Markup is when a company produces o

Markup is when a company produces or purchases a good at one price and then sells the good for a higher price. By having markup on goods, a company is able to earn profits. If the company sold goods for what they cost, then the company revenues would match expenses, thereby not earning any profit. As an example, a company pays $5 for widgets. The company wants a 10 percent profit on the goods.
Step 1
Determine the markup the company wants and the cost of the good. In the example, the cost is $5 and the markup rate is 10 percent.

Step 2
Subtract 1 from the markup rate. In the example, 1 minus 10 percent equals 90 percent or 0.9.
Step 3
Divide the cost of the product by the number calculated in Step 2. In the example, $5 divided by 0.9 equals $5.56. So if the company uses a 10 percent markup, it will sell the product for $5.56.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มาร์กอัปเป็นเมื่อบริษัทผลิต หรือซื้อดีที่หนึ่งแล้ว ขายดีมีราคาสูง บริษัทจะไม่สามารถหาผลกำไร โดยมีการเพิ่มราคาสินค้า ถ้าบริษัทที่ขายสินค้าสำหรับทุนของพวกเขา แล้วรายได้บริษัทจะตรงกับค่าใช้จ่าย รายได้กำไรใด ๆ จึงไม่ บริษัทจ่าย $5 สำหรับเครื่องมือเป็นตัวอย่าง บริษัทต้องการกำไรร้อยละ 10 ในสินค้าขั้นตอนที่ 1ตรวจสอบมาร์กอัปบริษัทต้องการและต้นทุนดี ตัวอย่าง ต้นทุนคือ $5 และ 10 เปอร์เซ็นต์มีอัตราการเพิ่มราคาขั้นตอนที่ 2ลบ 1 จากอัตราเพิ่มราคา ตัวอย่าง 1 ลบ ด้วยร้อยละ 10 เท่ากับร้อยละ 90 หรือ 0.9ขั้นตอนที่ 3แบ่งต้นทุนของผลิตภัณฑ์เป็นตัวเลขที่คำนวณได้ในขั้นตอนที่ 2 ตัวอย่าง $5 หาร ด้วย 0.9 เท่ากับ $5.56 ดังนั้น ถ้าบริษัทใช้มาร์ก 10 เปอร์เซ็นต์ มันจะขายผลิตภัณฑ์สำหรับ $5.56

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มาร์กอัปคือเมื่อ บริษัท ผลิตหรือซื้อที่ดีที่หนึ่งราคาแล้วขายดีในราคาที่สูง โดยมีมาร์กอัปให้กับสินค้าของ บริษัท สามารถที่จะได้รับผลกำไร หาก บริษัท ที่ขายสินค้าสำหรับสิ่งที่พวกเขาเสียค่าใช้จ่ายแล้วรายได้ของ บริษัท จะตรงกับค่าใช้จ่ายจึงไม่ได้มีรายได้ผลกำไรใด ๆ ในฐานะที่เป็นตัวอย่างเช่น บริษัท จ่าย $ 5 สำหรับเครื่องมือ บริษัท ต้องการมีกำไรร้อยละ 10 ในสินค้า.
ขั้นตอนที่ 1
กำหนดมาร์กอัป บริษัท ต้องการและค่าใช้จ่ายของที่ดี ในตัวอย่างค่าใช้จ่ายเป็น $ 5 และอัตรามาร์กอัปเป็นร้อยละ 10. ขั้นตอนที่ 2 ลบ 1 จากอัตรามาร์กอัป ในตัวอย่างที่ 1 ลบร้อยละ 10 เท่ากับร้อยละ 90 หรือ 0.9. ขั้นตอนที่ 3 แบ่งค่าใช้จ่ายของผลิตภัณฑ์โดยจำนวนการคำนวณในขั้นตอนที่ 2 ในตัวอย่าง $ 5 หารด้วย 0.9 เท่ากับ $ 5.56 ดังนั้นหาก บริษัท จะใช้มาร์กอัปร้อยละ 10 ก็จะขายสินค้าสำหรับ $ 5.56

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มาร์กอัปเมื่อบริษัทผลิตหรือซื้อที่ดีในราคาหนึ่ง แล้ว ขาย ดี ให้ราคาสูง โดยมีมาร์กอัปบนสินค้า บริษัทฯ สามารถสร้างผลกำไร หาก บริษัท ที่ขายสินค้าสำหรับสิ่งที่พวกเขาเสียค่าใช้จ่ายแล้ว รายได้ บริษัท จะตรงกับค่าใช้จ่ายจึงไม่รายได้กำไร ตัวอย่าง บริษัทจ่าย $ 5 สำหรับเครื่องมือ บริษัทต้องการกำไร 10% ในสินค้า
ขั้นตอนที่ 1
ตรวจสอบอัป บริษัทต้องการและต้นทุนของความดี ในตัวอย่าง , ค่าใช้จ่ายเป็น $ 5 และมาร์กอัปเท่ากันคือ 10 เปอร์เซ็นต์ ขั้นตอนที่ 2


ลบ 1 จากมาร์ก อัตรา ในตัวอย่างที่ 1 หัก 10 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับ ร้อยละ 90 หรือ 0.9
3
ขั้นตอนแบ่งต้นทุนของผลิตภัณฑ์ โดยตัวเลขที่คำนวณในขั้นตอนที่ 2 ในตัวอย่าง , $ 5 หารด้วย 0.9 เท่ากับ $ 5.56 .ดังนั้น ถ้าบริษัทใช้ร้อยละ 10 แบบ จะขายสินค้าราคา $ 5.56 .