The findings of this study were cons

The findings of this study were consistent with those of previous
studies that found that providing psychoeducation to patients with
schizophrenia was effective at improving medication adherence (von
Maffei et al ., 2015 ; Xia et al., 2011). Furthermore, the present study supported Matsuda's (2008) qualitative research, which found that the
mindset of patients with schizophrenia was characterized by “suspicion
and fear about drugs ” before they participated in the NPE sessions,
whereas it was characterized by a “reliance on drugs ” and the ability
to “maintain a normal life with medication”. On the basis of the present
study, it can be said that the NPE contributes to improving patients' acceptance of medication.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

findings การศึกษานี้ได้สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้การศึกษาที่พบว่า psychoeducation ให้กับผู้ป่วยด้วยโรคจิตเภทมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงยายึดมั่น (vonMaffei et al., 2015 เซี่ย et al. 2011) นอกจากนี้ การศึกษาได้รับการสนับสนุนของมัทสึดะ (2008) การวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งพบว่าการทัศนคติของผู้ป่วยจิตเภทมีลักษณะพิเศษ โดย "สงสัยและความกลัวเกี่ยวกับยาเสพติด "ก่อนที่พวกเขาเข้าร่วมในเซสชันอุตสาหกรรมในขณะที่มันมีลักษณะพิเศษ โดยการ "พึ่งพายาเสพติด" และความสามารถใน"รักษาชีวิตปกติ ด้วยยา" บนพื้นฐานของปัจจุบันศึกษา กล่าวได้ว่า อุตสาหกรรมก่อให้เกิดการยอมรับยาของผู้ป่วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ndings Fi ของการศึกษานี้สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้
การศึกษาที่พบว่าการให้สุขภาพจิตศึกษาแก่ผู้ป่วยที่มี
อาการจิตเภทมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ (ฟอน
Maffei et al, 2015;.. เซี่ย et al, 2011) นอกจากนี้การศึกษาในปัจจุบันได้รับการสนับสนุน (2008) การวิจัยเชิงคุณภาพ Matsuda ซึ่งพบว่า
ความคิดของผู้ป่วยจิตเภทโดดเด่นด้วย "ความสงสัย
และความกลัวเกี่ยวกับยาเสพติด" ก่อนที่พวกเขามีส่วนร่วมในการประชุม NPE,
ในขณะที่มันก็มีลักษณะเป็น "การพึ่งพายาเสพติด "และความสามารถใน
การ" รักษาชีวิตปกติกับยา " บนพื้นฐานของปัจจุบัน
การศึกษาก็อาจกล่าวได้ว่า NPE ก่อให้เกิดการปรับปรุงการยอมรับของผู้ป่วยยา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จึง ndings ของการศึกษาครั้งนี้สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้การศึกษาที่พบว่า การให้สุขภาพจิตศึกษากับผู้ป่วยด้วยโรคจิตเภท มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงการใช้ยาตามเกณฑ์การรักษา ( ฟอนมาฟเฟอี et al . , 2015 ; Xia et al . , 2011 ) นอกจากนี้ การศึกษานี้ได้รับการสนับสนุน มัตสึดะ ( 2008 ) การวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งพบว่าความคิดของผู้ป่วยจิตเภทมีลักษณะ " ความสงสัยและความกลัวเกี่ยวกับยาเสพติด " ก่อนที่จะเข้าร่วมในระบบรอบในขณะที่มันเป็นลักษณะของ " การพึ่งพายาเสพติด " และความสามารถ" รักษาชีวิตปกติ ด้วยยา " บนพื้นฐานของปัจจุบันการศึกษา จึงสามารถกล่าวได้ว่าระบบที่มีการปรับปรุงผู้ป่วยรับยา