Keynes himself doubted that merely

Keynes himself doubted that merely changing interest rates would be sufficient to significantly alter business confidence and thus increase investment to produce a growing economy. The state also had to intervene through monetary and fiscal policies. Subsequently, conservative Keynesian economists have seen monetary policy, especially the manipulation of interest rates, as a relatively non bureaucratic, non-state-intrusive method by which the central bank of a country tries to influence national income and employment. The basic idea is this: when an economy shows signs of moving into recession, the central bank (Federal Reserve Bank in the United States, Bank of England in Britain, etc.) lowers the rate that it charges for borrowing money-the private bank then follow. Lower interest rates encourage businesses, municipalities, and consumers to borrow money and spend it on new machinery, public works, houses, and consumer goods-the "multiplier effect." Increased demand coming from these sources then restimulate the economy, pulling it out of recession. And business confidence increases, so industry begins investing again-the "accelerator effect."

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

keynes ตัวเองสงสัยว่าเ​​ป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยจะเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเชื่อมั่นทางธุรกิจและทำให้เพิ่มการลงทุนในการผลิตทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต รัฐยังมีที่จะเข้าไปแทรกแซงผ่านนโยบายการเงินและการคลัง ต่อมานักเศรษฐศาสตร์ของเคนส์อนุรักษ์นิยมได้เห็นนโยบายการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการของอัตราดอกเบี้ยที่เป็นข้าราชการวิธีรัฐล่วงล้ำไม่ค่อนข้างไม่โดยที่ธนาคารกลางของประเทศพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อรายได้ประชาชาติและการจ้างงาน แนวคิดพื้นฐานนี้คือเมื่อเศรษฐกิจแสดงให้เห็นสัญญาณของการย้ายเข้าสู่ภาวะถดถอยธนาคารกลาง (ธนาคารสำรองของรัฐบาลกลางในประเทศสหรัฐอเมริกา, ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษในสหราชอาณาจักรและอื่น ๆ) ช่วยลดอัตราการที่ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมเงินที่ธนาคารเอกชนแล้วทำตาม ลดอัตราดอกเบี้ยส่งเสริมธุรกิจในเขตเทศบาลและผู้บริโภคในการกู้เงินและใช้มันในเครื่องจักรใหม่โยธาธิการบ้านและสินค้าที่ผู้บริโภค "ผลคูณ." ความต้องการที่เพิ่มขึ้นมาจากแหล่งข้อมูลเหล่านี้แล้ว restimulate เศรษฐกิจดึงมันออกมาจากภาวะถดถอยและความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้นเพื่อให้อุตสาหกรรมการลงทุนเริ่มต้นอีกครั้ง "ผลเร่ง."

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คีย์เนสเอง doubted ว่า แค่เปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยจะเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นทางธุรกิจอย่างมาก และจึง เพิ่มเงินลงทุนในการผลิตเศรษฐกิจเติบโต รัฐยังมีการแทรกแซงทางนโยบายการเงิน และบัญชี ในเวลาต่อมา นักเศรษฐศาสตร์สำนักเคนส์หัวเก่าได้เห็นนโยบายการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่อัตราดอกเบี้ย เป็นวิธีค่อนข้างไม่ใช่ราชการ ไม่รัฐรำคาญที่ธนาคารกลางของประเทศพยายามจะมีอิทธิพลต่อรายได้แห่งชาติและการจ้างงาน นี่คือความคิดพื้นฐาน: เมื่อเศรษฐกิจแสดงให้เห็นสัญญาณของย้ายลงในภาวะถดถอย ธนาคารกลาง (กลางสำรองธนาคารในสหรัฐอเมริกา ธนาคารของอังกฤษในสหราชอาณาจักร ฯลฯ) ลดอัตราที่มันค่าธรรมเนียมสำหรับธนาคารส่วนเงินยืมแล้ว ทำตาม อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าส่งเสริมธุรกิจ อำเภอ และผู้บริโภคเพื่อขอยืมเงิน และใช้จ่ายเครื่องจักรใหม่ โยธาธิการ บ้าน และสินค้าอุปโภคบริโภค- "ตัวคูณผล" ขึ้นมาจากแหล่งเหล่านี้แล้ว restimulate เศรษฐกิจ ดึงออกจากภาวะถดถอย และ เพิ่มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เพื่ออุตสาหกรรมเริ่มต้นลงทุนอีกครั้งที่ "เร่งผล"

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

Keynes ตัวเองยังสงสัยว่าเป็นเพียงการเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปอย่างในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นทางธุรกิจและเพิ่มการลงทุนในการผลิตระบบเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รัฐที่ยังมีการเข้าไปแทรกแซงผ่านการกำหนดนโยบายการเงินและการคลัง นักเศรษฐศาสตร์ทิ้ง ภายหลัง มีความระมัดระวังได้เห็นนโยบายการเงินโดยเฉพาะการจัดการของอัตราดอกเบี้ยเป็นวิธีการที่ไม่ใช่ของรัฐในระบบราชการไม่ใช่ที่ธนาคารกลางของประเทศที่จะพยายามที่จะมีผลต่อการจ้างงานและรายได้ของประเทศ. แนวคิดนี้เมื่อเศรษฐกิจที่แสดงให้เห็นในการขนย้ายเข้าสู่ ภาวะ ถดถอยธนาคารกลาง( Federal Reserve Bank ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ธนาคารกลางของประเทศอังกฤษในอังกฤษเป็นต้น)จะลดอัตราดอกเบี้ยที่คิดค่าบริการสำหรับการกู้เงินที่ธนาคารส่วนตัวแล้วทำตาม. อัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงและส่งเสริมให้ ผู้บริโภค ในการกู้เงินและใช้ช่วงเวลาที่เครื่องจักรใหม่สินค้า อุปโภค บริโภค และเป็นที่ตั้งการทำงานสาธารณะ - "ผลตัวคูณที่"เพิ่มขึ้นความต้องการมาจากแหล่งข้อมูลต่างๆเหล่านี้แล้ว restimulate เศรษฐกิจที่ดึงออกมาจาก ภาวะ เศรษฐกิจถดถอยและความเชื่อมั่นทางธุรกิจเพิ่มขึ้นดังนั้นอุตสาหกรรมจะเริ่มต้นการลงทุนอีกครั้ง"มีผลเร่งความเร็วที่"