With the removal of the Manopakon a

With the removal of the Manopakon administration, and the cor responding strengthening of the authority of the Peoples Party, Wichit's political loyalties, which had formerly been with the royalists, shifted dramatically towards the new regime. Wichit was nothing if not a pragmatic, and one might even say, opportunistic individual, as it seems clear that he wanted to side with whichever group was in the ascendent. The first public indication that his political orientation was changing carne shortly after the 20 June 1993 coup when he became a second- category member of the reconvened National Assembly. At the same time his writing began to take on a more political note. Significantly he no longer criticized the government, but sought to provide ideas for overcoming the political difficulties it faced. The overthrow of Phraya Manopakon made the question of political legitimacy based on the monarchy problematic. While the government continued to base its legitimacy on the throne after 20 June, the irreconcilable differences between members of the old and new order suggested that this form of support would be unworkable in the long term. Wichit tacitly acknowledged this problem in an article published in Duang prathip on 25 June, entitled "Lathi chu chat" [Nationalisn] He argue d that the time had come when it was crucial to have an ideology (udon klat) stressing the importance of the development of the nation. if such a course were followed, he claimed, Siam would progress like Japan and various European states, where nationalism had long been promoted among the people. With little sense of modesty, Wichit saw himself as the leading figure in mounting this ambitious project

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ด้วยการกำจัดจัดการ Manopakon และประกอบ ตอบสนองของผู้คน พรรคของวิชิตเมือง loyalties ซึ่งเดิมเคย มี royalists เปลี่ยนอย่างมากต่อระบบการปกครองใหม่ วิชิตคือ อะไรถ้าไม่เป็น pragmatic และหนึ่งอาจแม้ ว่า แต่ละยก เหมือนชัดเจนว่า เขาต้องเข้าข้างกับกลุ่มใดอยู่ ascendent ที่แรกสาธารณะระบุว่า แนวทางการเมืองของเขาเปลี่ยนแปลง carne หลังจากรัฐประหาร 20 1993 มิถุนายนเมื่อเขากลายเป็นสมาชิกประเภทที่สองของสมัชชาแห่งชาติ reconvened ขณะเดียวกัน การเขียนของเขาเริ่มจะใช้ในการบันทึกทางการเมืองมากขึ้น อย่างมากเขาไม่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล แต่ขอให้คิดมากเพียงใดจะประสบความยากลำบากทางการเมือง ล้มล้าง Manopakon พระยาทำคำถามความชอบธรรมทางการเมืองตามที่พระมหากษัตริย์เป็นปัญหาของ ในขณะที่รัฐบาลยังคงฐานความชอบธรรมในราชบัลลังก์หลัง 20 มิ.ย. ข้อแตกต่างระหว่างสมาชิกเก่า และใหม่ใบสั่ง irreconcilable แนะนำที่ นี้แบบฟอร์มสนับสนุนจะเป็น unworkable ในระยะยาว วิชิต tacitly รับทราบปัญหานี้ในบทความเผยแพร่ใน prathip ดวงบน 25 มิถุนายน สิทธิ "กระบองชูฉัตร" [Nationalisn] เขาโต้เถียง d ที่เวลามาเมื่อมันเป็นสิ่งสำคัญต้องมีอุดมการณ์ (อุดรกลัด) ย้ำความสำคัญของการพัฒนาประเทศ ถ้าหลักสูตรดังกล่าวตาม อ้างว่า สยามจะดำเนินเช่นญี่ปุ่นและอเมริกายุโรปต่าง ๆ ที่ชาตินิยมได้จึงได้ส่งเสริมในหมู่ประชาชน ด้วยความรู้สึกที่น้อยของอิสลาม วิชิตเห็นตัวเองเป็นรูปชั้นนำในการติดตั้งโครงการนี้ทะเยอทะยาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กับการกำจัดของการบริหาร Manopakon และตกแต่งเสริมสร้างความเข้มแข็งการตอบสนองของผู้มีอำนาจของพรรคประชาชนที่จงรักภักดีทางการเมืองวิชิตซึ่งเคยเป็นกับซาร์ขยับอย่างมากต่อระบอบการปกครองใหม่ วิชิตอะไรหากไม่ได้ในทางปฏิบัติและหนึ่งแม้อาจจะบอกว่าบุคคลที่ฉวยโอกาสในขณะที่มันเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะเข้าข้างใดก็ตามที่อยู่ในกลุ่มเรียงลำดับขึ้น บ่งชี้ที่สาธารณะเป็นครั้งแรกการวางแนวทางทางการเมืองของเขาก็เปลี่ยนขลุกขลิกหลังจากที่ 20 มิถุนายน 1993 การทำรัฐประหารเมื่อเขากลายเป็นสมาชิกประเภทที่สองของสมัชชาแห่งชาติ reconvened ในขณะเดียวกันการเขียนของเขาเริ่มที่จะใช้เวลาในการบันทึกทางการเมืองมากขึ้น อย่างมีนัยสำคัญเขาวิจารณ์ไม่รัฐบาล แต่พยายามที่จะให้ความคิดสำหรับการเอาชนะความยากลำบากทางการเมืองที่ต้องเผชิญ ล้มล้างพระยา Manopakon ทำคำถามความชอบธรรมทางการเมืองขึ้นอยู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีปัญหา ในขณะที่รัฐบาลยังคงฐานการถูกต้องตามกฎหมายบนบัลลังก์หลังจาก 20 มิถุนายนที่แตกต่างกันไม่ระหว่างสมาชิกของการสั่งซื้อเก่าและใหม่ชี้ให้เห็นว่ารูปแบบของการสนับสนุนนี้จะทำไม่ได้ในระยะยาว วิชิตโดยปริยายรับทราบปัญหาในบทความนี้ตีพิมพ์ในดวงประทีปวันที่ 25 มิถุนายนเรื่อง "Lathi chu แชท" [Nationalisn] เขาเถียงงว่าเวลาที่ได้มาเมื่อมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะมีอุดมการณ์ (อุด้งกลัด) เน้นถึงความสำคัญของ การพัฒนาของประเทศ ถ้าหลักสูตรดังกล่าวตามที่เขาอ้างว่าสยามจะมีความคืบหน้าเช่นญี่ปุ่นและรัฐต่าง ๆ ในยุโรปที่รักชาติที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในหมู่ประชาชน ด้วยความรู้สึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ของความพอประมาณ, วิชิตเห็นว่าตัวเองเป็นผู้นำในการติดตั้งโครงการมีความทะเยอทะยาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เอาของ manopakon การบริหาร และความเข้มแข็งของหัวใจตอบสนองอำนาจของประชาชน พรรค การเมือง วิจิตรภักดี ซึ่งมีอดีตกับซาร์เปลี่ยนอย่างมากต่อระบบการปกครองใหม่ นอกจากนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดในทางปฏิบัติ และหนึ่งอาจพูดว่า บุคคลนักฉวยโอกาสดูเหมือนว่าชัดเจนว่าเขาอยากจะเข้าข้างกลุ่มใดในลํา . สาธารณะครั้งแรกที่บ่งชี้ทิศทางทางการเมืองของเขาก็เปลี่ยนเนื้อหลังจากรัฐประหาร 20 มิถุนายน พ.ศ. 2536 เมื่อเขากลายเป็นสมาชิกประเภทที่สองของ reconvened แห่งชาติสภา ในเวลาเดียวกันการเขียนของเขาเริ่มที่จะใช้ในหมายเหตุทางการเมืองมากขึ้น อย่างมาก เขาไม่วิจารณ์รัฐบาลแต่พยายามให้ความคิดสำหรับการเอาชนะทางการเมือง ปัญหามันต้องเผชิญ ล้มล้างพระยา manopakon ทำให้คำถามของความชอบธรรมทางการเมืองตามระบอบมีปัญหา ในขณะที่รัฐบาลยังคงฐานความชอบธรรมในราชบัลลังก์หลังจาก 20 มิถุนายนความไม่ลงรอยกันระหว่างสมาชิกเก่าและใหม่ พบว่า รูปแบบของการสนับสนุนจะเป็นที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ใน ระยะยาว วิชิตโดยปริยาย ยอมรับว่าปัญหานี้ในบทความที่ตีพิมพ์ในดวง prathip เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนเรื่อง " L ā thi ชูแชท " [ nationalisn ] เขาเถียง D เวลาที่ได้มาเมื่อมันเป็นสิ่งสำคัญที่จะมีอุดมการณ์ ( อุดรธานีกลัด ) เน้นความสำคัญของการพัฒนาประเทศ ถ้าเป็นหลักสูตรตาม เขาอ้างว่า สยามจะก้าวหน้าเหมือนญี่ปุ่นและยุโรปรัฐต่าง ๆ ที่ชาตินิยมได้เลื่อนตำแหน่งในหมู่คน กับความรู้สึกเล็ก ๆน้อย ๆนะคะวิชิต เห็นตัวเองเป็นรูปชั้นนำในการติดตั้งโครงการทะเยอทะยานนี้