้ามลำน้ำหมันไปทางฝั่งซ้ายสร้างบ้านด่านซ้ายพร้อมกับนำชื่อหมู่บ้านด่านซ้ายมาขนานนามหมู่บ้านหนองคูใหม่เป็นเมืองด่านซ้ายและอพยพไปอยู่ที่บางยางในที่สุด
ต่อมามีชาวโยนกกลุ่มหนุ่งได้อพยพมาตั้งบ้านเรือนระหว่างชายแดนตอนใต้ของอาณาเขตล้านช้างอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะอพยพหนีภัยสงครามข้ามลำน้ำเหืองมาตั้งเมืองเซไลขึ้น5 เกิดทุพภิกขภัยขึ้นจึงได้พาผู้คนอพยพไปตามลำแม่น้ำเซไลและได้ตั้งบ้านเรือนขึ้นขนานนามว่า " ห้วยหมาน "
สามารถพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงพิจารณาเห็นว่าหมู่บ้านแฮ่ซึ่งตั้งอยู่ริมห้วยน้ำหมานและอยู่ใกล้กับแม่น้ำเลยมีผู้คนเพิ่มมากขึ้น 1847จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งเป็นเมืองเรียกชื่อตามนามของแม่น้ำเลยว่า " เมืองเลย "
ต่อมาในปีพ . ศ . 1708 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองพื้นที่ Flying ศ 116 แบ่งการปกครองเมืองเลยออกเป็น 4 อำเภออำเภอที่ตั้งเมืองคืออำเภอกุดป่องสามารถพ . ศ .2442-2449 ได้เปลี่ยนชื่อเมืองเลยเป็นบริเวณลำน้ำเหืองและในปี 2450 ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 4 มกราคมพ . ศ .2450 ยกเลิกบริเวณลำน้ำเหืองให้คงเหลือไว้เฉพาะเมืองเลยโดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่องเป็นอำเภอเมืองเลยจนถึงปัจจุบัน

ยุคก่อนประวัติศาสตร์
9000 . ยุคหินวัฒนธรรมโฮบินเนียนตอนปลายครั้งที่มนุษย์ยังเร่ร่อนยังชีพด้วยการเก็บของป่าล่าสัตว์และเก็บพืชพันธุ์ในป่าเป็นอาหารมีการค้นพบหลักฐานพวกเครื่องมือหินกะเทาะซึ่งทำจากกรวดแม่น้ำและเศษภาชนะดินเผาในท้องที่อำเภอเชียงคาน
5000 . ยุคหินร่วมสมัยกับแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงจังหวัดอุดรธานีมีการค้นพบหลักฐานคือเครื่องมือหินขัดเช่นขวานหินขัดและกำไลหินกระจายอยู่ตามแหล่งต่างจะเกือบ 100 แห่งในท้องที่อำเภอท่าลี่อำเภอปากชมทางตอนเหนือต่อลงมาตามแนวที่ราบตอนกลางและตอนใต้ของจังหวัดในบริเวณอำเภอเมืองเลยและอำเภอวังสะพุง
4000-2000 . ยุคสัมฤทธิ์พบหลักฐานที่ทำให้สันนิษฐานได้ว่ามีการขุดแร่เหล็กและทองแดงในบริเวณอำเภอปากชมและอำเภอเมืองเลยขึ้นมาใช้

ยุคประวัติศาสตร์พุทธศตวรรษที่ 13-17 ยุคทราวดีพบใบเสมาหินที่ตำบลวังสะพุงอำเภอวังสะพุง
พุทธศตวรรษที่ 21 เกิดการสร้างบ้านแปงเมืองสามแห่งในพื้นที่จังหวัดเลยความบ้านเซไลในที่ราบลุ่มตอนกลางของจังหวัดเมืองเชียงคานทางตอนเหนือติดริมฝั่งแม่น้ำโขงและเมืองด่านซ้ายทางทิศตะวันตก
พ . ส .2103 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยากับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุตทรงร่วมกันสร้างพระธาตุศรีสองรักขึ้นที่เมืองด่านซ้ายอยุธยากับล้านช้างขณะนั้นพม่าในรัชสมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ถึงสมัยพระเจ้าบุเรงนองกำลังแผ่ขยายอำนาจเข้ามายังลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำโขง
พ . ศ . 2220 มีจารึกการสร้างที่วัดศรีภูมิตำบลกุดป่องซึ่งเมืองด่านซ่ายและเมืองเชียงคานเป็นเมืองที่ถูกเอ่ยถึงในประวัติศาสตร์ส่วนร่องรอยของเมืองในสมัยโบราณเป็นคูเมืองเช่นเมืองตูมที่อำเภอท่าลี่
พ . ศ .2238 เกิดความวุ่นวายในอาณาจักรล้านนาเป็นเหตุให้ต้องแบ่งแยกออกเป็น 2 แคว้นความหลวงพระบางทางเหนือและเวียงจันทน์ทางใต้เมืองเชียงคานกลายเป็นเมืองหน้าด่านของหลวงพระบางป้องกันการรุกรานจากฝ่ายเวียงจันทน์
พ . ศ . 2321 ลานช้างรวมทั้งเชียงคานตกเป็นประเทศราชของไทยในสมัยกรุงธนบุรี
พ . ศ . 1 เลยได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองเลยขึ้นกับมณฑลอุดรรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯตั้งท้าวคำแสนเป็น " หลวงศรีสงคราม " เจ้าเมืองคนแรก
พ . ศ .1 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสจนไทยต้องเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศสคนจากเมืองเชียงคานเดิมจึงอพยพมาตั้งบ้านเมืองใหม่อยู่ฝั่งไทยโดยใช้ชื่อเดิมคือเชียงคาน
พ . ศ .พ.ศ. 2476 ยกฐานะเมืองเลยขึ้นเป็นจังหวัด
พ . ศ . 2504 ตัดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 เชื่อมขอนแก่นกับเมืองเลยในสมัยจอมพลป .พิบูลสงครามนับเป็นการเปิดเมืองเลยออกสู่โลกภายนอกเส้นทางสายนี้ยังทำให้คนจากต่างถิ่นอพยพเข้าสู่เมืองเลยมากขึ้น
พ . ศ . 2535 พัฒนาเมืองเลยเป็นศูนย์สนับสนุนการท่องเที่ยวบริเวณริมแม่น้ำโขง
พ . ศ .1708 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองพื้นที่ Flying ศ 116 แบ่งการปกครองเมืองเลยออกเป็น 4 อำเภออำเภอที่ตั้งเมืองความอำเภอกุดป่อง
พ . ศ . 2442-2449 เปลี่ยนชื่อเมืองเลยเป็นบริเวณลำน้ำเลย
พ . ศ .2559-24450 เปลี่ยนชื่อเมืองเลยเป็นบริเวณลำน้ำเหือง
พ . ศ . 2450 มีประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 4 มกราคมพ . ศ .2450 ยกเลิกบริเวณลำน้เหืองให้คงเหลือไว้เฉพาะเมืองเลยโดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่องเป็นอำเภอเมืองเลยจนถึงปัจจุบัน

โดยให้เปลี่ยนชื่ออำเภอกุดป่องเป็นอำเภอเมืองเลยจนถึงปัจจุบันให้คงเหลือไว้เฉพาะเมืองเลย
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: