Sexual reproduction in the Ascomyco

Sexual reproduction in the Ascomycota leads to the formation of the ascus, the structure that defines this fungal group and distinguishes it from other fungal phyla. The ascus is a tube-shaped vessel, a meiosporangium, which contains the sexual spores produced by meiosis and which are called ascospores.
Apart from a few exceptions, such as Candida albicans, most ascomycetes are haploid, i.e., they contain one set of chromosomes per nuclei. During sexual reproduction there is a diploid phase, which commonly is very short, and meiosis restores the haploid state.
Formation of sexual spores

The sexual part of the life cycle commences when two hyphal structures mate. In the case of homothallic species, mating is enabled between hyphae of the same fungal clone, whereas in heterothallic species, the two hyphae must originate from fungal clones that differ genetically, i.e., those that are of a different mating type. Mating types are typical of the fungi and correspond roughly to the sexes in plants and animals; however one species may have more than two mating types, resulting in sometimes complex vegetative incompatibility systems.
Gametangia are sexual structures formed from hyphae, and are the generative cells. A very fine hypha, called trichogyne emerges from one gametangium, the ascogonium, and merges with a gametangium (the antheridium) of the other fungal isolate. The nuclei in the antheridium then migrate into the ascogonium, and plasmogamy—the mixing of the cytoplasm—occurs. Unlike in animals and plants, plasmogamy is not immediately followed by the merging of the nuclei (called karyogamy). Instead, the nuclei from the two hyphae form pairs, initiating the dikaryophase of the sexual cycle, during which time the pairs of nuclei synchronously divide. Fusion of the paired nuclei leads to mixing of the genetic material and recombination and is followed by meiosis. A similar sexual cycle is present in the red algae (Rhodophyta).


Unitunicate-inoperculate Asci of Hypomyces chrysospermus
From the fertilized ascogonium, dinucleate hyphae emerge in which each cell contains two nuclei. These hyphae are called ascogenous or fertile hyphae. They are supported by the vegetative mycelium containing uni– (or mono–) nucleate hyphae, which are sterile. The mycelium containing both sterile and fertile hyphae may grows into fruiting body, the ascocarp, which may contain millions of fertile hyphae.
The sexual structures are formed in the fruiting layer of the ascocarp, the hymenium. At one end of ascogenous hyphae, characteristic U-shaped hooks develop, which curve back opposite to the growth direction of the hyphae. The two nuclei contained in the apical part of each hypha divide in such a way that the threads of their mitotic spindles run parallel, creating two pairs of genetically different nuclei. One daughter nucleus migrates close to the hook, while the other daughter nucleus locates to the basal part of the hypha. The formation of two parallel cross-walls then divides the hypha into three sections: one at the hook with one nucleus, one at the basal of the original hypha that contains one nucleus, and one that separates the U-shaped part, which contains the other two nuclei.
Cross-section of a cup-shaped structure showing locations of developing meiotic asci (upper edge of cup, left side, arrows pointing to two gray-colored cells containing four and two small circles), sterile hyphae (upper edge of cup, right side, arrows pointing to white-colored cells with a single small circle in them), and mature asci (upper edge of cup, pointing to two gray-colored cells with eight small circles in them)

Diagram of an apothecium (the typical cup-like reproductive structure of Ascomycetes) showing sterile tissues as well as developing and mature asci.
Fusion of the nuclei (karyogamy) takes place in the U-shaped cells in the hymenium, and results in the formation of a diploid zygote. The zygote grows into the ascus, an elongated tube-shaped or cylinder-shaped capsule. Meiosis then gives rise to four haploid nuclei, usually followed by a further mitotic division that results in eight nuclei in each ascus. The nuclei along with some cytoplasma become enclosed within membranes and a cell wall to give rise to ascospores that are aligned inside the ascus like peas in a pod.
Upon opening of the ascus, ascospores may be dispersed by the wind, while in some cases the spores are forcibly ejected form the ascus; certain species have evolved spore cannons, which can eject ascospores up to 30 cm. away. When the spores reach a suitable substrate, they germinate, form new hyphae, which restarts the fungal life cycle.
The form of the ascus is important for classification and is divided into four basic types: unitunicate-operculate, unitunicate-inoperculate, bitunicate, or prototunicate. See the article on asci for further details


Read more: http://www.answers.com/topic/ascomycota-1#ixzz2zrugiLep

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทางเพศการสืบพันธุ์ใน Ascomycota นำไปสู่การก่อตัวของโครงสร้างที่กำหนดกลุ่มเชื้อรานี้ และแตกต่างจากอื่น ๆ phyla เชื้อรา ascus Ascus เป็นหลอดรูปทรงเรือ meiosporangium ประกอบด้วยเพาะเฟิร์นเพศที่ผลิต โดยไมโอซิส และที่เรียกว่า ascospores.
นอกจากข้อยกเว้นบาง เช่น Candida albicans, ascomycetes ส่วนใหญ่เป็น haploid เช่น ประกอบด้วยชุดของ chromosomes ต่อแอลฟา ในระหว่างการสืบพันธุ์ทางเพศ มีเฟส diploid ซึ่งโดยทั่วไปจะสั้นมาก และไมโอซิสคืนแบบ haploid รัฐ
ก่อเพาะเฟิร์นเพศ

ส่วนทางเพศของวงจรชีวิตเริ่มต้นเมื่อสองโครงสร้าง hyphal ผสมพันธุ์ ในกรณีของ homothallic พันธุ์ ผสมพันธุ์ได้ระหว่าง hyphae เชื้อราโคลนเดียวกัน ในขณะที่ในสายพันธุ์ heterothallic, hyphae สองต้องมาจากเชื้อราโคลนที่แตกต่างแปลงพันธุกรรม เช่น ผู้ที่มีความแตกต่างของผสมพันธุ์ชนิด ศึกชนิดของเชื้อรามี และหยาบ ๆ กับเพศในพืชและสัตว์ อย่างไรก็ตาม ชนิดหนึ่งอาจมีมากกว่าสองชนิดผสมพันธุ์ เกิดความไม่เข้ากันผักเรื้อรังซับซ้อนบางครั้งระบบการ
Gametangia มีโครงสร้างทางเพศที่เกิดขึ้นจาก hyphae และเซลล์ generative Hypha ดีมาก เรียกว่า trichogyne ขึ้นจากหนึ่ง gametangium, ascogonium และเวียน มี gametangium (antheridium) ของอื่น ๆ เชื้อราเพราะ แอลฟาใน antheridium แล้วย้ายไป ascogonium และ plasmogamy — ผสมของไซโทพลาซึมซึ่งเกิดขึ้น ซึ่งแตกต่างจากสัตว์และพืช ทันทีไม่มีตาม plasmogamy ด้วยการผสานของแอลฟา (เรียกว่า karyogamy) แทน แอลฟาจาก hyphae สองแบบคู่ การเริ่มต้น dikaryophase ของวงจรทางเพศ ในช่วงเวลาที่คู่ของแอลฟากล่าวแบ่ง ฟิวชั่นของแอลฟาจัดเป็นคู่นำไปผสมวัสดุพันธุกรรมและ recombination และตาม ด้วยไมโอซิส วงจรทางเพศคล้ายกันมีอยู่ในสาหร่ายสีแดง (Rhodophyta)


Asci Hypomyces Unitunicate inoperculate chrysospermus
จาก fertilized ascogonium, dinucleate hyphae ออกซึ่งแต่ละเซลล์ประกอบด้วยแอลฟา 2 Hyphae เหล่านี้เรียกว่า ascogenous หรือ hyphae ที่อุดมสมบูรณ์ พวกเขารับการสนับสนุน โดย mycelium ผักเรื้อรังประกอบด้วย uni – (หรือโมโน –) nucleate hyphae ซึ่งผ่านการฆ่าเชื้อ Mycelium ที่ประกอบด้วย hyphae กอซ และอุดมสมบูรณ์อาจขยายเข้าไปในร่างกาย fruiting, ascocarp ซึ่งอาจประกอบด้วยนับล้านของอุดม hyphae
โครงสร้างทางเพศจะเกิดขึ้นใน fruiting ชั้นของ ascocarp, hymenium ได้ ที่ปลายด้านหนึ่งของ ascogenous hyphae ตะขอรูปตัว U ลักษณะพัฒนา โค้งที่ตรงข้ามกับทิศทางการเติบโตของ hyphae แอลฟา 2 ที่อยู่ในส่วนปลายยอดของแต่ละ hypha แบ่งในลักษณะที่หัวข้อของพวกเขากล mitotic รันขนาน การสร้างแอลฟาแปลงพันธุกรรมที่แตกต่างกันสองคู่ นิวเคลียสลูกหนึ่งย้ายใกล้กับเบ็ด ในขณะที่นิวเคลียสลูกอื่น ๆ ตั้งอยู่ส่วนโรคของ hypha การก่อตัวของขนานสองข้ามกำแพง แล้ว hypha แบ่งออกเป็นสามส่วน: ที่เบ็ดกับนิวเคลียสหนึ่ง หนึ่งในโรคของ hypha เดิมที่ประกอบด้วยนิวเคลียสหนึ่ง และแยกเป็นรูปตัว U ส่วน ซึ่งประกอบด้วยอื่นสองแอลฟา.
ข้ามส่วนของถ้วยรูปร่างโครงสร้างแสดงตำแหน่งที่ตั้งของการพัฒนา meiotic asci (ขอบด้านบนของถ้วย ซ้ายข้าง ลูกศรชี้ไปยังเซลล์สีเทาสองประกอบด้วยวงกลมเล็ก ๆ สอง และสี่), กอซ hyphae (บนขอบถ้วย ด้านขวา ลูกศรชี้ไปยังเซลล์สีขาววงกลมเล็กหนึ่งในพวกเขา), และผู้ใหญ่ asci (ขอบด้านบนของถ้วย ชี้ไปที่เซลล์สีเทาสองวงกลมเล็ก ๆ 8 ได้)

ไดอะแกรมของการ apothecium (โดยทั่วไปคล้ายถ้วยสืบพันธุ์โครงสร้างของ Ascomycetes) แสดงใส่เนื้อเยื่อเป็น asci ดีที่พัฒนา และเติบโต
ฟิวชั่นของแอลฟา (karyogamy) เกิดขึ้นในเซลล์รูปตัวยูใน hymenium และเกิดการก่อตัวของไซโกตเป็น diploid ไซโกตเติบโตขึ้นเป็น ascus แคปซูล รูปท่อ หรือ รูปทรงกระบอกมีอีลองเกต ไมโอซิสแล้วให้เพิ่มขึ้นถึง 4 แอลฟา haploid มักจะตาม ด้วยเติม mitotic ส่วนที่ผลแอลฟา 8 ในแต่ละ ascus แอลฟากับ cytoplasma บางอย่างเป็นอยู่ภายในเยื่อหุ้มและผนังเซลล์ให้ขึ้น ascospores ที่จัดภายใน ascus เช่นถั่วในฝักได้
เมื่อเปิดใน ascus, ascospores อาจกระจายลม ในขณะที่ในบางกรณี เพาะเฟิร์นจะบังคับให้ออก แบบ ascus บางชนิดมีพัฒนาปืนใหญ่สปอร์ ซึ่งสามารถเลื่อน ascospores ถึง 30 cm. เก็บ เมื่อเพาะเฟิร์นพื้นผิวที่เหมาะสม พวกเขา germinate ฟอร์ม hyphae ใหม่ การเริ่มระบบใหม่ในเชื้อราวงจรชีวิต
แบบ ascus สำคัญสำหรับการจัดประเภท และแบ่งออกเป็น 4 ประเภทพื้นฐาน: unitunicate inoperculate unitunicate operculate bitunicate หรือ prototunicate ดูบทความใน asci สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม


อ่านเพิ่มเติม: http://www.answerscom/หัว ข้อ/ascomycota-1#ixzz2zrugiLep

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศใน Ascomycota นำไปสู่การก่อตัวของ ascus โครงสร้างที่กำหนดกลุ่มของเชื้อรานี้และแตกต่างจาก phyla เชื้อราอื่น ๆ ascus เป็นหลอดรูปเรือ meiosporangium ที่มีสปอร์ของทางเพศที่ผลิตโดยเซลล์ชนิดหนึ่งและมีการเรียก ascospores
นอกเหนือจากข้อยกเว้นบางประการเช่น Candida albicans, ascomycetes เดี่ยวมากที่สุดคือคือพวกเขามีหนึ่งชุดของโครโมโซม ต่อนิวเคลียส ในระหว่างการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศมีขั้นตอนซ้ำซึ่งมักจะสั้นมากและเซลล์ชนิดหนึ่งเรียกคืนรัฐเดี่ยว
การสร้างสปอร์ทางเพศทางเพศเป็นส่วนหนึ่งของวงจรชีวิตเริ่มเมื่อสองโครงสร้าง hyphal คู่ ในกรณีที่มีสายพันธุ์ homothallic ผสมพันธุ์ถูกเปิดใช้งานระหว่าง hyphae ของเชื้อราโคลนเดียวกันในขณะที่ในสายพันธุ์ heterothallic ทั้งสอง hyphae จะต้องมาจากโคลนเชื้อราที่แตกต่างทางพันธุกรรมคือผู้ที่มีประเภทการผสมพันธุ์ที่แตกต่างกัน ประเภทการผสมพันธุ์เป็นปกติของเชื้อราและสอดคล้องกับประมาณสองเพศในพืชและสัตว์; แต่หนึ่งชนิดอาจมีมากกว่าสองชนิดการผสมพันธุ์เกิดขึ้นในบางครั้งระบบที่ซับซ้อนเข้ากันไม่ได้พืชGametangia มีโครงสร้างทางเพศเกิดจาก hyphae และเป็นเซลล์กำเนิด hypha ดีมากเรียกว่า trichogyne โผล่ออกมาจากหนึ่ง gametangium, ascogonium และรวมตัวกับ gametangium (antheridium) ของไอโซเลทเชื้อราอื่น ๆ นิวเคลียสใน antheridium แล้วอพยพเข้ามา ascogonium และ plasmogamy-ผสมของ cytoplasm-เกิดขึ้น ซึ่งแตกต่างจากในสัตว์และพืช plasmogamy ไม่ได้ทันทีตามด้วยการรวมตัวของนิวเคลียส (เรียกว่า karyogamy) แต่นิวเคลียสจากทั้งสองคู่รูปแบบ hyphae เริ่ม dikaryophase ของวงจรการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่คู่ของนิวเคลียสพร้อมกันแบ่ง ฟิวชั่นของนิวเคลียสคู่นำไปสู่การผสมของสารพันธุกรรมและการรวมตัวกันและตามด้วยเซลล์ชนิดหนึ่ง วงจรที่คล้ายกันทางเพศที่มีอยู่ในสาหร่ายสีแดง (Rhodophyta) Unitunicate-inoperculate asci ของ Hypomyces chrysospermus จาก ascogonium เพาะ, hyphae dinucleate เกิดขึ้นในแต่ละเซลล์ซึ่งมีสองนิวเคลียส hyphae เหล่านี้เรียกว่า ascogenous หรือ hyphae ที่อุดมสมบูรณ์ พวกเขาได้รับการสนับสนุนโดยไมซีเลียมพืชที่มีเดียว (หรือขาวดำ) nucleate hyphae ซึ่งเป็นหมัน ไมซีเลียมที่มีทั้งผ่านการฆ่าเชื้อและอุดมสมบูรณ์ hyphae อาจเติบโตเข้าไปในร่างกายผล, ascocarp ซึ่งอาจจะมีนับล้าน hyphae อุดมสมบูรณ์โครงสร้างทางเพศที่เกิดขึ้นในชั้นของผล ascocarp, hymenium ที่ปลายด้านหนึ่งของ ascogenous hyphae ตะขอรูปตัวยูมีลักษณะการพัฒนาที่โค้งกลับตรงข้ามกับทิศทางการเจริญเติบโตของ hyphae สองนิวเคลียสที่มีอยู่ในส่วนปลายของแต่ละแบ่ง hypha ในลักษณะที่หัวข้อของแกนทิคส์ของพวกเขาวิ่งขนาน, การสร้างสองคู่ของนิวเคลียสที่แตกต่างกันทางพันธุกรรม ลูกสาวคนหนึ่งนิวเคลียสย้ายใกล้ชิดกับเบ็ดในขณะที่ลูกสาวของนิวเคลียสอื่น ๆ ตั้งอยู่ที่ส่วนฐานของ hypha การก่อตัวของทั้งสองขนานข้ามผนังแล้วแบ่ง hypha เป็นสามส่วนหนึ่งที่ตะขอกับนิวเคลียสหนึ่งที่ฐานของ hypha เดิมที่มีหนึ่งนิวเคลียสและหนึ่งที่แยกส่วนรูปตัวยูที่มี อีกสองนิวเคลียสข้ามส่วนของโครงสร้างรูปถ้วยแสดงสถานที่ในการพัฒนา asci meiotic (ขอบบนของถ้วยด้านซ้ายลูกศรชี้ไปที่สองเซลล์สีเทาสีที่มีสี่และวงกลมสองวงเล็ก), hyphae หมัน (ขอบด้านบนของ ถ้วยด้านขวาลูกศรชี้ไปที่เซลล์สีขาวสีเดียววงกลมขนาดเล็กในพวกเขา) และ asci ผู้ใหญ่ (ขอบบนของถ้วยชี้ไปที่สองเซลล์สีเทาสีกับแปดวงกลมเล็ก ๆ ในพวกเขา) แผนผัง apothecium ( ถ้วยเหมือนโครงสร้างทั่วไปสืบพันธุ์ของ ascomycetes) แสดงเนื้อเยื่อปลอดเชื้อรวมทั้งการพัฒนาและเป็นผู้ใหญ่ asci ฟิวชั่นของนิวเคลียส (karyogamy) จะเกิดขึ้นในเซลล์รูปตัวยูใน hymenium และผลในการพัฒนาของตัวอ่อนซ้ำ ตัวอ่อนเติบโตเป็น ascus แคปซูลรูปทรงกระบอกกระบอกหรือยาว เซลล์ชนิดหนึ่งแล้วก่อให้เกิดสี่นิวเคลียสเดี่ยวมักจะตามมาด้วยการแบ่งทิคส์ต่อไปที่ผลในแปดนิวเคลียสในแต่ละ ascus นิวเคลียสพร้อมกับ cytoplasma บางส่วนกลายเป็นปิดล้อมภายในและเยื่อผนังเซลล์จะก่อให้เกิด ascospores ที่สอดคล้องภายใน ascus เช่นถั่วฝักเมื่อเปิด ascus, ascospores อาจจะแยกย้ายกันไปตามลมในขณะที่ในบางกรณี สปอร์จะออกมาบังคับรูปแบบ ascus; บางชนิดมีการพัฒนาปืนสปอร์ซึ่งสามารถนํา ascospores ถึง 30 เซนติเมตร ไป เมื่อสปอร์ถึงพื้นผิวที่เหมาะสมที่พวกเขางอกแบบ hyphae ใหม่ซึ่งเริ่มวงจรชีวิตของเชื้อรารูปแบบของ ascus เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดหมวดหมู่และแบ่งออกเป็นสี่ประเภทพื้นฐาน unitunicate-operculate, unitunicate-inoperculate, bitunicate หรือ prototunicate ดูบทความใน asci สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมอ่านเพิ่มเติม: http://www.answers.com/topic/ascomycota-1 # ixzz2zrugiLep

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศในโคไมโคตา นำไปสู่การก่อตัวของ ascus โครงสร้างที่กำหนดกลุ่มเชื้อราและเชื้อรานี้แตกต่างจากประเภทอื่น ๆ การ ascus เป็นหลอดรูปเรือ , meiosporangium ซึ่งประกอบด้วยทางเพศสปอร์ที่ผลิตโดยไมโอซิสซึ่งเรียกว่า ascospores .
นอกเหนือจากไม่กี่ข้อยกเว้น เช่น Candida albicans แอ คไมซีตีส ส่วนใหญ่เป็นโครโมโซม เช่นพวกเขามีหนึ่งชุดของโครโมโซมต่อนิวเคลียส . ในระหว่างการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ มีระยะการเกิด ซึ่งปกติจะสั้นมาก และเหม่งคืนรัฐสร้างสปอร์โครโมโซม .

ส่วนเรื่องทางเพศของวงจรชีวิตเริ่มต้นเมื่อสองโครงสร้างเส้นใยคู่กัน ในกรณีของโฮโมแทลลิกชนิดการผสมพันธุ์จะเปิดใช้งานระหว่างเส้นใยของเชื้อราโคลนเดียวกันขณะที่ใน heterothallic ชนิดสอง ) ต้องมาจากเชื้อราสายพันธุ์ที่แตกต่างทางพันธุกรรม ได้แก่ ผู้ที่เป็นประเภทของน้ำที่แตกต่างกัน ผสมพันธุ์ และเป็นปกติของเชื้อราและสอดคล้องประมาณเพศในพืชและสัตว์ แต่หนึ่งอาจมีมากกว่าสองชนิดผสมชนิดที่เกิดในบางครั้งที่ซับซ้อนและระบบ :
.แกมีแทนเจียจะส่งผลต่อโครงสร้างที่เกิดขึ้นจากเส้นใย และเป็นเซลล์เซลล์ . เป็นไฮฟามากเรียกว่าตรับโคจีนโผล่ออกมาจากหนึ่งแกมีแทนเจียม , โคโกเนียม และผสานกับแกมีแทนเจียม ( แอนเทอริเดียม ) ของอื่น ๆของเชื้อราไอโซเลท นิวเคลียสในแอนเทอริเดียมแล้วอพยพเข้ามาในโคโกเนียมและพลาสโมแกมีการผสมของไซโตปลาสซึมเกิดขึ้น ซึ่งแตกต่างจากสัตว์และพืชพลาสโมแกรมมี่ไม่ได้ทันที ตามด้วยการรวมของนิวเคลียส ( เรียกว่า คารีโอแกมี ) แทนนิวเคลียสจาก 2 ) แบบคู่ เริ่ม dikaryophase ของวัฏจักรทางเพศ ในช่วงเวลาที่คู่ของนิวเคลียส synchronously หาร ฟิวชั่นของนิวเคลียสและนำไปสู่การผสมของวัสดุทางพันธุกรรมและการ และตามด้วยเหม่ง .คล้ายกับวงจรทางเพศอยู่ในสาหร่ายสีแดง ( โรโดไฟตา )


unitunicate inoperculate asci ของ hypomyces chrysospermus
จากผสมเทียมโคโกเนียม dinucleate , ) ออกมาซึ่งในแต่ละเซลล์มี 2 นิวเคลียส . เหล่านี้จะเรียกว่า ascogenous อุดมสมบูรณ์ ) หรือเส้นใย พวกเขาจะได้รับการสนับสนุนโดยพืชเส้นใยที่มียูนิ– ( หรือโมโน - ) nucleate ) ซึ่งจะเป็นหมันการเพาะเลี้ยงที่มีทั้ง เป็นหมัน และอุดมสมบูรณ์ ) อาจจะกลายเป็นติดร่างกาย เป็นแ โคคาร์ป ซึ่งอาจประกอบด้วยล้านของอุดมสมบูรณ์ ) .
โครงสร้างทางเพศที่เกิดขึ้นใน 3 ช่วงชั้นของ hymenium เป็นแ โคคาร์ป , . ที่ปลายด้านหนึ่งของ ascogenous ) , ลักษณะรูปตัวยู ก้านโค้งกลับพัฒนา ซึ่งตรงข้ามกับทิศทางการเจริญเติบโตของเส้นใยสองนิวเคลียสอยู่ในส่วนปลายของแต่ละไฮฟาแบ่งในลักษณะที่กระทู้ของเส้นใยแกนวิ่งขนาน , การสร้างนิวเคลียสต่างสองคู่ ธิดานิวเคลียสย้ายใกล้ชิดกับตะขอเกี่ยว ขณะที่นิวเคลียสลูกสาวตั้งอยู่ที่ส่วนฐานของไฮฟา . การก่อตัวของผนังทั้งสองไขว้ขนานแล้วแบ่งออกเป็นสามส่วน : ไฮฟาหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับหนึ่งนิวเคลียสหนึ่งที่แรกเริ่มของเดิมไฮฟาที่ประกอบด้วยหนึ่งนิวเคลียสและหนึ่งที่แยกเป็นรูปตัวยู ซึ่งมี 2 นิวเคลียส
ข้ามส่วนของโครงสร้างรูปแสดงที่ตั้งของการพัฒนาเซลล์ asci ( ขอบบนของถ้วย , ด้านซ้าย , ลูกศรชี้ไปที่สองสี เทา เซลล์ที่มีสี่และสองกลมเล็ก )เส้นใยหมัน ( ขอบด้านบนของถ้วย ด้านขวาลูกศรชี้ไปที่สีขาวสีเซลล์ที่มีวงกลมเล็ก ๆเดียวในพวกเขา ) และผู้ใหญ่ asci ( ขอบด้านบนของถ้วย ชี้ไปที่สองสีเทาสีเซลล์กับแปดขนาดเล็กวงกลมในพวกเขา )

แผนภาพของโพทีเซียม ( ปกติถ้วยเช่นโครงสร้างการสืบพันธุ์ของแอ คไมซิทิส ) แสดงเนื้อเยื่อปลอดเชื้อ รวมทั้งการพัฒนา และผู้ใหญ่
asci .ฟิวชั่นของนิวเคลียส ( คารีโอแกมี ) จะเกิดขึ้นในบางอุตสาหกรรมเซลล์ใน hymenium และผลในการก่อตัวของรังไข่ . ที่ผ่านการเติบโตใน ascus , หลอดหรือทรงกระบอกยาว รูปร่างรูปทรงแคปซูล เหม่งแล้ว ให้สูงขึ้นถึงสี่เดี่ยว นิวเคลียส มักจะตามด้วยเส้นใยส่วนเพิ่มเติมว่าผลลัพธ์ในแปดนิวเคลียสในแต่ละ ascus .นิวเคลียสพร้อมกับ cytoplasma กลายเป็นที่แนบอยู่ภายในเยื่อและเซลล์ผนังให้สูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้อง ascospores ภายใน ascus เช่นถั่วในฝัก .
เมื่อเปิดของ ascus ascospores , อาจจะแพร่ระบาดโดยลม ในขณะที่ในบางกรณีสปอร์ถูกบังคับให้พุ่งออกจาก ascus ; บางชนิดได้พัฒนาสปอร์ ปืนใหญ่ซึ่งสามารถดีดตัว ascospores ถึง 30 เซนติเมตร ออกไปเมื่อสปอร์ถึงพื้นผิวที่เหมาะสมพวกเขางอก , รูปแบบใหม่ ) ซึ่งเริ่มต้นใหม่ วงจรชีวิตของเชื้อรา .
แบบฟอร์มของ ascus เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจำแนกและแบ่งออกเป็นสี่ประเภทพื้นฐาน : unitunicate operculate unitunicate inoperculate bitunicate , , , หรือ prototunicate . ดูบทความใน asci สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม


อ่านเพิ่มเติม : http://www.answers .คอม / / ascomycota-1 # ixzz2zrugilep หัวข้อ