The chapter then briefly discussed

The chapter then briefly discussed the phenomenon called “X-inefficiency”. This describes the situation when a monopoly does not achieve the minimum costs that are technically feasible. This is also known as cost inefficiency, operating inefficiency, or productive inefficiency.

In summary, natural monopoly inherently involves the problem of undersupply by the market. The extent of undersupply depends on the particular cost-and-demand conditions facing the monopolist and the extent to which the market can be contested. Natural monopoly may involve additional social surplus losses because the absence of competition permits production at greater than minimum cost to persist.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทแล้วสั้น ๆ กล่าวถึงปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "X-ขาดประสิทธิภาพ" นี้อธิบายสถานการณ์เมื่อการผูกขาดให้ได้ต้นทุนต่ำสุดที่เป็นไปได้ทางเทคนิค เรียกว่าเป็นต้นทุนขาดประสิทธิภาพ การใช้งานขาดประสิทธิภาพ หรือขาดประสิทธิภาพประสิทธิผล ในสรุป ผูกขาดธรรมชาติเกี่ยวข้องกับปัญหาของ undersupply โดยตลาดเสมอ ขอบเขตของ undersupply ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเฉพาะต้นทุน และต้องหันหน้าไปทางที่ผูกขาดและขอบเขตที่สามารถแย่งชิงตลาด ผูกขาดธรรมชาติอาจเกี่ยวข้องกับขาดทุนจากสังคมเพิ่มเติมเนื่องจากการขาดการแข่งขันอนุญาตให้ผลิตที่มากกว่าต้นทุนที่ต่ำยังคงมี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทสั้น ๆ จากนั้นก็กล่าวถึงปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "X-ขาดประสิทธิภาพ" นี้อธิบายถึงสถานการณ์เมื่อผูกขาดไม่บรรลุค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่มีความเป็นไปได้ในทางเทคนิค นี้เป็นที่รู้จักกันขาดประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขาดประสิทธิภาพหรือไม่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล. ในการสรุปการผูกขาดตามธรรมชาติโดยเนื้อแท้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของการ undersupply โดยตลาด ขอบเขตของการ undersupply ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขค่าใช้จ่ายและความต้องการโดยเฉพาะอย่างยิ่งหันหน้าไปทางผูกขาดและขอบเขตที่ตลาดสามารถเข้าร่วมประกวด ผูกขาดธรรมชาติอาจเกี่ยวข้องกับการสูญเสียส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นทางสังคมเพราะการขาดของการแข่งขันช่วยให้การผลิตที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายขั้นต่ำที่จะยังคงมีอยู่