The gravitational slingshot is a wa

The gravitational slingshot is a way that scientists have truly harnessed the gravitational pull of a planet by using it to launch satellites and other useful projectiles towards their desired locations. This method was developed through the use of Newton's Laws of Gravity and Kepler's Laws of Planetary Motion. When these ideas of gravity and the shape of a planet's orbit were brought together piece by piece, this new theory changed how a projectile traveling through space could simply cross an orbital pattern, which would in turn change the path of the moving object. The change in the path accelerates the object at a higher rate and sends it speeding off in its proper direction. The gravitational slingshot doesn't guarantee perfect results every time, but it has shown to be an extremely helpful technique in the world of space travel, which when studied and tested can be further improved to ensure safe and accurate results every time.[1]


The Men Behind the Idea

Newton

isaac_newton.jpg Newton, while sitting out in a field one day, was hit on the head by an apple that fell from a tree.
Most people would think nothing of this event, but Newton brought into perspective that some force had to draw that apple to ground once it was released from the branches of the tree. Through much observation and testing, Newton came up with a name for this force. He called it gravity. Newton created three laws to use as guidelines for gravity. Law one states that an object in motion stays in motion and that an object at rest stays at rest. The second Law states that force equals the product of mass and acceleration. The final Law simply states that for every action, there is an opposite and equal reaction. These theories originated from something as simple as Newton observing how one object reacts to another with the presence of gravity. Using these laws, scientists have been able to formulate ways to make travel in space more successful and efficient. [2]


Kepler

johannes_kepler_1610.jpgKepler established the Laws of Planetary Motion. The first Law states that the orbit of every planet is an ellipse with the Sun at one of the two foci. The second law states that a line joining a planet and the Sun sweeps out equal areas during equal intervals of time. And the final Law tells that the square of the orbital period of a planet is directly proportional to the cube of the semi-major axis of its orbit. Kepler's Laws also come into play with the use of the gravitational slingshot, because Kepler believed that the orbit that a planet takes around another body follows an elliptical pattern, instead of traveling in a perfect circle. Of course each planet has a specific elliptical orbit, just as humans have different fingerprints to identify them. Before launching their equipment into space, each planet must have its pattern identified to ensure accurate results for the launch. This knowledge helps scientists identify where the ellipses are in relation to the paths of orbit so that they can launch satellites in the proper direct, at the proper time, with the proper velocity. Combining both of these sets of theories together has lead the way to the effect we know as the gravitational slingshot effect. [3]




Today's UseSlingshot4.GIFToday, the gravity assist effect is used extremely often by NASA and the Air Force. It is the most fuel efficient, naturally occurring “booster” in the universe. The gravitational force of a planet, even one as small as Mars, cause exponentially increase the velocity of an object. Using the Conservation of Kinetic Energy equation, which was developed by Newton, we see that no kinetic energy, or displacement energy is being lost as Gravitational Potential Energy. GPE is just that, potential energy that is not put into motion quite yet. In addition to Kinetic Energy, Linear Momentum is conserved also. The Conservation of Linear Momentum Equation proves that no speed is lost in the use of a gravity assist. In fact, it is greatly increased. Both of those equations, when combined, lead back to Newton’s Law of Collisions, proving that this method of acceleration is accurately accredited to Sir Isaac Newton himself.

When the probe or satellite, or even the space ship is slung around the planet, it not only keeps its own speed, proved above, but it also inherits twice the velocity of the planet itself. As the planet rotates, it also revolves around the Sun. If the rotating field is hit at the right time and at the right angle, all of the velocities of all parties involved are summed up in one final velocity of the probe that is massively superior to its initial speed. The probe’s velocity is perpendicular to the planet’s gravitational field and ends up facing in the exact opposite direction it started in, but infinitely faster. Infinitely because theoretically, it can be used with any spectral body of any size. All of this is accomplished with a tedious calculation and just enough fu

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หนังสติ๊กแรงโน้มถ่วงเป็นวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ได้ควบคุมถ่วงของดาวเคราะห์ โดยใช้การเปิดใช้ดาวเทียมและอื่น ๆ มาเป็นประโยชน์ต่อตำแหน่งที่ต้องการอย่างแท้จริง วิธีการนี้ได้รับการพัฒนาผ่านการใช้กฎหมายของนิวตันของแรงโน้มถ่วงและกฎหมายเคลื่อนดาวเคราะห์ของเคปเลอร์ เมื่อความคิดเหล่านี้ของแรงโน้มถ่วงและรูปร่างของวงโคจรของดาวเคราะห์ถูกนำมารวมกันชิ้น โดยชิ้น ทฤษฎีใหม่นี้เปลี่ยนวิธีกระสุนปืนเดินทางผ่านพื้นที่สามารถเพียงข้ามรูปแบบของวงโคจร ซึ่งจะเปลี่ยนเส้นทางของวัตถุเคลื่อนไหวในการเปิด การเปลี่ยนแปลงในเส้นทางเร่งวัตถุในอัตราสูง และส่งเร่งออกในทิศทางที่เหมาะสม หนังสติ๊กแรงโน้มถ่วงไม่ได้รับประกันผลที่สมบูรณ์แบบทุกครั้ง แต่มันได้แสดงจะ เป็นเทคนิคที่เป็นประโยชน์อย่างมากในโลกของการเดินทางในอวกาศ ซึ่งเมื่อศึกษา และทดสอบสามารถเพิ่มเติมปรับปรุงให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และถูกต้องทุกครั้ง [1] คนหลังความคิดนิวตันisaac_newton.jpg นิวตัน ขณะที่นั่งอยู่ออกในเขตข้อมูลในหนึ่งวัน ถูกยิงที่หัว ด้วยแอปเปิ้ลที่ตกจากต้นไม้ คนส่วนใหญ่คิดว่า อะไรของเหตุการณ์นี้ แต่นิวตันเข้ามาในมุมมองที่ว่า มีแรงบางอย่างวาดแอปเปิ้ลที่พื้นเมื่อมันออกจากกิ่งก้านของต้นไม้ โดยมากการสังเกต และการทดสอบ นิวตันขึ้นมา ด้วยชื่อสำหรับแรงนี้ เขาเรียกว่าแรงโน้มถ่วง นิวตันสร้างสามกฎหมายเพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับแรงโน้มถ่วง กฎหมายหนึ่งแจ้งว่า วัตถุในการเคลื่อนไหวยังคงเคลื่อนไหว และว่า วัตถุที่อยู่ในส่วนที่เหลือ ระเบียบระบุว่า แรงเท่ากับผลคูณของมวลและความเร่ง กฎหมายสุดท้ายเพียงแค่ระบุว่า สำหรับทุกการกระทำ มีปฏิกิริยาตรงกันข้าม และเท่าที่ ทฤษฎีเหล่านี้มาจากบางสิ่งบางอย่างที่เป็นง่าย ๆ เป็นวัตถุหนึ่งวิธีสังเกตปฏิกิริยาอื่นกับการปรากฏของแรงโน้มถ่วงของนิวตัน ใช้กฎหมายเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์ได้รับสามารถที่จะกำหนดวิธีที่จะทำให้การเดินทางในพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น [2] เคปเลอร์johannes_kepler_1610.jpgKepler ก่อตั้งกฎหมายเคลื่อนดาวเคราะห์ กฎหมายแรกระบุว่า วงโคจรของดาวเคราะห์ทุกเป็นรูปวงรีอาทิตย์ที่ foci สองอย่างใดอย่างหนึ่ง สองกฎหมายรัฐที่บรรทัดรวมดาวเคราะห์และดวงอาทิตย์กวาดพื้นที่เท่าระหว่างช่วงเวลาเท่า นั้น และกฎหมายสุดท้ายบอกว่า ตารางระยะเวลาการโคจรของดาวเคราะห์เป็นสัดส่วนโดยตรงกับ cube ของการกึ่งแกนเอกของวงโคจรของมัน กฎยังเข้ามาเล่นด้วยการใช้หนังสติ๊กแรงโน้มถ่วง เนื่องจากเคปเลอร์เชื่อว่า วงโคจรที่ดาวเคราะห์ใช้ทั่วร่างกายอีกดังนี้เป็นรูปไข่ แทนการเดินทางในวงกลม แน่นอนแต่ละดาวเคราะห์มีวงโคจรรีเฉพาะ เช่นเดียวกับมนุษย์มีรอยนิ้วมือที่แตกต่างกันเพื่อหาพวกเขา ก่อนเปิดใช้อุปกรณ์ของพวกเขาลงในช่องว่าง ดาวเคราะห์แต่ละต้องมีรูปแบบระบุให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องสำหรับการเปิดตัว ความรู้นี้ช่วยนักวิทยาศาสตร์ระบุวงรีที่สัมพันธ์กับเส้นทางของวงโคจรเพื่อให้พวกเขาสามารถเปิดดวงตรงที่เหมาะสม เวลาเหมาะสม มีความเร็วที่เหมาะสม การประกอบชุดนี้ของทฤษฎีทั้งสองได้นำวิธีผลที่เราทราบผลกระทบของแรงโน้มถ่วงดึงหนังสติ๊ก [3] วันนี้ UseSlingshot4.GIFToday แรงโน้มถ่วงช่วยผลถูกใช้บ่อยมาก โดยนาซ่าและกองทัพอากาศ มันเป็นเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ "บูสเตอร์" ในจักรวาลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สาเหตุชี้แจงเพิ่มความเร็วของวัตถุแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ แม้แต่หนึ่งขนาดเล็กเป็นดาวอังคาร เราใช้สมการอนุรักษ์พลังงานจลน์ พัฒนา โดยนิวตัน เห็นว่า ไม่มีพลังงานจลน์ หรือพลังงานแทนการหายไปเป็นพลังงานศักย์โน้มถ่วง GPE เป็นเพียงที่ พลังงานศักย์ที่ไม่อยู่ในการเคลื่อนไหวได้ค่อนข้าง นอกจากพลังงานจลน์ โมเมนตัมเชิงเส้นเป็นป่าสงวนยัง การอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงเส้นสมการพิสูจน์ให้เห็นว่า ความเร็วไม่หายไปในการใช้ช่วยในแรงโน้มถ่วง ในความเป็นจริง มันจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งสองของสมการเหล่านั้น เมื่อรวม นำกลับไปของนิวตันกฎหมายของชน พิสูจน์ว่า วิธีการเร่งความเร็วอย่างแม่นยำได้รับการรับรองเพื่อเซอร์ไอแซกนิวตันเองเมื่อโพรบ หรือดาวเทียม หรือแม้กระทั่งเรือพื้นที่เป็นพิณอาหรับทั่วโลก จะไม่เพียงแต่ช่วยให้ความเร็วของตัวเอง พิสูจน์ข้างต้น แต่ยังสืบทอดสองความเร็วของดาวเคราะห์เอง ขณะที่โลกหมุน มันยังหมุนรอบพระอาทิตย์ ถ้าฟิลด์หมุนถูกตีเวลาเหมาะสม และที่มุมขวา ความเร็วของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะรวมในหนึ่งความเร็วสุดท้ายของโพรบที่เหนือกว่าความเร็วเริ่มต้นอย่างหนาแน่น การสอบสวนความเร็วตั้งฉากกับแรงโน้มถ่วงของโลก และจบลงด้านในตรงข้ามกับทิศทางเริ่มต้น แต่เร็วเพียบแน่นอน เพราะในทางทฤษฎี มันสามารถใช้กับร่างกายใด ๆ สเปกตรัมขนาดใดก็เพียบ ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ ด้วยการคำนวณที่น่าเบื่อและฟูพอเพียง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หนังสติ๊กแรงโน้มถ่วงเป็นวิธีการที่นักวิทยาศาสตร์ได้อย่างแท้จริงควบคุมแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์โดยใช้มันเพื่อส่งดาวเทียมและขีปนาวุธที่มีประโยชน์อื่น ๆ ที่มีต่อสถานที่ที่ต้องการของพวกเขา วิธีการนี้ได้รับการพัฒนาผ่านการใช้กฎหมายของนิวตันแรงโน้มถ่วงและกฎหมายที่เคปเลอร์ของดาวเคราะห์เคลื่อนไหว เมื่อความคิดเหล่านี้ของแรงโน้มถ่วงและรูปร่างของวงโคจรของดาวเคราะห์ที่ถูกนำมารวมกันชิ้นโดยชิ้นทฤษฎีใหม่นี้เปลี่ยนวิธีกระสุนเดินทางผ่านพื้นที่ก็สามารถข้ามรูปแบบวงโคจรซึ่งจะเปิดการเปลี่ยนเส้นทางของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ การเปลี่ยนแปลงในเส้นทางเร่งวัตถุในอัตราที่สูงและส่งออกเร่งในทิศทางที่เหมาะสมของมัน หนังสติ๊กแรงโน้มถ่วงไม่ได้รับประกันผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบทุกครั้ง แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าเป็นเทคนิคที่เป็นประโยชน์อย่างมากในโลกของการเดินทางในอวกาศซึ่งเมื่อศึกษาและทดสอบสามารถปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้ผลที่ปลอดภัยและถูกต้องทุกครั้ง. [1]


ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังไอเดีย

นิวตัน

isaac_newton.jpg นิวตันขณะนั่งออกในเขตวันหนึ่งถูกตีที่ศีรษะโดยแอปเปิ้ลที่ตกลงมาจากต้นไม้.
คนส่วนใหญ่จะคิดว่าไม่มีอะไรจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่นิวตันนำเข้ามาในมุมมองที่ว่าบางส่วน แรงมีการวาดแอปเปิ้ลที่พื้นเมื่อมันถูกปล่อยออกมาจากสาขาของต้นไม้ ผ่านการสังเกตมากและการทดสอบนิวตันขึ้นมาพร้อมกับชื่อของพลังนี้ เขาเรียกมันว่าแรงโน้มถ่วง นิวตันได้สร้างสามกฎหมายที่จะใช้เป็นแนวทางในการแรงโน้มถ่วง กฎหมายหนึ่งระบุว่าวัตถุในการเคลื่อนไหวอยู่ในการเคลื่อนไหวและการที่วัตถุที่เหลืออยู่ในส่วนที่เหลือ ประการที่สองกฎหมายระบุว่าแรงเท่ากับผลิตภัณฑ์มวลและความเร่ง สุดท้ายกฎหมายก็ระบุว่าสำหรับทุกการกระทำมีปฏิกิริยาตรงข้ามและเท่าเทียมกัน ทฤษฎีเหล่านี้มาจากสิ่งที่ง่ายเป็นนิวตันสังเกตว่าวัตถุหนึ่งไปยังอีกที่ทำปฏิกิริยากับการปรากฏตัวของแรงโน้มถ่วง การใช้กฎหมายเหล่านี้นักวิทยาศาสตร์ได้รับสามารถที่จะกำหนดวิธีการที่จะทำให้การเดินทางในพื้นที่ที่ประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพมากขึ้น [2]


เคปเลอร์

johannes_kepler_1610.jpgKepler จัดตั้งกฎของดาวเคราะห์เคลื่อนไหว ครั้งแรกที่กฎหมายระบุว่าวงโคจรของดาวเคราะห์ทุกดวงเป็นวงรีมีดวงอาทิตย์ที่เป็นหนึ่งในสองจุดโฟกัส กฎข้อที่สองระบุว่าบรรทัดร่วมงานกับดาวเคราะห์และดวงอาทิตย์กวาดพื้นที่เท่าในช่วงระยะเท่ากันของเวลา และกฎหมายสุดท้ายบอกว่าตารางของระยะเวลาการโคจรของดาวเคราะห์ที่เป็นสัดส่วนโดยตรงกับก้อนของกึ่งแกนหลักของวงโคจรของมัน กฎหมายเคปเลอร์ยังเข้ามาเล่นด้วยการใช้หนังสติ๊กแรงโน้มถ่วงเพราะเคปเลอร์เชื่อว่าวงโคจรของดาวเคราะห์ที่เตะไปทั่วร่างกายอีกต่อไปนี้รูปแบบรูปไข่แทนการเดินทางในวงกลมที่สมบูรณ์แบบ ของแต่ละหลักสูตรมีดาวเคราะห์โคจรเป็นวงรีที่เฉพาะเจาะจงเช่นเดียวกับที่มนุษย์มีลายนิ้วมือที่แตกต่างกันเพื่อแจ้งให้พวกเขา ก่อนที่จะเปิดตัวอุปกรณ์ของพวกเขาเข้ามาในพื้นที่แต่ละดาวเคราะห์จะต้องมีรูปแบบของการระบุเพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ถูกต้องสำหรับการเปิดตัว ความรู้นี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ระบุตำแหน่งจุดที่มีความสัมพันธ์กับเส้นทางของวงโคจรเพื่อให้พวกเขาสามารถเปิดตัวดาวเทียมในโดยตรงที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสมกับความเร็วที่เหมาะสม รวมทั้งชุดนี้ทฤษฎีด้วยกันได้นำไปสู่วิธีการที่จะมีผลกระทบที่เรารู้ว่าเป็นผลหนังสติ๊กแรงโน้มถ่วง [3]




วันนี้ UseSlingshot4.GIFToday แรงโน้มถ่วงช่วยผลที่ได้คือใช้บ่อยมากโดยองค์การนาซ่าและกองทัพอากาศ มันเป็นเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเกิดขึ้นตามธรรมชาติ "Booster" ในจักรวาล แรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์แม้หนึ่งมีขนาดเล็กเป็นดาวอังคารทำให้เกิดชี้แจงเพิ่มความเร็วของวัตถุ โดยใช้การอนุรักษ์ของสมพลังงานจลน์ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยนิวตันเราจะเห็นว่าไม่มีพลังงานจลน์หรือพลังงานการเคลื่อนที่จะถูกหายไปเป็นพลังงานโน้มถ่วง GPE เป็นเพียงที่พลังงานที่มีศักยภาพที่ไม่ได้ใส่ลงไปในการเคลื่อนไหวค่อนข้างยัง นอกเหนือไปจากพลังงานจลน์โมเมนตัมเชิงเส้นเป็นป่าสงวนยัง การอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงเส้นสมการพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่มีความเร็วจะหายไปในการใช้งานของแรงโน้มถ่วงช่วย ในความเป็นจริงก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งสองของสมการนั้นเมื่อรวมกันนำกลับไปใช้กฎหมายของนิวตันชนพิสูจน์ให้เห็นว่าวิธีการของการเร่งความเร็วนี้ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องเพื่อเซอร์ไอแซกนิวตันเอง.

เมื่อการสอบสวนหรือดาวเทียมหรือแม้กระทั่งเรือพื้นที่ที่มีการสะพายทั่วโลกก็ไม่ได้ เพียง แต่ช่วยให้ความเร็วของตัวเองได้รับการพิสูจน์ดังกล่าวข้างต้น แต่ก็ยังได้รับมรดกเป็นครั้งที่สองความเร็วของดาวเคราะห์เอง ขณะที่โลกหมุนก็ยังหมุนรอบดวงอาทิตย์ ถ้าฟิลด์หมุนตีในเวลาที่เหมาะสมและที่มุมขวาทั้งหมดของความเร็วของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะสรุปได้ในความเร็วสุดท้ายของการสอบสวนที่เป็นอย่างหนาแน่นที่เหนือกว่าความเร็วเริ่มต้น ความเร็วของยานจะตั้งฉากกับสนามแรงโน้มถ่วงของโลกและจบลงหันหน้าไปในทิศทางที่ตรงข้ามแน่นอนมันเริ่มต้นใน แต่อนันต์ได้เร็วขึ้น อนันต์เพราะในทางทฤษฎีก็สามารถนำมาใช้กับร่างกายสเปกตรัมใดขนาดใด ทั้งหมดนี้จะประสบความสำเร็จกับการคำนวณที่น่าเบื่อและเพียง Fu พอ