Evidence for Dualism?Survival after

Evidence for Dualism?
Survival after Death
Despite my current confidence that minds are brains, I could be convinced otherwise by evidence that
is best explained by the supposition that minds are nonmaterial substances. By far the most powerful
kind of evidence would be observations showing that minds survive the loss of their bodies.
Christians, Muslims, Jews, Hindus, and proponents of most other religions firmly believe that our
mortal lives are only a small part of our existence. What would show that they are right?
Communication from the dead would certainly be compelling evidence that people survive the
destruction of their bodies. My parents are long departed, but if I were able to have conversations
with them that showed they were familiar with my activities since they died, I would have to consider
the hypothesis that their souls had survived their deaths. Of course, I would also need to rule out
alternative hypotheses, such as that the apparent conversations were fraudulently contrived, or that I
had succumbed to a mental illness that made me prone to hallucinations. But if communication with
the dead were a common part of many people's lives without the occurrence of fraud or psychosis, it
would be convincing evidence supporting dualism over the mind-brain identity theory. In the
nineteenth century, it was common for people to attend séances in which communication with the dead
was arranged by mediums, and there are psychics today, such as Sylvia Browne who appears on
television and tells people how their departed loved ones are doing. Many mediums and psychics
have been exposed as frauds, however, so the mind-brain identity theory can explain sporadic reports
of communication with the dead as resulting from a combination of fraud and wishful thinking.
Another possible source of evidence for the mind's surviving the brain is the occurrence of neardeath
experiences. People who have come close to death because of medical emergencies often
report that they experience going off into a tunnel with a bright light at the end, only somehow to be
pulled back. Even the famous atheistic philosopher A. J. Ayer reported a near-death experience that
temporarily weakened his conviction that death would be the end of him. However, reports of neardeath
experiences are only very weak evidence for the existence of souls, because science provides
plausible alternative explanations. Heart attacks and other medical conditions can cause shortage of
oxygen in the brain with cognitive effects that are heightened by people's expectations: many people
have heard about walking down a tunnel toward a light. Out-of-body experiences can be induced by
laboratory experiments that produce confusion between the senses, and may be due to neural
disruptions at the boundary between the temporal and parietal regions. Hence reports of near-death
experiences are like reports of communications with the dead in that we can explain them without
supposing that minds survive death.
If there is scant evidence for survival after death, why do so many people believe in their own
immortality? I think the two main reasons are religious faith and motivated inference. People acquire
belief in life after death (and, for Hindus, in life before birth) from their religious teachers, especially
their parents. As I remarked in the previous chapter, it is natural for children to acquire beliefs from
their parents and other seeming authorities, and these beliefs are often reliable. Life after death is a
part of a whole package of beliefs that includes God and the soul. Immortality is a particularly
attractive part of the package, as it provides a way of reducing fear of death and separation from
loved ones. Illness and the other difficulties of life are of small significance if you have the prospect
of eternal happiness in heaven, united with God and all the people you care about who have died
before you. Some religions, however, make survival after death less clearly attractive because of the
prospect of eternal punishment in some version of hell. The Greek philosopher Epicurus maintained
that the expectation that your existence will end should eliminate the fear of death because you will
then have no awareness of anything. Nevertheless, for most people the prospect of immortality is
positive. As Woody Allen remarked: “I don't want to achieve immortality through my work. I want to
achieve it through not dying.” Unfortunately, the belief in a soul that survives death is faith based
rather than evidence based.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลักฐานสำหรับ Dualism หรือไม่รอดจากความตายแม้มีความเชื่อมั่นของฉันปัจจุบันที่จิตใจสมอง ฉันอาจได้ประจักษ์หรือโดยหลักฐานที่ส่วนมีคำอธิบายตามหลักที่จิตใจสาร nonmaterial โดยไกลที่มีประสิทธิภาพที่สุดชนิดของหลักฐานจะสังเกตแสดงว่า จิตใจอยู่รอดการสูญเสียของร่างกายคริสต์ มุสลิม ชาวยิว ฮินดู และ proponents ของศาสนาอื่นอย่างแน่นหนาเชื่อว่าของเราชีวิตมนุษย์เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของการดำรงอยู่ของเรา อะไรจะแสดงว่า จะเหมาะสมหรือไม่สื่อสารจากคนตายจะมีผลหลักฐานที่เอาตัวรอดคนการทำลายศพ พ่อมีจึงพรากจากกันมา แต่ ถ้าฉันไม่ได้มีบทสนทนาด้วยที่แสดงให้เห็นว่า พวกเขาคุ้นเคยกับกิจกรรมของฉันเนื่องจากพวกเขาเสียชีวิต ฉันจะต้องพิจารณาสมมติฐานที่ว่า วิญญาณของพวกเขามีชีวิตรอดผ่าน แน่นอน ฉันจะต้องออกกฎสมมุติฐานทางเลือก เช่นชื่นชมการสนทนาที่ชัดเจนโดยการหลอกลวง หรือที่ฉันได้ยอมจำนนต่อการเจ็บป่วยโรคจิตที่ทำให้ฉันมักจะเห็นภาพหลอน แต่ถ้าสื่อสารกับตายได้ทั่วไปส่วนหนึ่งของชีวิตของผู้คนจำนวนมากโดยไม่มีการเกิดทุจริตหรือหมอ มันจะสามารถทำให้หลักฐานสนับสนุน dualism ผ่านทฤษฎีตัวตนจิตใจสมอง ในศตวรรษ มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนฟัง séances ในการสื่อสารกับคนตายเป็นจัด โดย mediums และมีเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณอย่างวันนี้ เช่น Browne ซิลเวียที่ปรากฏบนโทรทัศน์ และบอกผู้คนว่าการทำรักของพวกเขาพรากจากกันมา Mediums และเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณอย่างมากได้สัมผัสเป็นตลาด ไร ดังนั้นทฤษฎีตัวตนจิตใจสมองสามารถอธิบายรายงานมีติดต่อสื่อสารกับคนตายเป็นผลจากการรวมกันของการทุจริตและคิด wishfulอีกแหล่งหลักฐานสำหรับสมองรอดของจิตใจเป็นการเกิดขึ้นของ neardeathประสบการณ์ คนที่มาปิดตายเนื่องจากแพทย์ฉุกเฉินมักจะรายงานว่า พวกเขามีประสบการณ์ไปปิดอุโมงค์มีแสงสว่างที่สุด อย่างใดเท่านั้นจะดึงกลับ แม้จะมีชื่อเสียง atheistic นักปราชญ์ A. J. Ayer รายงานความใกล้ตายพบที่ชั่วคราวลดลงความเชื่อมั่นของเขาที่ตายจะเป็นการสิ้นสุดของเขา อย่างไรก็ตาม รายงานของ neardeathเป็นเพียงหลักฐานอ่อนมากสำหรับการดำรงอยู่ของชีวิต เนื่องจากแสดงวิทยาศาสตร์คำอธิบายอื่นที่เป็นไปได้ การโจมตีหัวใจและโรคอื่น ๆ อาจทำให้ขาดแคลนออกซิเจนในสมองมีผลรับรู้ที่มีแถลงการณ์ตามความคาดหวังของประชาชน: หลายคนเคยได้ยินเกี่ยวกับเดินลงอุโมงค์ไปทางไฟ Out-of-body ประสบการณ์สามารถเหนี่ยวนำโดยห้องปฏิบัติการทดลองที่สร้างความสับสนระหว่างความรู้สึก และอาจเกิดจากประสาทหยุดชะงักที่เขตแดนระหว่างภูมิภาคขมับ และข้างขม่อม ดังนั้น รายงานใกล้ตายประสบการณ์เป็นเช่นรายงานการติดต่อสื่อสารกับคนตายที่เราสามารถอธิบายได้โดยถ้าว่า จิตอยู่รอดตายถ้ามีหลักฐานไม่เพียงพอสำหรับการอยู่รอดหลังความตาย ทำไมผู้คนจำนวนมากเชื่อในตัวเองความเป็นอมตะ ผมคิดว่า เหตุผลหลักสองประการคือ ความเชื่อทางศาสนาและแรงจูงใจข้อ คนได้รับความเชื่อในชีวิต หลังความตาย (และ ฮินดู ในชีวิตก่อนเกิด) จากครูศาสนาของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ ผมกล่าวในบทก่อนหน้านี้ มันเป็นธรรมชาติสำหรับเด็กที่จะได้รับความเชื่อจากปกครอง และหน่วยงานอื่น ๆ seeming และความเชื่อเหล่านี้มักเชื่อถือได้ ชีวิตหลังความตายเป็นส่วนหนึ่งของแพคเกจทั้งหมดของความเชื่อที่พระเจ้าและจิตวิญญาณ มีความเป็นอมตะเป็นอย่างยิ่งหนึ่งแพคเกจ ที่น่าสนใจช่วยให้การลดความกลัวความตายและจากคนที่คุณรัก เจ็บป่วยและปัญหาของชีวิตมีความสำคัญขนาดเล็กถ้าคุณมีโอกาสความสุขนิรันดร์ในสวรรค์ สหรัฐกับพระเจ้าและคนทั้งหมดคุณดูแลเกี่ยวกับผู้ตายก่อนที่คุณ บางศาสนา อย่างไรก็ตาม ทำให้อยู่รอดหลังความตายน้อยชัดเจนน่าสนใจเนื่องจากการโอกาสของการลงโทษชั่วนิรันดร์ในนรกบางรุ่น นักปรัชญากรีกที่ Epicurus รักษาว่า ความคาดหวังที่มีอยู่ของคุณจะสิ้นสุดควรกำจัดความกลัวความตายเนื่องจากคุณจะแล้วความไม่รู้ของอะไร อย่างไรก็ตาม สำหรับคนส่วนใหญ่ แนวโน้มของความเป็นอมตะเป็นบวก เป็นไม้ยืนต้นอัลเลนกล่าว: "ฉันไม่ต้องการให้บรรลุความเป็นอมตะผ่านงาน ฉันอยากจะบรรลุได้ โดยไม่ตาย" แต่ ความเชื่อในจิตวิญญาณที่ survives ตายเป็นความเชื่อตามแทนหลักฐานการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลักฐานสำหรับคู่?
การอยู่รอดหลังจากตายแม้จะมีความเชื่อมั่นในปัจจุบันของฉันที่จิตใจจะสมองฉันอาจจะเชื่อว่าเป็นอย่างอื่นโดยหลักฐานที่แสดงว่าจะมีการอธิบายที่ดีที่สุดโดยการคาดคะเนที่จิตใจเป็นสารnonmaterial โดยไกลที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดชนิดของหลักฐานที่จะแสดงให้เห็นว่าการสังเกตจิตใจอยู่รอดการสูญเสียของร่างกายของพวกเขา. ชาวมุสลิมชาวยิวฮินดูและเสนอของศาสนาอื่น ๆ ส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าเรามีชีวิตอยู่ของมนุษย์เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของดำรงอยู่ของเรา สิ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีสิทธิ? การสื่อสารมาจากความตายอย่างแน่นอนจะเป็นหลักฐานที่น่าสนใจว่าคนที่อยู่รอดการทำลายของร่างกายของพวกเขา พ่อแม่ของฉันจะออกไปนาน แต่ถ้าผมมีความสามารถที่จะมีการสนทนากับพวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความคุ้นเคยกับกิจกรรมของฉันตั้งแต่พวกเขาจะตายฉันจะต้องพิจารณาสมมติฐานที่ว่าวิญญาณของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ของพวกเขาเสียชีวิต แน่นอนผมยังจะต้องออกกฎสมมติฐานทางเลือกเช่นการสนทนาที่ชัดเจนได้วางแผนฉ้อฉลหรือว่าฉันได้ยอมจำนนต่อความเจ็บป่วยทางจิตที่ทำให้ฉันมีแนวโน้มที่จะเห็นภาพหลอน แต่ถ้าการสื่อสารกับคนตายเป็นส่วนหนึ่งที่พบบ่อยในชีวิตของคนจำนวนมากโดยไม่เกิดการทุจริตหรือโรคจิตก็จะเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อคู่สนับสนุนมากกว่าทฤษฎีตัวตนความคิดของสมอง ในศตวรรษที่สิบเก้ามันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่จะเข้าร่วมséancesซึ่งในการสื่อสารกับคนตายจัดโดยสื่อและมีผีวันนี้เช่นซิลเวียบราวน์ที่ปรากฏในโทรทัศน์และบอกคนว่าคนที่รักของพวกเขาออกจะทำ สื่อจำนวนมากและ psychics ได้รับการเปิดเผยว่าการทุจริต แต่เพื่อทฤษฎีตัวตนความคิดของสมองสามารถอธิบายได้รายงานเป็นระยะ ๆในการติดต่อสื่อสารกับคนตายเป็นผลมาจากการรวมกันของการทุจริตและการคิดนึก. อีกแหล่งที่มาของหลักฐานของจิตใจที่หลงเหลืออยู่ในสมอง คือการเกิดขึ้นของ neardeath ประสบการณ์ คนที่ได้มาใกล้จะตายเพราะเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์มักจะรายงานว่าพวกเขามีประสบการณ์จะออกเข้าไปในอุโมงค์ที่มีแสงสว่างที่ปลายเพียงใดที่จะดึงกลับ แม้นักปรัชญาที่มีชื่อเสียงตำรา AJ Ayer รายงานประสบการณ์ใกล้ตายที่ลดลงชั่วคราวที่เขาเชื่อมั่นว่าการตายจะเป็นจุดสิ้นสุดของเขา อย่างไรก็ตามรายงานของ neardeath ประสบการณ์เป็นหลักฐานเพียงอ่อนแอมากสำหรับการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณเพราะวิทยาศาสตร์มีคำอธิบายทางเลือกที่เป็นไปได้ โรคหัวใจและเงื่อนไขทางการแพทย์อื่น ๆ อาจทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนออกซิเจนในสมองที่มีผลกระทบกับความรู้ความเข้าใจที่มีความคิดริเริ่มจากความคาดหวังของผู้คน: หลาย ๆ คนเคยได้ยินเกี่ยวกับการเดินลงอุโมงค์ไปทางแสง ประสบการณ์ออกจากร่างกายสามารถเกิดจากการทดลองในห้องปฏิบัติการที่ผลิตสับสนระหว่างความรู้สึกและอาจจะเกิดจากระบบประสาทการหยุดชะงักในเขตแดนระหว่างภูมิภาคชั่วคราวและข้างขม่อม ดังนั้นรายงานของใกล้ตายประสบการณ์เป็นเช่นรายงานของการสื่อสารกับคนตายในการที่เราสามารถอธิบายได้โดยไม่ต้องสมมติว่าจิตใจอยู่รอดตาย. หากมีหลักฐานเพียงเพื่อความอยู่รอดหลังจากการตายทำไมหลายคนเชื่อมั่นในตัวเองเป็นอมตะ? ผมคิดว่าสองเหตุผลหลักคือความเชื่อทางศาสนาและการอนุมานแรงบันดาลใจ คนที่ได้รับความเชื่อในชีวิตหลังความตาย (และสำหรับชาวฮินดูในชีวิตก่อนคลอด) จากครูผู้สอนศาสนาของพวกเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ของพวกเขา ขณะที่ผมตั้งข้อสังเกตในบทก่อนหน้านี้มันเป็นธรรมชาติสำหรับเด็กที่จะได้รับความเชื่อจากผู้ปกครองและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เห็นและความเชื่อเหล่านี้มักจะเชื่อถือได้ ชีวิตหลังความตายเป็นส่วนหนึ่งของแพคเกจทั้งหมดของความเชื่อที่มีพระเจ้าและจิตวิญญาณ อมตะโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นส่วนหนึ่งที่น่าสนใจของแพคเกจที่จะให้วิธีของการลดความกลัวของการเสียชีวิตและการแยกจากคนที่คุณรัก เจ็บป่วยและปัญหาอื่น ๆ ของชีวิตมีความสำคัญขนาดเล็กถ้าคุณมีโอกาสของความสุขนิรันดร์ในสวรรค์สหรัฐกับพระเจ้าและทุกคนที่คุณดูแลเกี่ยวกับการที่เสียชีวิตก่อนที่คุณจะ บางศาสนา แต่ให้อยู่รอดหลังจากการตายที่น่าสนใจน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะโอกาสของการลงโทษนิรันดร์ในรุ่นนรกบาง นักปรัชญากรีก Epicurus การบำรุงรักษาที่คาดหวังว่าการดำรงอยู่ของคุณจะสิ้นสุดควรกำจัดความกลัวของการเสียชีวิตเพราะคุณจะแล้วมีความตระหนักในสิ่งที่ไม่มี แต่สำหรับคนส่วนใหญ่คาดหวังของความเป็นอมตะเป็นบวก ในฐานะที่เป็นอัลเลนวู้ดดี้ตั้งข้อสังเกตว่า "ผมไม่ต้องการที่จะบรรลุความเป็นอมตะผ่านการทำงานของฉัน ฉันต้องการที่จะบรรลุมันผ่านไม่ตาย. "แต่น่าเสียดายที่ความเชื่อในจิตวิญญาณที่มีชีวิตรอดตายตามความเชื่อมากกว่าหลักฐานตาม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลักฐานสำหรับคู่ ?

รอดหลังความตายแม้จะปัจจุบันมั่นใจว่าจิตใจเป็นสมอง ผมอาจจะเชื่อมิฉะนั้นโดยหลักฐาน
ที่ดีที่สุดอธิบายด้วยการสมมติว่าจิตใจเป็น nonmaterial สาร โดยไกลชนิดที่มีประสิทธิภาพ
หลักฐานส่วนใหญ่จะสังเกตแสดงจิตใจอยู่รอดได้สูญเสียร่างกายของพวกเขา .
คริสเตียน มุสลิม ยิว ฮินดูผู้เสนอของศาสนาอื่น ๆและส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าชีวิตของมนุษย์ของเรา
เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของการดำรงอยู่ของเรา สิ่งที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาใช่มั้ย ?
การสื่อสารจากตายแน่นอนจะน่าสนใจ หลักฐานที่คนเอาตัวรอด
ทำลายร่างกายของพวกเขา พ่อแม่ของฉันยาวออกไป แต่ถ้าฉันสามารถมีการสนทนา
พวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาคุ้นเคยกับกิจกรรมของฉันตั้งแต่พวกเขาตาย ผมคงต้องพิจารณา
สมมติฐานว่าวิญญาณของพวกเขาได้รอดพ้นจากความตายของพวกเขา แน่นอน ผมก็ต้องออกกฎ
สมมติฐานทางเลือก เช่น การสนทนาชัดเจนถูกฉ้อฉล contrived , หรือที่ผม
มีการเสียชีวิตมีความเจ็บป่วยทางจิตที่ทำให้ผมมักจะเกิดอาการประสาทหลอนแต่ถ้าสื่อสารกับ
ตายเป็นส่วนหนึ่งปกติของชีวิตของคนมากมายที่ไม่มีการเกิดการฉ้อโกง หรือโรคจิต มัน
จะเชื่อหลักฐานสนับสนุนคู่มากกว่าจิตใจ สมอง ตัวทฤษฎี ในศตวรรษที่สิบเก้า
, มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่จะเข้าร่วมด้วยและกัน ในการสื่อสารกับคนตาย
จัดโดยสื่อ และมีพลังในวันนี้เช่น ซิลเวียบราวน์ที่ปรากฏบนโทรทัศน์ และบอกประชาชนว่า
ไปที่ดวงของพวกเขากำลังทำ สื่อหลาย psychics
ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกหลอกลวง ดังนั้นทฤษฎีเอกลักษณ์สมองจิตใจสามารถอธิบายเป็นระยะรายงาน
การสื่อสารกับความตายที่เกิดจากการรวมกันของการฉ้อโกงและ
คิดปรารถนาอื่นได้แหล่งที่มาของหลักฐานของความคิดจากสมองเกิดประสบการณ์ neardeath

คนที่มาใกล้จะตายเพราะเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์มักจะรายงานว่าพวกเขามีประสบการณ์กำลังจะเข้าไปในอุโมงค์ที่มีแสงสว่างที่ปลายเพียงอย่างใดที่จะ
ดึงกลับ แม้ตำราปราชญ์ที่มีชื่อเสียง A J . Ayer รายงานประสบการณ์การตายที่อยู่ใกล้ที่
ชั่วคราวทำให้ความเชื่อมั่นของเขาว่า ความตายจะเป็นจุดจบของเขา อย่างไรก็ตาม รายงานของประสบการณ์ neardeath
เป็นเพียงหลักฐานอ่อนมากสำหรับการดำรงอยู่ของชีวิต เพราะวิทยาศาสตร์มีทางเลือก
มีเหตุผลอธิบาย โรคหัวใจและเงื่อนไขทางการแพทย์อื่น ๆที่สามารถทำให้เกิดการขาดออกซิเจนในสมองของ
กับผลทางปัญญาที่มากขึ้น ความคาดหวังของผู้คนหลายคน
เคยได้ยินเกี่ยวกับเดินลงอุโมงค์ไปทางแสง ออกมาจากประสบการณ์ของร่างกายสามารถกระตุ้นโดย
ปฏิบัติการสร้างความสับสนระหว่างความรู้สึก และอาจจะเกิดจากระบบประสาท
หยุดชะงักที่เขตแดนระหว่างภูมิภาคและบริเวณต้นคอ ดังนั้นรายงานใกล้กับประสบการณ์ชีวิต
เหมือนรายงานของการสื่อสารกับคนตายในที่เราสามารถอธิบายได้โดยไม่ต้อง
ต่างว่าจิตใจรอดความตาย .
ถ้ามีหลักฐานที่ขาดแคลนเพื่อความอยู่รอดหลังความตาย ทำไมหลายคนเชื่อในความเป็นอมตะของตนเอง
? ฉันคิดว่าสาเหตุหลักสองมีความเชื่อทางศาสนา และ กระตุ้น การอนุมาน คนได้รับ
ความเชื่อในชีวิตหลังตาย ( และ ฮินดูในชีวิตก่อนคลอด ) จากครูของพวกเขาทางศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
พ่อแม่ ที่ผมตั้งข้อสังเกตในบทก่อนหน้ามันเป็นธรรมชาติสำหรับเด็กที่จะได้รับความเชื่อจากผู้ปกครอง และหน่วยงานอื่น ๆที่
และความเชื่อเหล่านี้มักจะเชื่อถือได้ ชีวิตหลังตายคือ
ส่วนหนึ่งของแพคเกจทั้งหมดของความเชื่อว่ามีพระเจ้า และวิญญาณ อมตะ เป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
มีเสน่ห์ส่วนหนึ่งของแพคเกจ มันมีวิธีลดความกลัวของความตายและการพลัดพรากจาก
คนที่คุณรักความเจ็บป่วยและปัญหาอื่น ๆของชีวิต อย่างน้อยหากคุณมีลูกค้า
ความสุขนิรันดรในสวรรค์ เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและทุกคนที่คุณดูแลเกี่ยวกับที่ตาย
ก่อนที่คุณ บางศาสนา อย่างไรก็ตาม ให้รอดหลังความตายน้อยลงอย่างชัดเจน มีเสน่ห์ เพราะโอกาสของการลงโทษนิรันดร์
ในบางรุ่นของนรก นักปรัชญากรีกพิคิวรัสรักษา
ที่คาดหวังว่า ชีวิตของคุณจะสิ้นสุดควรขจัดความกลัวของความตาย เพราะคุณจะได้ไม่รับรู้อะไรเลย
. อย่างไรก็ตาม สำหรับคนส่วนใหญ่ โอกาสของความเป็นอมตะคือ
บวก เป็น วู้ดดี้ อัลเลน กล่าวว่า " ผมไม่ต้องการที่จะบรรลุความเป็นอมตะผ่านการทำงานของฉัน ฉันต้องการให้มันผ่านไม่ได้จะตาย

" ขออภัยความเชื่อในจิตวิญญาณที่รอดตายคือศรัทธา
มากกว่า
ตามหลักฐานตาม