A typical coating solution is made

A typical coating solution is made up of a polymer, plasticizer, solvent and in some
cases pigment. Only a proper combination of these four components will achieve a
coating solution with a desired property. For example, although a higher solution
concentration may lead to a faster coating deposition, the concentration is limited to a
range where the solution remain sprayable and easy to dry. There have been several
studies on the characteristics of the coating formed with different combinations of
ingredients. Lehmann and Dreher (1981) showed that, even under similar physical
conditions, the change in size and/or concentration of the coating material will
produce coatings of different sizes and different characteristics. Early work by
Schaefer and Worts (1978) and later studies by Smith and Nienow (1983) showed
the effect of amount and concentration of the coating solution on the final product.
Most of the studies in this area, including those of Horváth and Ormós (1989a),
Laicher et al (1993) and Link and Schlünder (1997), have concluded that the quality
and quantity of the coating solution affects the characteristics of the final product.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แก้ไขปัญหาทั่วไปเคลือบขึ้นเป็นพอลิเมอร์ กระด้างไนล ตัวทำละลาย และ ในบางกรณีเม็ด เฉพาะชุดเหมาะสมของส่วนประกอบเหล่านี้สี่จะได้เป็นเคลือบด้วยคุณสมบัติที่ระบุ ตัวอย่าง แม้ว่าโซลูชันสูงความเข้มข้นอาจทำให้สะสมเคลือบเร็ว ความเข้มข้นจำกัดอยู่ช่วงซึ่งการแก้ปัญหายังคงอยู่ sprayable และแห้งง่าย มีได้หลายศึกษาลักษณะของเคลือบที่เกิดขึ้นกับชุดของส่วนผสม Lehmann และ Dreher (1981) พบว่า ใต้ทางกายภาพคล้ายคลึงกันเงื่อนไข การเปลี่ยนแปลงในขนาดและ/หรือความเข้มข้นของวัสดุเคลือบผิวจะผลิตไม้แปรรูปขนาดและลักษณะแตกต่างกัน ทำงานก่อนโดยSchaefer และ Worts (1978) และศึกษาในภายหลัง โดยสมิธและ Nienow (1983) พบว่าผลของจำนวนและความเข้มข้นของโซลูชันการเคลือบบนผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายส่วนใหญ่ศึกษาในพื้นที่นี้ รวมทั้ง Horváth และ Ormós (1989a),Laicher et al (1993) และการเชื่อมโยง และ Schlünder (1997), มีสรุปที่คุณภาพและปริมาณของการเคลือบมีผลต่อลักษณะของผลิตภัณฑ์สุดท้าย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การแก้ปัญหาการเคลือบทั่วไปถูกสร้างขึ้นจากพอลิเมอพลาสติ, ตัวทำละลายและในบาง
กรณีเม็ดสี เฉพาะการรวมกันที่เหมาะสมของเหล่านี้สี่ส่วนจะประสบความสำเร็จ
การแก้ปัญหาการเคลือบที่มีคุณสมบัติที่ต้องการ ตัวอย่างเช่นแม้ว่าการแก้ปัญหาสูงกว่า
ความเข้มข้นอาจนำไปสู่การสะสมสารเคลือบผิวได้เร็วขึ้น, ความเข้มข้นจะถูก จำกัด
ช่วงที่การแก้ปัญหายังคงอยู่ sprayable และง่ายต่อการแห้ง มีหลาย
การศึกษาเกี่ยวกับลักษณะของสารเคลือบผิวที่เกิดขึ้นกับชุดที่แตกต่างกันของ
ส่วนผสม มาห์และเดร (1981) แสดงให้เห็นว่าแม้ภายใต้ทางกายภาพที่คล้ายกัน
เงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงในขนาดและ / หรือความเข้มข้นของวัสดุเคลือบผิวจะ
ผลิตสารเคลือบที่มีขนาดแตกต่างกันและลักษณะที่แตกต่างกัน งานแรกโดย
Schaefer และ Worts (1978) และการศึกษาต่อมาโดยสมิ ธ และ Nienow (1983) แสดงให้เห็น
ผลกระทบของปริมาณและความเข้มข้นของการแก้ปัญหาการเคลือบบนผลิตภัณฑ์ในขั้นสุดท้าย
ส่วนใหญ่ของการศึกษาในพื้นที่นี้รวมทั้งพวกHorváthและ Ormos ( 1989a)
Laicher และคณะ (1993) และการเชื่อมโยงและSchlünder (1997) ได้ข้อสรุปว่ามีคุณภาพ
และปริมาณของการแก้ปัญหาการเคลือบมีผลต่อลักษณะของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โซลูชั่นเคลือบโดยทั่วไปถูกสร้างขึ้นจากพอลิเมอร์ พลาสติกไซเซอร์ ตัวทำละลายและในบาง
กรณีสี เพียงการรวมกันที่เหมาะสมขององค์ประกอบทั้งสี่จะบรรลุ
น้ำยาเคลือบที่มีคุณสมบัติที่ต้องการ . ตัวอย่างเช่นแม้ว่าความเข้มข้นสารละลาย
สูงอาจนำไปสู่การเคลือบผิวเร็ว สมาธิถูก จำกัด ไปยัง
ช่วงที่โซลูชั่นยังคง sprayable ได้ง่ายและแห้งมีหลาย
การศึกษาในลักษณะของการเคลือบเกิดขึ้นกับชุดค่าผสมที่แตกต่างกันของ
ส่วนผสม เลห์มันน์ และ dreher ( 1981 ) พบว่าแม้ภายใต้สภาวะทางกายภาพ
คล้ายคลึงกัน การเปลี่ยนแปลงในขนาดและ / หรือความเข้มข้นของวัสดุเคลือบจะ
ผลิตไม้แปรรูปขนาดแตกต่างกันและลักษณะที่แตกต่างกัน งานแรกโดย
เชเฟอร์ และ เวิร์ตส ( 1978 ) และต่อมาได้เรียนโดยสมิ ธและ nienow ( 1983 ) พบ
ผลของปริมาณและความเข้มข้นของสารละลายเคลือบบนผลิตภัณฑ์สุดท้าย .
ที่สุดของการศึกษาในพื้นที่นี้รวมทั้งผู้ที่ horv . kgm th และ ORM ó S ( 1989a )
laicher et al ( 2536 ) และ การเชื่อมโยงและ International ü nder ( 1997 ) ได้สรุปว่า คุณภาพ
และปริมาณของสารละลายเคลือบผิวที่มีผลต่อลักษณะของผลิตภัณฑ์สุดท้าย